ขยายเพิ่ม 4 โครงการ ส่งเสริมและพัฒนา SMEs ดันผู้ประกอบการไทย

ขยายเพิ่ม 4 โครงการ ส่งเสริมและพัฒนา SMEs ดันผู้ประกอบการไทย

อัปเดต "กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ" จ่อขยายเพิ่ม 4 โครงการส่งเสริมและพัฒนา SMEs ผลักดันผู้ประกอบการไทย ต่อยอดธุรกิจ สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความก้าวหน้า ของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ด้วยการสนับสนุนทางการเงินและองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการ SME ทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยผลความสำเร็จที่วัดได้ ด้วยการตอบรับที่ดีจากผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าของกองทุนฯ และนำเงินทุนที่ได้ไปต่อยอดให้ธุรกิจดำเนินไปได้ และมีทิศทางเติบโตในอนาคต

โดยเร็วๆ นี้ กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีฯ เตรียมโครงการส่งเสริมและพัฒนา SMEs จำนวน 4 โครงการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในด้านต่างๆ ได้แก่

โครงการเสริมแกร่งการเงิน เพิ่มทุนหนุนธุรกิจ (สุขใจ) เน้น Financial Literacy และการเข้าถึงแหล่งทุน
โครงการยกระดับธุรกิจเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน (เปิดใจ) เน้น Digital และ BCG ในอุตสาหกรรมศักยภาพ
โครงการพัฒนาฮาลาลไทย รับรองได้ ขายส่งออกชัวร์ (มั่นใจ) เน้นมาตรฐานฮาลาลและการขยายตลาดส่งออก
โครงการพลิกชีวิต ฟื้นธุรกิจ ปรับหนี้ให้อยู่รอด (สู้สุดใจ) มุ่งช่วยเหลือลูกหนี้กองทุนที่ประสบปัญหาหนี้สินให้ฟื้นฟูและกลับมาดำเนินธุรกิจได้

ขยายเพิ่ม 4 โครงการ ส่งเสริมและพัฒนา SMEs ดันผู้ประกอบการไทย

ขณะที่ ผู้ประกอบการไทย หนึ่งในตัวอย่างลูกค้าของกองทุน บอกเล่าถึงการเข้าร่วมโครงการฯ ที่ได้รับการสนับสนุนทั้งเงินทุน และเสริมสร้างโอกาสเรียนรู้การจัดการธุรกิจด้วยมุมมองใหม่ นายวิธิชัย ตัณฑพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ เจ้าของและผู้ก่อตั้งแบรนด์ K Garden Fence ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิต และจัดจำหน่ายรั้วตาข่ายคุณภาพสูงด้วยเทคโนโลยีจากออสเตรเลีย 

เขาเปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจว่า มาจากการแก้ปัญหาในการทำฟาร์มของตนเอง ทำให้เกิดการพัฒนาระบบรั้วที่ทนทาน ใช้งานได้นานถึง 40 ปี ช่วยประหยัดต้นทุนระยะยาวให้เกษตรกร โดยผลิตภัณฑ์รั้ว มีจุดเด่น คือความทนทานต่อทุกสภาพอากาศ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่เป็นสนิม และได้รับมาตรฐาน มอก.นอกจากนี้ยังต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น เสาเข็มเหล็ก และพัดลมอุตสาหกรรมประหยัดพลังงาน และมีบริการหลังการขายครบวงจร 

ขยายเพิ่ม 4 โครงการ ส่งเสริมและพัฒนา SMEs ดันผู้ประกอบการไทย

ขณะที่อุปสรรคสำคัญที่เผชิญคือ กำลังการผลิตไม่เพียงพอ และขาดแคลนเครื่องจักรที่ทันสมัย รวมถึงเงินทุนในการลงทุนต่อยอด ทำให้ไม่สามารถขยายตลาดได้ตามที่วางแผนไว้ ตอนนั้นรู้สึกเหมือนธุรกิจถูกเบรก ทั้งที่ความต้องการของลูกค้ากำลังมาแรง บริษัทฯได้เห็นโอกาสจากโครงการโตไว ไทยยั่งยืน จึงสมัครเข้าร่วมทันที โดยได้รับสินเชื่อเพื่อซื้อเครื่องจักรใหม่มูลค่า 2.8 ล้านบาท ซึ่งช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้อย่างชัดเจน 

