"มู"สับเชลซีเล่นแย่เอง - ชุดขาวทางใส

ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดแรก เมื่อวันที่ 3 เม.ย. "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี จากอังกฤษออกไปเยือน "เปแอสเช"
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ถึงกรุงปารีส ฝรั่งเศส โดยเกมนี้ ชูเซ มูรินโญ กุนซือทีมเยือนวาง อังเดร ชูร์เล เป็นหัวหอกแทนที่ เฟอร์นันโด ตอร์เรส แต่เริ่มเกมแค่ 3 นาที เป็นเจ้าถิ่นได้ประตูออกนำก่อนจาก เอเซเกล ลาเวซซี แต่เชลซี ก็มาตีเสมอได้จากจุดโทษของ เอดอง อาซาร์ด นาทีที่ 27 จบครึ่งแรกเสมอกัน 1-1 ครึ่งหลัง เชลซีมาพลาดเสียประตูที่ 2 จากการทำเข้าประตูตัวเองของ ดาวิด ลุยซ์ นาทีที่ 61 และจากนั้นในช่วงทดเวลาเจ็บต้องมาเสียประตูเพิ่มอีกจาก ฮาเวียร์ ปาสตอเร จบเกม ปารีสฯ ชนะไป 3-1
หลังการแข่งขัน มูรินโญ มองว่าความพ่ายแพ้นัดนี้เกิดจากความผิดพลาดของนักเตะเองล้วนๆ ทั้งแดนหน้าและแนวรับ
"เราไม่สามารถใช้โอกาสได้ ที่สำคัญคือเราทำผิดพลาดเองในเกมรับ เป็นความผิดพลาดแบบส่วนบุคคล เรามีโอกาสขึ้นนำในครึ่งแรก แต่เรายิงไม่ได้ หลังจากนั้นเราทำเข้าประตูตัวเอง ต่อด้วยประตูที่ 3" มูรินโญกล่าว
ขณะที่ โลรองต์ บลองก์ กุนซือเปแอสเช กล่าวว่า แม้ทีมจะต้องเสีย ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กองหน้าตัวเก่งที่ออกจากสนามไปตั้งแต่นาทีที่ 64 แต่มั่นใจว่า ทีมจะผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้
ขณะที่ "ราชันชุดขาว" รีล มาดริด ส่งทีมชุดใหญ่เปิดซานติอาโก เบอร์นาบิว รับการมาเยือนของ "เสือเหลือง" ดอร์ทมุนด์ ที่เคยเขี่ย รีล มาดริด ตกรอบรองชนะเลิศเมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดยทีมเยือนไม่มี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี กองหน้าตัวเก่งที่เจ็บ เกมนี้เจ้าถิ่นเหนือกว่า ก่อนเอาชนะสบาย 3-0 จากแกเรธ เบล นาที 3, อิสโก นาทีที่ 27 และ คริสเตียโน โรนัลโด นาที 57 ซึ่งประตูของ โรนัลโด ในนัดนี้เป็นประตูที่ 14 ของถ้วยนี้ในฤดูกาลนี้ เป็นสถิติสูงสุดเทียบเท่า ลิโอเนล เมสซี ที่ทำไว้ในฤดูกาล 2011-12 และโฮเซ อัลตาฟินี ที่ทำให้เมื่อฤดูกาล 1962-63







