'ยศชนัน' ชู รฟฟ.20 บาทตลอดสาย 'จุลพันธ์' แย้มนโยบายสวัสดิการ ปชช.

'ยศชนัน' ชู รฟฟ.20 บาทตลอดสาย 'จุลพันธ์' แย้มนโยบายสวัสดิการ ปชช.

'ยศชนัน' ลงพื้นที่ตลาดวัดเกาะ สายไหม กทม. ชูนโยบายประชานิยม-รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายหาเสียง 'จุลพันธ์' เลิกดิจิทัลวอลเล็ต เน้นสวัสดิการ พาไทยพ้นความยากจน

KEY

POINTS

  • นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ชูนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โดยระบุว่าเป็นนโยบายที่สามารถทำได้ทันทีเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน
  • นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เผยว่าพรรคเตรียมจะเปิดนโยบายใหญ่ด้านสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้พ้นจากความยากจน
  • พรรคเพื่อไทยเน้นกลยุทธ์การหาเสียงโดยเสนอนโยบายที่แก้ปัญหาปากท้องและเข้าถึงประชาชน เช่น การลดรายจ่าย การแก้ปัญหาหนี้สิน และที่อยู่อาศัย

เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2568 ที่ตลาดวัดเกาะ เขตสายไหม กทม. นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์​​ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์​​ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย น.ส.นางสาวรัตติกาล แก้วเกิดมี​​ ผู้สมัคร สส.กทม.เขต 11 รวมถึงผู้สมัคร สส.กทม. พรรคเพื่อไทย อีกหลายเขต ลงพื้นที่หาเสียง

เมื่อนายยศชนันมาถึง ได้เดินพบปะพูดคุย พร้อมแนะนำตัวผู้สมัคร และหมายเลขปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเพื่อไทย บรรยากาศเป็นไปอย่างคึก มีประชาชนมารอมอบดอกไม้ พวงมาลัย และเข้ามาขอถ่ายรูปเซลฟี่กับนายยศชนัน ทั้งนี้ มีแม่ค้ารายหนึ่งได้เข้ามาสวมกอดนายยศชนัน พร้อมกับหอมแก้มด้วย ทำให้นายยศชนันถึงกับยิ้มเขิน

นายยศชนัน ยังได้ร่วมทำบุญตักบาตรร่วมกับผู้สมัคร สส.กทม. ก่อนจะเดินหาเสียงมาจนถึงท้ายตลาด และได้ร่วมนั่งดื่มกาแฟพูดคุยรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่

'ยศชนัน' ชู รฟฟ.20 บาทตลอดสาย 'จุลพันธ์' แย้มนโยบายสวัสดิการ ปชช.

จากนั้น นายยศชนัน ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ในช่วงเช้านี้ว่าเป็นบรรยากาศที่ครึกครื้น พบว่าหลายคนในช่วงเทศกาลปีใหม่ยังอยู่ในกรุงเทพมหานคร บางคนกลับต่างจังหวัด วันนี้ได้กำลังใจอย่างล้นหลาม มาพร้อมกับผู้สมัครรับเลือกตั้ง และหมายเลขประจำพรรคหมายเลข 9 ซึ่งเป็นหมายเลขที่สื่อสารง่าย ไม่ทำให้ประชาชนสับสนและจำพรรคเพื่อไทยได้

ส่วนกลยุทธ์การหาเสียงที่จะเน้นและแข่งกับคู่แข่ง จะเน้นความเข้าใจปัญหาของประชาชนในพื้นที่ ผู้สมัครแต่ละคนได้สื่อสารแนวนโยบาย พบว่าหลายนโยบายของพรรคเพื่อไทยโดนใจพี่น้องประชาชน สิ่งที่สำคัญคือการทำให้นโยบายเกิดขึ้นทันทีหลังได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในวันที่ 8 ก.พ. 

