ชาวบ้านร้องหยุดระเบิดหินของโรงโม่หิน

ชาวบ้านกลอนโด จ.กาญจนบุรี กว่า 100 คน ชุมนุมต่อต้านให้ระงับการระเบิดหินของโรงโม่หิน
ชาวบ้านหมู่ 10 ต.กลอนโด อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี กว่า 100 คน รวมตัวกันต่อต้านการระเบิดหิน ในพื้นที่โดยมี นายเผียน อัมพบุตร อายุ 83 ปี 2/6 ม.10 ต.กลอนโด อ.ด่านมะขามเตี้ย เป็นแกนนำ โดยมี นายชาญ เสมสวัสดิ์ นายอำเภอด่านมะขามเตี้ย รับการร้องเรียน ผู้ร้องเรียนอ้างว่า ได้มีนายทุนจากโรงโม่หินหมู่ที่ 10 ต.กลอนโด โดยมีนายทุนมาทำการขอสัมปทานระเบิดหินเขาปู่คง ซึ่งเขาลูกนี้ได้ตั้งอยู่กลางใจหมู่บ้าน หากทางอุตสาหะกรรมจังหวัดกาญจนบุรี อนุญาตให้ทำและต่อสำปะทานต่อไป ก็จะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้าน แต่ก็ยังสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้าน เนื่องจากชาวบ้านมีผลกระทบจากทางโรงโม่ทำการระเบิดหิน ทำให้หินปลิวไปตกลงบนหลังคา และใส่คนงานของวัดจนพิการอยู่จนทุกวันนี้
ด้าน นายเผียน อัมพบุตร อายุ 83 ปี 2/6 ม.10 ต.กลอนโด กล่าวว่า ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากการระเบิดหิน เนื่องจากหินได้กระเด็นไปตกยังหลังคาบ้านเรือนราษฎร วัดวาอาราม ซ่อมกันไม่หยุดหย่อน พอซ่อมเสร็จได้สองสามวันหินที่มาจากการระเบิดเขาก็มาตกใส่อีก ก่อนหน้านี้รับปากว่าจะไม่ใช้การระเบิด ใช้รถแบ๊คโฮขุดเซาะ แต่ก็ไม่ทำตามที่ได้บอกไว้ ซึ่งต่อมาได้รับแจ้งว่าผู้ประกอบการไม่สามารถใช้รถแบ๊คโฮเสาะหินได้ จึงจำเป็นต้องใช้การระเบิด ส่งผลให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนดังกล่าว จึงอยากจะขอร้องไม่ให้ทำสำปะทานระเบิดหินในพื้นที่ต่อไป
ส่วน นางสุวรรณี จันดา อายุ 47 ปี ชาวบ้านหมู่ 10 กล่าวว่า ชาวบ้านมีการทำประชามคมมาแล้ว 3 ครั้ง 2 ครั้งแรก ไม่มีชาวบ้านยินยอมให้ต่อสัมปทานแต่อย่างใด ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีการทำประชามคมที่ องค์การบริหารส่วนตำบลกลอนโด ปรากฏว่า คะแนนเสียงไม่ให้ต่อสัมปทานชนะ 30 เสียง แต่ผู้ประกอบการบอกกับชาวบ้านว่า จะดำเนินการต่อ ทำให้ชาวบ้านเกรงว่า ทางผู้ประกอบการ จะทำการระเบิดหินอีก ซึ่งสถานที่เขาปู่คงแห่งนี้ ทางบริษัท ได้รับสัมปทานระเบิดหิน เมื่อปี 2534 และได้หยุดดำเนินการเมื่อปี 2545 และเหลืออายุสัมปทานอีก 2 ปี ทางผู้ประกอบการ จึงดำเนินการขอต่อสัมปทานอีก แต่ชาวบ้านไม่ยอม และไม่ต้องการให้มีประชาคมอีกต่อไป เนื่องจากได้มีชนเผ่าโยกย้ายเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งหากมีการประชาคมขึ้นมา อาจจะทำให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนและพ่ายแพ้ต่อการประชาคมได้
ต่อมา ชาวบ้านได้พยายามติดต่อกับ นางพินิจนันท์ ปังประเสริฐโชค นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกลอนโด เพื่อให้เดินทางเข้าพื้นที่ และชี้แจงให้กับปนระชาชนได้รับทราบ โดยนายกองค์การบริหารส่วนตำบลกลอนโด ชี้แจงว่า ผู้ประกอบการไม่สามารถทำอะไรได้อยู่แล้ว เนื่องจากการทำประชาคมของชาวบ้านไม่ผ่านให้ ส่วนเหตุที่ส่งเรื่องให้ทางอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี พิจารณาเนื่องจากเจ้าหน้าที่ลืมส่ง และได้ดำเนินการส่งไปแล้ว สรุปว่าเมื่อไม่ผ่านประชาคมจากชาวบ้าน ผู้ประกอบการก็ไม่สามารถทำอะไรได้ และตนขอยืนยันว่าจะไม่ลงนามอนุมัติให้ผู้ประกอบการดำเนินการต่อไปได้
ขณะที่ นายชาญ เสมสวัสดิ์ นายอำเภอด่านมะขามเตี้ย กล่าวว่า หากชาวบ้านเดือดร้อนก็ต้องตามใจชาวบ้าน อย่างไรก็แล้แต่ ก็ต้องฟังเหตุผลของทั้งสองฝ่าย ซึ่งผู้ประกอบการต้องการที่จะต่ออายุ แต่ก็ต้องฟังความคิดเห็นของชาวบ้าน ในเมื่อชาวบ้านไม่เห็นด้วยก็ต้องส่งเรื่องให้อุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี เป็นผู้พิจารณาในเรื่องการออกสำปะทานบัตร ซึ่งต้องรับฟังเสียงชาวบ้านเป็นหลัก ส่วนการที่มีกระแสว่าจะมีการโยกย้ายบุคลเข้าเพื่อรองรับการประชาพิจารณ์ครั้งต่อไปคงทำไม่ได้ เพราะจะต้องมีการตรวจสอบว่า จะมาใช้สิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นในการทำประชาพิจารณ์คงไม่ได้ เพราะไม่เป็นการทำโดยสุจริตใจ หลังจากที่ชาวบ้านได้รับการชี้แจงเป้นที่พอใจจึงได้แยกย้ายกันกลับ
จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 36/1 ม.4 ต.กลอนโด อ.ด่านมะขามเตี้ย ซึ่งเป็นบ้านที่ นางวงเดือน รุ่งเรืองจันทร์ อายุ 59 ปี ผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุหินตกใส่ศีรษะ จนเป็นอัมพฤต แขนซ้ายใช้การไม่ได้ตามปกติ โดยนางวงเดือนเปิดเปิดเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า นานมาแล้ว ขณะที่เธอทำงานก่อสร้างรากฐานโบสถ์วัดเขาปู่คง ห่างจากที่ระเบิดหินประมาณ 1 กม.เศษ หินได้ตกลงมาใส่ศีรษะด้านขวา จากนั้นตนก็ไม่สามารถทำงานได้ ต้องเข้าออกโรงพยาบาล เพื่อรักษาตัว ระยะแรกที่ลูกๆยังเล็กอยู่ก็ต้องออกรับจ้างเลี้ยงครอบครัวด้วยมือข้างเดียว ทางการก็ไม่ได้เข้ามาดูแล เดินเหินไปไหนมาไหนก็ต้องใช้ไม้เท้าประคอง







