ถอนใบอนุญาต6บบริษัทชาวจีน ฮุบทัวร์ภูเก็ต-สอบเส้นทางเงิน
"ศรีวราห์" เผยถอนใบอนุญาต6บริษัท ที่ชาวจีนปลอมบัตรปชช. ฮุบทัวร์ภูเก็ตแล้ว พร้อมสอบเส้นทางเงินเครือข่าย17บริษัท
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) เดินทางมาติดตามความคืบหน้า การดำเนินคดีบริษัททัวร์ชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต จากกรณีเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ที่ผ่านมา ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบและจับกุม 4 บริษัทใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต หลังจากขอศาลจังหวัดภูเก็ต อนุมัติหมายจับนายวีระชัย คำไผ่ประพันธ์กุล หลบหนีไปเมื่อปลายปีที่แล้ว และนายกฤชกร รุ่งมงคลนาม อยู่ระหว่างการขอประกันตัว 2 ผู้ต้องหาในความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน
พล.ต.อ.ศรีวรา ระบุว่า สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต ได้ทำการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการท่องเที่ยว 6 บริษัทแล้ว ซึ่งอยู่ในเครือข่ายเดียวกับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ซึ่งหากพบว่ายังแอบลักลอบทำธุรกิจอยู่ ก็จะดำเนินคดีอย่างหนัก รวมถึงยึดเรือสปีดโบ้ท และรถทัวร์นำเที่ยวทั้งหมดไว้เป็นของกลาง พร้อมเตรียมตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ถูกส่งออกนอกประเทศ
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบเครือข่ายนำเที่ยวของบริษัทนี้ เป็นเครือข่ายใหญ่ที่มีผู้ร่วมขบวนการหลายคนทั้งคนไทยและคนจีน ส่วนจะมีผู้มีอิทธิพลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยนายวีระชัยและนายกฤชกร ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย พบการทำผิดในเรื่องการสวมบัตรประชาชนคนไทย และมาเปิดบริษัทในลักษณะเป็นนอมินี ซึ่งถือว่ามีความผิดตามกฏหมายอย่างชัดเจน
และจากการตรวจสอบประวัติบริษัท ทรานลี่ ทราเวล พบว่าเปิดมานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่ปี 2544 โดยในแต่ละวัน ในช่วงโลวซีซั่น จะมีนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ตประมาณ 1หมื่นคนต่อวัน ส่วนช่วงไฮซีซั่นจะมีนักท่อเที่ยวมากถึง 2-5 หมื่นคนต่อวัน
สำหรับนายวีชระชัยและนายกฤชกร เป็นชาวจีนสวมสิทธิบัตรประชาชนคนไทยมานานกว่า 10 ปี โดยเดินทางเข้าไทยมาทางภาคเหนือและถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ทรานลี่ ทราเวล จำกัด โดยมีบริษัทลูกในเครือทั้งหมด 17 บริษัท ตั้งอยู่ที่จังหวัดพังงา 2 บริษัทและจังหวัดภูเก็ต 15 บริษัท โดยประกอบธุรกิจนำเที่ยวทัวร์จีน มีทั้งรีสอร์ท สปา รถทัวร์นำเที่ยว เรือสปีดโบ้ทร้านขาย ของที่ระลึก ส่งผลให้บริษัทมีคนต่างด้าวเกินกว่าที่กำหนด ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม นอกจากเครือข่ายบริษัทแล้ว ยังพบอีกหลายบริษัทในจังหวัดภูเก็ต กระทำความผิดในลักษณะเดียวกันซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบขยายผลต่อไป