นายยศชนัน กล่าวอีกว่า ในการลงพื้นที่หาเสียง ได้รับการตอบรับจากประชาชนดีมากในการหาเสียง สิ่งสำคัญประชาชนเริ่มจดจำนโยบายของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่นโยบายที่เคยทำมาก่อน รวมถึงนโยบายที่ทำขึ้นใหม่ แสดงให้เห็นถึงการสื่อสาร ว่าเป็นนโยบายที่เข้าถึงประชาชน แนวทางนโยบายคือการลดรายจ่าย หากเศรษฐกิจดีรายได้เพิ่มขึ้นรายจ่ายน้อยลง และมีนโยบายเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย

'ยศชนัน' ชู รฟฟ.20 บาทตลอดสาย 'จุลพันธ์' แย้มนโยบายสวัสดิการ ปชช.

“เกี่ยวกับบ้านตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ เรามีนโยบายในส่วนนี้ อีกอันนึงเกี่ยวกับหนี้ ทุกคนยังมีปัญหาเรื่องนี้อยู่ จะต้องทำเรื่องนี้ก่อน และอีกตัวนึงที่ทำได้เลยและเป็นความแตกต่าง คือการทำนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายสามารถทำได้เลย เรื่องเกี่ยวกับการคมนาคมขนส่งในจุดที่ไม่มีรถไฟฟ้า จะเป็นฟีดเดอร์ที่สามารถยึดโยงได้ เป็นเรื่องราคา 10 บาท เป็นนโยบายที่สำคัญและประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี” นายยศชนัน กล่าว

ส่วนนายจุลพันธ์ กล่าวเสริมถึงนโยบายหลังจากนี้ที่จะปล่อยออกมาว่า ไม่ใช่นโยบายลักษณะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่เป็นเรื่องสวัสดิการของประชาชน จะเป็นนโยบายใหญ่และจะตอบโจทย์ประชาชน เพื่อให้คนไทยพ้นจากความยากจน

เมื่อถามถึง ปัญหาที่เกิดขึ้นกับพรรคคู่แข่งสำคัญจนมีการเปลี่ยนตัวผู้สมัครในกทม. จะส่งผลดีต่อพรรคเพื่อไทยในช่วงหาเสียงหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้มองว่าจะส่งผลดีต่อพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ กทม. หรือไม่ เพราะเป็นสิ่งที่แต่ละพรรคการเมืองจะต้องคัดสรรผู้สมัคร ยืนยันพรรคเพื่อไทยพยายามคัดสรรอย่างดีที่สุด และมองการคัดสรรของพรรคประชาชนอาจว่า อาจเป็นข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้จะต้องมีการปรับแก้เอง พร้อมยอมรับห่วง 2 เรื่อง คือกรณีหาก กกต. ดำเนินการให้เปลี่ยนแปลงผู้สมัครได้ และ 2. เมื่อเปลี่ยนตัวแล้วต้องให้ประชาชนพิจารณา ว่าผู้สมัครและพรรคการเมืองใดตอบโจทย์ประชาชน

“หลักคิดไม่ให้มีการเปลี่ยนหลังจากสมัคร ในอดีตเคยมีการใช้อามิสินจ้าง ไปขอกดดันเพื่อให้ผู้สมัครถอนตัวเกิดขึ้นได้หากเราเปิดช่องนี้ในอนาคตอาจจะเกิดปัญหาที่ใหญ่กว่า ในพรรคเพื่อไทยดู แล้วกระบวนการสมัครเมื่อสมัครแล้วไม่ควรมีการถอนตัวได้” นายจุลพันธ์ กล่าว

หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ป้ายหาเสียงของผู้สมัครพรรคเพื่อไทยในกทม. ถูกทำลาย ซึ่งทุกเคส มักเกิดมาจากการลงมือของพรรคเดียวว่า ไม่ได้โทษผู้สมัคร เชื่อว่าไม่มีใครสั่งเช่นนั้น ด้วยความเคารพกันและกัน ด้วยพรรคเพื่อไทยมีประสบการณ์เลือกตั้งมาหลายครั้งระมัดระวังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก มีการกำชับผู้สมัครห้ามทำลายป้ายของคนอื่น ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินการ