'พิชัย' จี้รัฐ-คสช.หาผู้รับชอบเพิ่มคดีปรส.

'พิชัย' จี้รัฐ-คสช.หาผู้รับชอบเพิ่มคดีปรส.

“พิชัย” จี้รัฐ-คสช.หาผู้รับชอบเพิ่มคดีปรส. แนะตามติดโครงการสวนปาล์มของปตท.ในอินโดนิเซีย

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน กล่าวว่า ตามที่ศาลฏีกามีคำตัดสินให้ผู้บริหารขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) มีความผิด ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ที่ประมูลได้ โดยปรส.อนุญาตให้ผู้ประมูลนำกองทุนรวมที่จัดตั้งขึ้นใหม่มาเซ็นสัญญาแทนชื่อผู้ที่ประมูลได้จริง ทั้งๆ ที่เลยกำหนดวันเซ็นสัญญาไปแล้ว เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ จากกำไรมหาศาลนี้ ซึ่งรัฐบาลในขณะนั้นมีการออกกฎหมายใหม่เพื่ออนุญาตให้ละเว้นภาษีเงินได้แก่กองทุนรวมเหล่านี้ แต่ขณะนั้นกฎหมายยังออกไม่เสร็จในช่วงที่มีการประมูล จึงมีการอนุญาตให้นำกองทุนรวมที่พึ่งตั้งใหม่นี้มาเซ็นสัญญาแทนได้ทั้งที่เลยกำหนดเวลาไปแล้ว ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์อย่างชัดเจน โดยเชื่อได้ว่าน่าจะมีผู้ไดัรับประโยชน์อย่างมหาศาลโดยเฉพาะนักการเมืองในรัฐบาลขณะนั้น ดังนั้น เมื่อศาลฏีกาตัดสินว่า ผู้บริหารของปรส.ที่ตั้งโดยรัฐบาลขณะนั้นมีความผิดที่ทำรัฐเสียหาย แล้วรัฐบาลที่ออกกฎหมายใหม่ให้เว้นภาษีเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกองทุนรวมเหล่านี้ และอาจจะมีการสั่งให้ปรส.อนุญาตให้ใช้กองทุนรวมที่ตั้งใหม่นี้เซ็นสัญญาได้ ควรจะมีความผิดด้วยหรือไม่ และอยากให้สืบสวนว่า ใครได้ประโยชน์จากการนำซากประเทศที่กำลังย่ำแย่มาขายถูกๆ แล้วยังไม่ต้องเสียภาษีในขณะนั้น 

นายพิชัย กล่าวอีกว่า หวังว่าเศรษฐกิจของประเทศจะไม่กลับไปย่ำแย่แบบนั้นอีก นอกจากนี้ อยากให้เร่งดำเนินคดีโครงการสวนปาล์มในประเทศอินโดนิเซียที่มีข้อกล่าวหาว่ามีการทุจริตกันอย่างมาก และเรื่องยังค้างอยู่ที่ ป.ป.ช.ด้วย รวมทั้งอยากให้กระทรวงพลังงานติดตามการเปลี่ยนแปลงของทิศทางพลังงานของโลกอย่างใกล้ชิด เพราะจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยแนวโน้มในต่างประเทศเริ่มส่งเสริมให้แต่ละบ้านมีการผลิตไฟฟ้าให้พอเพียงใช้เองกันแล้ว และราคาในอนาคตอาจจะถูกลง ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพลังงานของทั้งโลก ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมายังไม่เห็นว่ากระทรวงพลังงานมีผลงานอะไรให้เห็นเลย นอกจากราคาน้ำมันโลกที่ลดลงเอง