เติมเลือดครั้งใหญ่ ระดม รด.25,000 นาย บริจาคโลหิต สภากาชาดไทย

เติมเลือดครั้งใหญ่  ระดม  รด.25,000 นาย บริจาคโลหิต สภากาชาดไทย

นรด. ระดม นักศึกษาวิชาทหาร 25,000 นาย บริจาคโลหิต น้อมรำลึก "ในหลวงรัชกาลที่ 9 " รองรับ7 วันอันตราย เทศกาลปีใหม่ ด้าน "สภากาชาดไทย" เล็งหาช่องรับเลือดกลุ่ม LGBT

4 ธ.ค.2566 เวลา 17.00 น.ที่ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน  พลโททวีพูล ริมสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน(ผบ.นรด.) ร่วมกับ นางสาวปิยนันท์คุ้มครอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านจัดหาโลหิตและภาพลักษณ์องค์กร ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติสภากาชาดไทย และ พันเอกกฤตภาส โตจำเริญ รองเสนาธิการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ร่วมแถลงข่าว การจัดกิจกรรมเติมโลหิตครั้งใหญ่ให้สภากาชาดไทยโดย นักศึกษาวิชาทหาร (รด.) จิตอาสา 25,000 นาย "เราทำความดี ด้วยหัวใจ" เพื่อน้อมรำลึก ในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 5ธ.ค. 2566 และถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ 72 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2567

 

พลโททวีพูล กล่าวว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นการเชิญชวนให้นักศึกษาวิชาทหารทั่วประเทศที่มีอายุตั้งแต่ 17 ปีขึ้นไป โดยต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง ซึ่งเป็นผู้ที่มีความพร้อมทางร่างกายและมีความสมัครใจเข้าร่วมการบริการโลหิต ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเสียสละอันยิ่งใหญ่ที่บุคคลหนึ่งจะสามารถทำได้ในการช่วยเหลือต่อความหวังต่อชีวิตให้กับผู้อื่นอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งการบริจาคโลหิตในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการเตรียมโลหิตให้แก่สภากาชาดไทยเพื่อสนับสนุนการรักษาพยาบาล ผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูงและมีความต้องการโลหิตจำนวนมาก

โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ วันที่ 12 ธันวาคม 2561 ต่อเนื่อง ไปจนตลอดปี 2567 ทั้งในส่วนภูมิภาค ณ.มณฑลทหารบกต่างๆ และในส่วนกลาง ณ.โดมวรรณสมิต ศูนย์การนักศึกษาวิชาทหาร ซึ่งจะมี พลเอกเจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในการเปิดกิจกรรม ซึ่งคาดว่าในวันดังกล่าวจะได้โลหิตมากกว่า 25,000 ถุง นับเป็นการทำกิจกรรมการบริจาคโลหิตครั้งใหญ่อย่างเป็นทางการในนามของนักศึกษาวิชาทหาร

"ต้องการฝึกเยาวชนให้เป็นต้นแบบคนอื่นๆที่บำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมโดยเฉพาะการสละเลือดของตนเองเพื่อไปต่อชีวิตให้กับคนอื่น และหากกิจกรรมนี้เป็นประโยชน์แล้วเราต้องการเติมโลหิตได้ทางสภากาชาดไทยเพิ่มเติมอีก ก็จะเชิญชวนอดีตนักศึกษาทหารที่ผ่านการฝึกและประชาชนทั่วไปมาร่วมบริจาค หวังเติมสถานะความมั่นคงทางโลหิตให้กับสภากาชาดไทย"พลโททวีพูล กล่าว

ด้าน นางสาวปิยนันท์ กล่าวว่า เลือดที่ได้รับบริจาคมาทั้งหมด 40% จะส่งต่อให้โรงพยาบาลต่างจังหวัด ส่วนที่เหลือหมุนเวียนในส่วนกลาง ซึ่งในแต่ละวันต้องใช้เลือดเดือนละ 200,000 ยูนิต การจัดกิจกรรมครั้งนี้ถือว่าสำคัญเพราะเป็นการปลูกฝังเยาวชน ซึ่งเป็นกลุ่มที่สามารถบริจาคโลหิตได้ยาวนาน เริ่มต้นอายุ 17 ปีไปจนถึงอายุ 70 ปี นอกจากนี้ยังเป็นการปลูกฝังค่านิยมเรื่องจิตอาสา ซึ่งทำให้สภากาชาดไทยมีเลือดสำรอง ให้ประชาชนทั้งประเทศ และขอน้อมรับกิจกรรมดีๆเช่นนี้ในอนาคต

"สำหรับการสำรองเลือดรองรับ 7 วันอันตราย ช่วงปีใหม่นั้น ทางสภากลาชาดไทย มีโครงการบริจาคเลือดก่อนปีใหม่ เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 -31 ธ.ค. 2566 เพราะโรงพยาบาลต่างๆก็จะมาเบิกเลือดมาที่สภากาชาดไทยเป็นจำนวนมาก วันละประมาณ 6,000 ยูนิต ไปสำรอง จากเดิม 3,000 ยูนิต"นางสาวปิยนันท์ กล่าวและว่า

นอกจากนี้ทางสภากาชาดไทย กำลังหารือกลุ่มสีฟ้า หาช่องทางให้ประชาชน LGBT สามารถบริจาคเลือดได้ อยู่ระหว่างการศึกษา โดยเฉพาะในกลุ่มชายรักชาย