จากนั้น ต่อยอดด้วยโครงการสินเชื่อเพื่อเพิ่มขีดความสามารถธุรกิจ หรือ โครงการเสือติดปีก อีก 10 ล้านบาท สำหรับลงทุนเครื่องจักรในสายการผลิตพัดลมอุตสาหกรรม ทำให้สามารถเปิดตลาดใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มโรงงานและฟาร์มที่ต้องการพัดลมประหยัดพลังงาน ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 30% เรายังมีแผนพัฒนามอเตอร์พัดลมรุ่นใหม่ระดับโลก ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยเชื่อมั่นว่าจะเติบโตได้อีก ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐ 

ส่วนอีกหนึ่งของความสำเร็จ ผู้ประกอบการไทย คือ Butterfly Organic ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ภายใต้แนวคิด ธรรมชาติสร้างสุขภาพ สินค้าหลัก คือ นมโคแท้ออร์แกนิค โยเกิร์ตออร์แกนิค และเครื่องดื่มน้ำนมจากพืช โดยทุกผลิตภัณฑ์ใช้วัตถุดิบธรรมชาติ 100% ไม่แต่งกลิ่น ไม่ใส่สารควบแน่น ผ่านมาตรฐานสากล และบริษัทได้รับการรับรอง USDA Organic จากสหรัฐอเมริกา รวมถึงมาตรฐาน GHPs, HACCP และฮาลาล

นายเอนก ปิ่นวนิชย์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง Butterfly Organic กล่าวว่า แม้จะให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้าออร์แกนิกมาก แต่ความท้าทายหลักคือ การบริหารจัดการภายในโรงงานที่ยังเป็นระบบเดิมที่ใช้แรงงานคน ทำให้การผลิตใช้เวลานาน ต้นทุนในการบริหารจัดการสินค้าสูง และไม่สามารถตอบรับกับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นได้ทัน และยังมีต้องการเสริมสภาพคล่อง เพื่อให้กิจการเดินหน้าและพร้อมลงทุนในช่วงจังหวะสำคัญ 

ขยายเพิ่ม 4 โครงการ ส่งเสริมและพัฒนา SMEs ดันผู้ประกอบการไทย

Butterfly Organic จึงเข้าร่วม ทั้งโครงการสินเชื่อเสริมสภาพคล่องธุรกิจ (คงกระพัน) และโครงการพัฒนาธุรกิจด้วยดิจิทัล (Digital Transformation) จากโครงการคงกระพัน ได้รับสินเชื่อ 5 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่อง และจากโครงการพัฒนาธุรกิจด้วยดิจิทัล ได้รับการสนับสนุนจากทีมผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ระบบภายในและจัดทำแผนพัฒนาโรงงานให้เป็นกึ่งอัตโนมัติ รวมถึงวางระบบคลังสินค้าใหม่

"โครงการนี้ไม่ได้ให้แค่เงินทุน แต่ให้ระบบที่ SME ต้องมีจริง ๆ ให้โอกาสเราได้เรียนรู้การจัดการธุรกิจด้วยมุมมองใหม่ ซึ่งการลงทุนในระบบ ERP ทำให้การตัดสินใจมีข้อมูลแม่นยำ ลดของเสีย เพิ่มประสิทธิภาพ และวางแผนการผลิตล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างเป็นระบบ"

"ปัจจุบัน Butterfly Organic มีแผนขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศในแถบเอเชีย และตะวันออกกลาง รวมถึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับเด็กและผู้สูงอายุ โดยมั่นใจว่าพื้นฐานจากโครงการของกองทุนฯ ทำให้พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกของไทยในระดับสากล" นายเอนก กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ สามารถเข้าร่วมโครงการเหล่านี้ได้ โดยจะได้รับการบ่มเพาะ และพัฒนาศักยภาพธุรกิจ จากสถาบันเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งจะเริ่มดำเนินการเปิดรับสมัครตั้งเเต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2568 -15 สิงหาคม 2568 รับจำนวนจำกัด

สมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ https://i.industry.go.th หรือ www.thaismefund.com หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ สำนักงานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