หญิงชราวัย73มอบตัว! คดีบงการฆ่าว่าที่ลูกสะใภ้ท้อง3เดือน

หญิงชราวัย73มอบตัว! คดีบงการฆ่าว่าที่ลูกสะใภ้ท้อง3เดือน

แม่วัย73ฝ่ายชายไม่ยอมรับ "ว่าที่ลูกสะใภ้" จ้างมือปืนยิงตายทั้งที่ท้อง3เดือน ศาลชั้นต้น-อุทธรณ์ สั่งประหาร จัดฉากตายหนีฎีกา ตร.กดดันจนมอบตัว

เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ท.ธราดล เหมพัฒน์ พนักงานสอบสวน ผู้ชำนาญการพิเศษ กก.6 บก.ป. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัวนางจุรี (ขอสงวนนาม) อายุ 73 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา เลขที่ สช 151/2558 ฐานความผิด ฐานจ้างวานใช้ให้ฆ่าผู้อื่น หลังติดต่อขอเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม

พล.ต.ต.อัคราเดช กล่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อเย็นวันที่ 13 ธันวาคม 2550 ได้เกิดเหตุ 2 มือปืนบุกยิง น.ส.แพร (นามสมมติ) อายุ 26 ปี เภสัชกร ที่กำลังตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน เสียชีวิตที่คลินิกใน อ.ควนเนียง จ.สงขลา พร้อมพนักงานจัดยาที่ยืนอยู่บริเวณเคาน์เตอร์อย่างโหดเหี้ยม ต่อมาจากการสืบสวนพบว่า ผู้ตายกำลังจะแต่งงานกับพนักงานธนาคาร อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของนางจุรี ในวันที่ 29 ธันวาคม 2550 แต่นางจุรีไม่ยินยอม เนื่องจากครอบครัวมีฐานะดีเป็นเศรษฐีมีหน้ามีตา ส่วนครอบครัวของ น.ส.แพร นั้นมีฐานะที่ด้อยกว่า จึงได้ประกาศว่า หากไม่ยกเลิกงานแต่ง ก็ให้จัดงานศพแทน

ทั้งนี้ ต่อมาตำรวจชุดสืบสวนสามารถจับกุมคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ คือ นายนรินทร์ จันทร์ฉาย อายุ 36 ปี และนายคง (นามสมมติ) อายุ 40 ปี ก่อนให้การซัดทอดว่า นางจุรี เป็นผู้ว่าจ้างให้ลงมือก่อเหตุด้วยจำนวนเงิน 5 แสนบาท จึงได้ขยายผลติดตามจับกุมนางจุรี มาดำเนินคดี ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.ควนเนียง สรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 ตามข้อกล่าวหา แต่พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง นายคง ซึ่งต่อมาศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษประหารชีวิตนายนรินทร์ และนางจุรี และศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น แต่ในระหว่างที่มีการพิจารณาของศาลฎีกา นางจุรี ได้วางหลักทรัพย์จำนวน 5 ล้านบาท เพื่อขอประกันตัวออกไปชั่วคราว

พล.ต.ต.อัคราเดช กล่าวอีกว่า ต่อมาวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 บุตรสาวของนางจุรี และทนายความ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดสงขลา ว่า นางจุรี มารดาได้ถึงแก่กรรม พร้อมยื่นใบมรณบัตรเป็นหลักฐานการตายขอให้ศาลคืนเงินประกัน โดยอ้างว่าเสียชีวิตจากสาเหตุการเป็นลมในเขตพื้นที่ จ.ชุมพร ขณะเดินทางกลับจากการร่วมชุมนุมที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ เมื่อเห็นว่าเสียชีวิตแล้ว เลยไม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล รุ่งขึ้นฝากศพไว้กับเพื่อนก่อนไปพบผู้ใหญ่บ้านแจ้งการตาย ขอให้ออกหนังสือรับรองนำไปเป็นหลักฐานแจ้งอำเภอ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากรายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุการตายที่ไม่ชัดเจน จึงทำให้ศาลจังหวัดสงขลา มีคำสั่งให้ไต่สวนตรวจสอบการตายของผู้ต้องหารายนี้อีกครั้ง กระทั่งสืบทราบจนแน่ชัดแล้วว่า เป็นการแจ้งตายเท็จ ผู้ต้องหารายนี้ยังคงมีชีวิตอยู่ ประกอบกับเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2558 มารดา น.ส.แพร อายุ 55 ปี ได้เข้าร้องเรียนให้พนักงานสอบสวน กก.6 บก.ป. ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว

พล.ต.ต.อัคราเดช กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้เมื่อเดือน มีนาคม 2558 ตำรวจได้นำหมายค้นของศาล จ.สงขลา เข้าตรวจค้นบ้าน ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง จ.สงขลา แต่ก็ไม่พบตัวนางจุรีแต่อย่างใด โดยพบเพียงภาพถ่ายของเจ้าตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้า โดยไม่มีการปักธูปเทียนเหมือนคนตายทั่วๆ ไป กระทั่งต่อมาสืบทราบว่า นางจุรีได้หลบหนีมากบดานที่บ้านของเซียนพระชื่อดังใน อ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นน้องเขยของนางจุรี แต่ก็ไม่พบตัว อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการถูกตำรวจเข้ากดดันอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทำให้นางจุรีผู้ต้องหารายนี้ทนแรงกดดันไม่ไหว จึงติดต่อขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามดังกล่าว

จากการสอบสวน นางจุรี ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่า ถูกใส่ร้าย และไม่ได้เป็นผู้จ้างวานนายนรินทร์ มือปืน ไปก่อเหตุฆ่า น.ส.แพร แต่อย่างใด เพราะว่าตนไม่ได้มีการรู้จักกับนายนรินทร์มาก่อน ส่วนกรณีการแจ้งเท็จในการขอใบมรณบัตรจากเจ้าพนักงานปกครองนั้น ไม่ขอกล่าวถึง เนื่องจากเรื่องผ่านมานานแล้ว อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ พร้อมทั้งเตรียมขยายผลตรวจสอบผู้ที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งออกใบมรณบัตรเท็จดังกล่าว ประกอบด้วย ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นผู้ทำหนังสือรับรองการเสียชีวิตของนางจุรี เพื่อนำไปใช้ในการขอรับใบมรณบัตรต่อปลัดอำเภอฝ่ายปกครอง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร , หัวหน้ามูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ ซึ่งเป็นผู้ร่วมดำเนินการในการนำหนังสือรับรองการเสียชีวิตของนางจุรีไปให้รักษาการเจ้าอาวาสวัด และบุตรสาวของนางจุรี ซึ่งเป็นผู้นำใบมรณบัตรไปยื่นเป็นหลักฐานการตายต่อศาลจังหวัดสงขลา ส่วนนางจุรี เบื้องต้น พนักงานสอบสวนจะนำตัวส่งศาลจังหวัดสงขลาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป