นำตัว3โจ๋ทำแผนฯ สารภาพยิงอริพลาดถูกเด็ก15ดับ

นำตัว3โจ๋ทำแผนฯ สารภาพยิงอริพลาดถูกเด็ก15ดับ

"นครบาล" นำตัว3โจ๋ทำแผนฯ สารภาพยิงอริพลาดถูกเด็ก15ดับ เผยกรมคุ้มครองสิทธิฯเยียวยาเหยื่อ1แสนบาท

ที่ สน.บางชัน เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 มกราคม พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 พ.ต.อ.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล รองผบก.น.4 พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.สุวิชชา จินดาคำ ผกก.สน.บางชัน พ.ต.อ.สุเทพ ชนะสิทธิ์ ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.ท.อภิชาต อุตรมาตย์ รอง ผกก.สส.สน.บางชัน พ.ต.ท.ชัยรัตน์ หิรัญบรูณะ รองผกก.สส.บก.น.4 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.บางชัน ฝ่ายสืบสวนบก.น.4 แถลงจับกุม นายฤทธิพงษ์ หรือบอย เชื้ออาษา อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 49/2559 ลงวันที่ 19 ม.ค. 59 นายต้น (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลมีนบุรี ที่ 51/2559 ลงวันที่ 19 ม.ค. 59 จับกุมได้เมื่อวันที่ 19 ม.ค. เวลาประมาณ 15.00 น. บริเวณท้ายซอยเสรีไทย 73 แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กทม. และ นายวรภาส หรือกี้ ลิมทวีสมเกียรติ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลมีนบุรี ที่ 50/2559 ลงวันที่ 19 ม.ค. 59 จับกุมได้เมื่อเมื่อวันที่ 20 ม.ค. บริเวณหน้าหอพักแห่งหนึ่ง ถ.เลียบคลองหกตะวันออก ซ.14 ม.1 ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ร่วมกันมีอาวุธปืนแบะเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ พร้อมของกลาง หมวกกันน็อคแบบเต็มใบยี่ห้ออินเด็กซ์ สีขาว 1 ใบ เสื้อแจ็กเก็ตแขนยาวคอปกสีกรมท่า 1 ตัว เสื้อเชิ้ตแขนยาวคอปกสีขาว 1 ตัว รองเท้าผ้าใบ ยี่ห้อคอนเวิสต์ สีเทา 1 คู่ หมวกกันน็อคแบบเต็มใบ ยี่ห้ออินเด็ก สีดำ 1 ใบ เสื้อเชิ้ตแขนยาวคอปกสีกรมท่า 1 ตัว กางเกงยีนส์ายาวสีดำ 1 ตัว รถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเอ็มเอสเอ็กซ์ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน หมวกกันน็อคแบบเต็มใบยี่ห้อสเปท คราว สีดำ 1 ใบ เสื้อยืดคอกลม แขนสั้นสกรีนด้านหลัง "เทคโนโลยีบางกะปิ สีขาว 1 ตัว กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน 1 ตัว รองเท้าผ้าใบยี่ห้อดีเซลสีชมพู 1 คู่ รถจยย.ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นโซนิคสีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้เร่งสืบสวนติดตามตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดและสอบปากคำพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุ จนทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุในคดีนี้มี 3 คน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติต่อศาลจังหวัดมีนบุรี จนกระทั่งศาลได้อนุมัติหมายจับจนนำไปสู่การจับกุม นายฤทธิพงษ์ หรือบอย เชื้ออาษา อายุ 20 ปี ผู้ขับขี่รถจยย.ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นโซนิคสีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน นายวรภาส หรือกี้ ลิมทวีสมเกียรติ อายุ 21 ปี ผู้ซ้อนท้ายรถจยย.ของนายบอย ซึ่งเป็นมือปืนที่ลั่นไกในวันเกิดเหตุ และนายต้น (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ผู้ขับขี่รถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเอ็มเอสเอ็กซ์ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน โดยเหตุเกิดบริเวณร้านโอปอขายของชำ กลางซอยกาญจนาภิเษก 25 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กทม. เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ ขณะที่ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ได้ขับขี่รถจยย.ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นเวฟ 125 สีน้ำเงิน ทะเบียน บลฉ-573 กทม. โดยมีนายบี (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นั่งซ้อนท้ายมา โดยได้ขับรถมาจาก ถนนพัฒนาชนบท 3 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กทม. เพื่อไปเรียนที่โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ เมื่อมาถึงบริเวณหน้าร้านโอปอ ซึ่งเป็นร้านขายของชำ ภายในซอยกาญจนาภิเษก 25 ได้มีกลุ่มวัยรุ่นคล้ายกับนักเรียนช่างกล สวมหมวกนิรภัยเต็มใบจำนวน 3 คน ขับขี่รถจยย.จำนวน 2 คัน ไล่ตามหลังมา ก่อนที่กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวจะใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาด ยิงใส่นายบี และนายเอ จำนวนหลายนัด และนายเอได้ขับขี่รถจยย.หลบหนีไปที่บ้าน หลังจากเกิดเหตุทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นที่ไล่ยิงนั้นลูกกระสุนได้พลาดไปโดน นายบัญญวัต สืบสำราญ อายุ 15 ปี บริเวณกลางหน้าผาก เป็นเหตุให้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวอีกด้วยว่า จากการสอบถามนายชาญชัย ศรีบุรี อายุ 35 ปี คนขับรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ สีบรอนซ์ ฟมายเลขทะเบียน 1ฒฐ-9257 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพี่ชายของผู้เสียชีวิตที่นั่งมาด้วยกันให้การว่า ขณะที่ขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าว เดินทางมาจากย่านอ่อนนุชมุ่งหน้ากลับบ้านที่หมู่บ้นพูนสินธานี1 ย่านเคหะร่มเกล้า โดยมีผู้เสียชีวิตนั่งด้านหน้าข้างซ้ายผู้ขับขี่ เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ได้ยินเสียงดังคล้ายประทัดและรู้สึกเหมือนที่หน้ากระจกคล้ายถูกก้อนหิน เมื่อหันมาพบว่านายบัญญวัต ถูกยิงที่บริเวณหน้าผาก จึงได้เลี้ยวจอด และได้ขอความช่วยเหลือกับคนใกล้เคียง ต่อมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมายังที่เกิดเหตุเพื่อให้ความช่วยเหลือแต่นายบัญญวัตเสียชีวิตแล้ว

นอกจากนี้จากการตรวจสอบพบว่าอาวุธปืนลูกโม่ที่นายกี้ใช้ก่อเหตุ ได้มาจากการหาซื้อทางอินเตอร์เน็ตในราคาประมาณ 6,500 บาท และจากการตรวจสอบประวัติพบว่ามีหมายจับในคดีฆ่าผู้อื่นในพื้นที่สน.ประเวศ ก่อเหตุเมื่อช่วงเดือน ก.ค. 58 ซึ่งจะให้เจ้าหน้าที่มาอายัดตัวต่อไป ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา

ด้าน นายวรภาสหรือกี้ มือปืน เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุตนและพวกได้จอดรถจยย.แวะซื้อของที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง ก่อนที่ตนจะเห็นกลุ่มวัยรุ่นอีกกลุ่มซึ่งไม่คุ้นหน้าตาและคาดว่าน่าจะเป็นคู่อริต่างสถาบัน ก่อนที่กลุ่มวัยรุ่นที่ตนเห็นได้ชักอาวุธปืนออกมาเพื่อข่มขู่พวกตนก่อน ตนจึงใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมาไล่ยิงกลุ่มซึ่งคาดว่าเป็นคู่อริ โดยที่ไม่รู้ว่าอยู่สถาบันเดียวกัน เพราะก่อนหน้านี้ได้มีรุ่นพี่ของตนเสียชีวิตในลักษณะนี้มาแล้ว ทำให้ต้องป้องกันตัว

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายฤทธิพงษ์ หรือบอย และนายวรภาส หรือกี้ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่หน้าร้านโอปอขายของชำ กลางซอยกาญจนาภิเษก 25 แขวงและเขตสะพานสูง กทม. โดยนายฤทธิพงษ์ เป็นผู้ขี่จยย.ฮอนด้า รุ่นโซนิค สีแดง ส่วนนายวรภาส มือยิงเป็นผู้ซ้อนท้าย ซึ่งเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุนายวรภาสได้เล็งปืนไปที่กลุ่มนายเอ (นามสมมติ) เพราะเข้าใจว่าเป็นคู่อริ ขณะที่นายชาญชัยขับรถกระบะมาจอดหน้าร้านดังกล่าว มีนายบัญญวัตนั่งข้างมาด้วย โดยจอดถัดออกไปประมาณ 50 เมตร ขณะที่นายวรภาสลั่นไกนั้นเป็นจังหวะเดียวกับที่รถจยย.อยู่บนลูกระนาด ทำให้เสียการทรงตัว ลูกกระสุนจึงพลาดไปถูกนายบัญญวัต จนเสียชีวิต อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนส่งพนักงานสอบสวน สน.บางชัน สอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนนำส่งศาลจังหวัดมีนบุรีต่อไป

พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยว่า สำหรับการทำแผนที่ญาติของผู้ต้องหาเดินทางมาดูด้วยนั้น หากสงสัยหรือติดใจส่วนใดสามารถเข้าสอบถามกับตนได้โดยตรง ตนพร้อมจะชี้แจงให้เกิดความกระจ่าง หายคลางแคลงใจ โดยยืนยันว่าตำรวจมีหลักฐานแน่นหนา ในการจับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เนื่องจากกว่าจะนำตัวมาแถลงนั้น ตนได้กำชับให้รวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำให้เป็นที่แน่ชัดว่าไม่ได้จับกุมผิดคน

อย่างไรก็ตามในส่วนการเยียวยาผู้เสียชีวิตในคดีดังกล่าวนั้น ทางกรมคุ้มครองสิทธิได้เข้ามาช่วยเหลือ โดยเป็นไปตามระบบ หากเสียชีวิตจะได้ค่าเยียวยา 100,000 บาท หากบาดเจ็บสาหัสจะได้ค่าเยียวยา 30,000-40,000 บาท นอกจากนี้ในส่วนของการจับกุมการค้าอาวุธและของผิดกฎหมายทางโซเชียลมีเดียนั้น ตนได้มอบหมายให้ตำรวจบก.สส.บช.น. เฝ้าระวังการขายอาวุธปืนผ่านโซเชียลอยู่แล้ว และที่ผ่านมาสามารถจับกุมไปได้จำนวนมาก จากสถิติในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา มีผลการจับกุมและยึดอาวุธปืนผิดกฎหมายมากว่าปีที่แล้วกว่า 40 กระบอก ทั้งนี้ขอน้ำว่าหากประชาชนมีเบาะแสการจำหน่ายปืนผิดกฎหมาย ให้แจ้งตำรวจ จะมีรางวัลนำจับ ตั้งแต่ 1,000 - 5,000 บาท