เร่งตรวจ 'กล่องดำ' เครื่องบินเล็กตก-คนเจ็บเล่านาทีเสี่ยงตาย

ส่งผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ "กล่องดำ" หาสาเหตุเครื่องบินเล็กตก สายการบินแรบบิด แอร์เวย์ ด้านคนเจ็บเล่านาทีเสี่ยงตาย
เจ้าหน้าที่ได้เร่งกู้ซากเครื่องบินเล็กที่ตกย่านหนองจอก เพื่อตรวจหาสาเหตุ โดยตัดต้นไม้ใหญ่ที่ขวางทางและ ใช้รถเครนยกเครื่องบิน และป้องกันไม่ให้ตัวเครื่องบินหัก โดยให้คงสภาพเดิมมากที่สุด
พลตำรวจตรีชัยพร พานิชอัตรา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 และตำรวจ สน.ลำผักชี เข้าตรวจสอบอุบัติเหตุเครื่องบินเล็กตกในคลองลำเกาะเลา หลังวัดลำพะอง แขวงลำผักชี เขตหนองจอก ส่งผลให้นายศิราวุฒิ เตียวประเสริฐ นักบินที่ 1 เสียชีวิตคาที่ ส่วนผู้ดดยสารที่มากับเครื่องบินอีก 3 ราย ได้รับบาดเจ็บ หน่วยกู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลเวชการุณรัชย์
ขณะที่ชาวบ้านในชุมชน 2 รายคือ นางประพิณ เปรมปรี อายุ 48 ปี และนายอรุณ แก้วสน อายุ 78 ปี ได้รับบาดเจ็บจากเศษเครื่องบินที่ตก หน่วยกู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลเสรีรักษ์
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งทำการฉีดโฟม หลังพบว่าเครื่องบินลำดังกล่าวมีน้ำมันรั่วไหลออกมาภายในลำคลอง พร้อมกันผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ และประสานไปยังบริษัทของเครื่องบินลำดังกล่าวเพื่อดำเนินการกู้ซากเครื่องบิน
ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นเครื่องบินลำดังกล่าวบินวนต่ำในระดับเกือบถึงหลังคาบ้านประมาณ 2-3 รอบ ก่อนเกี่ยวกับต้นไม้ใหญ่ หลังจากนั้นหัวเครื่องบินได้เชิดขึ้น พร้อมกับเสียงระเบิด ก่อนที่หัวเครื่องบินจะดิ่งฝ่าต้นไม้เป็นแนวยาว โดยมีเสียงระเบิดดังเป็นระยะ จากนั้นจึงพุ่งลงไปชนสะพานและตกไปในคลองดังกล่าว
ขณะที่ผู้บาดเจ็บเล่านาทีชีวิต ว่าขณะกำลังล้างจานหลังบ้านติดกับคลองที่เกิดเหตุเห็นเครื่องบินบินลงมาในระยะต่ำใกล้เธอมาก และคิดว่าคงไม่รอดแน่ แต่คาดว่ากัปตันคงตัดสินใจนำเครื่องลงในคลองเธอจึงรอดชีวิตมาได้ เพียงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น
ด้าน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 ระบุว่า เครื่องบินลำดังกล่าวเป็นของสายการบิน แรบบิด แอร์เวย์ ซึ่งขึ้นบินจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปจังหวัดนครราชสีมา เมื่อช่วงเช้า ก่อนจะมีกำหนดบินกลับ สนามบินสุวรรณภูมิ ในช่วงบ่าย กระทั่งพบว่า เกิดอุบัติเหตุ ขึ้น ซึ่งมีตัวแทนจากบริษัทสายการบิน มาพบตำรวจแล้ว และให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า การบินครั้งนี้เป็นการซ้อมบิน
ส่วนสาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ได้รับรายงานเบื้องต้นว่าเกิดจากเครื่องยนต์ขัดข้อง 1 เครื่องยนต์ แต่ยังต้องรอการตรวจพิสูจน์กล่องดำ จากผู้เชี่ยวชาญ ขณะเดียวกัน ตำรวจอยู่ระหว่างประสานขอข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลการบิน และตรวจสอบใบอนุญาติการบินว่ามีใบอนุญาตหรือไม่
ด้านนายจิรวัฒน์ คุ้มเกตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า ได้รับการประสานว่าให้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ เนื่องจากสัญญาณของเครื่องบินลำดังกล่าวได้หายไปจากหน้าจอเรดาห์ เมื่อตรวจสอบพบว่าครั้งสุดท้ายที่สัญญาณของเครื่องบินลำดังกล่าวปรากฏนั้นมีระยะทางห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิ 8.3 กม. จึงเร่งตรวจสอบหาพิกัด ประกอบกับชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้แจ้งเหตุที่เกิดขึ้นไปยังหน่วยงานข้างเคียง ก่อนจะพบเครื่องบินตกอยู่ภายในคลองดังกล่าว
โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องเร่งกู้ซากเครื่องบินอย่างต่อเนื่อง หลังจากใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมง ก็ยังไม่สามารถนำเครื่องบินขึ้นมาจากน้ำได้ เมื่อเวลา 21.40 น. เจ้าหน้าที่จึงได้นำรถเครนขนาดใหญ่ โดยได้นำสายสลิงลอดผ่านหน้าต่างด้านหลังนักบิน อีกเส้นนำสายสลิงลอดผ่านหน้าต่างหลัง ก่อนค่อยๆ เคลื่อนเครนยิงตัวเครื่องบินจากจมน้ำอยู่ครึ่งลำ สามารถนำขึ้นมาอยู่เหนือผิวน้ำได้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ต้องชลอการยกไว้เนื่องจากแรงดึงจากสายสลิงทำให้หน้าต่างด้านหลังยุบตัวเข้าไป จึงต้องแก้ด้วยการนำสลิงมาลอดผ่านลำเครื่องด้านหน้าอีกครั้ง ก่อนค่อยๆ ยกขึ้นใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงสามารถยกเครื่องบินขึ้นมาวางไว้บนลานด้านหลังวัดที่เตรียมพื้นที่ได้เรียบร้อย รวมเวลาการกู้ซากเครื่องบิน นานกว่า 6 ชั่วโมง 30 นาที
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรรวจนครบาล ซึ่งเดินทางมายังจุดเกิดเหตุบอกว่า เจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนผู้ได้รับบาดเจ็บและพยานแวดล้อมเพิ่มเติม และประสานทางคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุของอากาศยานในราชอาณาจักรเข้ามาตรวจสอบซากเครื่องบินในวันนี้ อย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งเบื้องต้น จากการสอบถามผู้ช่วยนักบินทราบว่า ขณะที่เครื่องบินบินอยู่เครื่องเกิดไม่มีกำลัง จึงต้องหาที่ลงฉุกเฉิน แต่เนื่องจากพื้นที่ การลงจอดมีจำกัดทำให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยต้องเย็บ 6 เข็ม และผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 5 รายปลอดภัยแล้ว







