ชี้เป้าเพื่อนร่วมรุ่น "บิ๊กโจ๊ก" ทำพนันออนไลน์ เงินหมุนเวียนกว่า1,000 ล้าน

ชี้เป้าเพื่อนร่วมรุ่น "บิ๊กโจ๊ก" ทำพนันออนไลน์ เงินหมุนเวียนกว่า1,000 ล้าน

"อัจฉริยะ" ร้องตำรวจไซเบอร์เอาผิดนายตำรวจระดับรอง ผบก. เพื่อนร่วมรุ่น "บิ๊กโจ๊ก" ทำเว็บพนันออนไลน์ โดยมีเงินหมุนเวียนมากกว่า 1,000 ล้าน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 มิย. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี   นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม  นำเอกสารหลักฐาน มอบให้กับพล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีอาญา  กับเพื่อนร่วมรุ่นบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.และชุดสืบสวนสอบสวน กรณีที่บิ๊กโจ๊กแต่งตั้งคดีผู้การชลบุรี ร่วมกันทำเว็บพนันออนไลน์ โดยมีเงินหมุนเวียนมากกว่า1,000 ล้านบาท โดยมี พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. เป็นผู้รับมอบหลักฐานแทนผบช.สอท. เนื่องจากติดภารกิจ

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า วันนี้มาร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับตำรวจ 3 นาย พร้อมพวกที่เปิดเว็บพนันออนไลน์ ที่มียศเป็นพันตำรวจเอก ตำแหน่งรองผู้บังคับการ 2 คน สังกัด สตม. อีกคนอยู่ที่ชลบุรี มีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านทั้ง 3 ราย และเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับคดีอุ้ม 140 ล้าน จะเห็นว่ามีการเลือกปฎิบัติคือคนของตัวเองไม่ดำเนินการจับกุม การทำคดี 140 ล้านยังใช้วิธีที่สกปรกในการที่มีลิ่วล้อแอบอ้างว่าเป็นคำสั่งบิ๊กโจ๊กให้ไปอุ้มพยานมาปักปรำคนนั้นคนนี้ซึ่งเป็นการกระทำที่ใช้ไม่ได้ หลังจากนี้ในวันพฤหัสบดีที่ 29 มิ.ย.นี้ จะพาเหยื่อซึ่งเป็นพลเรือนที่ถูกชุดทำงานของบิ๊กโจ๊กอุ้มมาแถลงกับสื่อมวลชน

ส่วนในชุดของนายธนินวัฒน์หรือเป้ อุดมเชาวเศรษฐ์ ทางเราได้มีการพูดคุยบางส่วนไปแล้ว เขาก็บอกว่าไม่ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับทาง สอท. มีการปั้นพยานเท็จขึ้นมา เหยื่อรายหลังก็ถูกอุ้มมาให้ชี้คนอื่นที่ไม่ใช่พวกตัวเอง มันเป็นการเลือกปฎิบัติ เดิมทีบุคคลเหล่านี้ไม่ได้มีจุดประสงค์จะมาแจ้งความแต่ถูกบังคับให้มาแจ้งความ
     นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้รับรองว่ายาวเป็นหางว่าวตัวเองจะกัดไม่ปล่อย ในเมื่อคุณคิดว่าจะเอาตำรวจไม่เกี่ยวข้องต้องรับโทษจำคุกตลอดชีวิต โดยใช้วิธีนอกกฎหมาย ไม่ยึดหลักของกฎหมาย ตนก็มีหน้าที่ตอบโต้ทางกฎหมายเหมือนกัน ใครทำอะไรก็ต้องรับกรรม ทางเรามีทั้งภาพและเสียง คุณทำได้เราก็ทำได้เราอยู่กับตำรวจมาทั้งชีวิตรู้หมดว่าทำอะไร วันนี้หาก ปปป. ไม่ไปเอากล้องที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ก็จะได้รู้ว่าในชุด 6 คนที่ไปแจ้งความที่ สภ.คูคต ในวันที่ 15 มิถุนายน ตามที่รายงาน ผบ.ตร.หรือไม่ ถ้าไม่มีบุคคลทั้ง 6 คนไปที่คูคต ก็ถือว่ารายงานเท็จที่ไม่ได้ลงประจำวันต่อหน้าพนักงานสอบสวนที่เป็นร้อยเวร  มีการสอบปากคำกับใครถ้าไม่ได้สอบปากคำกับเจ้าของคดี ซึ่งมีภาพว่าไปสอบที่สโมสรตำรวจ ส่วนนี้ก็เท็จ ตอนนี้ขอบอกว่า ผกก. สภ.คูคต ขาเข้าตารางไปแล้ว 1 ข้าง คดีนี้เป็นมหากาพย์พูดตรงๆว่าทางตำรวจ สอท. ไม่ได้เกี่ยวข้องอยู่แล้ว เขาก็รู้ทีมงานบิ๊กโจ๊กยังโทรมาบอกว่าจะสั่งไม่ฟ้องให้ อย่างนี้มันใช้ได้หรือไม่คนที่ไม่ได้กระทำความผิดตั้งแต่แรก ไม่มีการสืบสวนสอบสวนก่อนแล้วมาแจ้งข้อหา 
     นอกจากนี้ยืนยันจะดำเนินคดีกับผกก. สภ.คูคต อีกหลายคดี เนื่องจากผกก.คูคต ปล่อยให้มีบุคคลภายนอกมาควบคุมการสอบสวน ซึ่ง ปปป.กำลังดำเนินการอยู่ และคาดว่าในอาทิตย์นี้จะมีการแจ้งความกับทางผู้กำกับและผู้ที่เกี่ยวข้องอีกหลายคน ในเรื่องนำความลับในสำนวนไปเปิดเผยให้กับบุคคลภายนอกอย่างนายกสมาคมพนักงานสอบสวน พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ อดีตผู้บังคับการกองอุทธรณ์ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ผบก.อธ.) ซึ่งเกษียนอายุราชการไปแล้ว มีสิทธิ์อะไรไปควบคุมการสอบสวนพยานทั้ง 5 ปาก เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา  ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ที่บุคคลภายนอกต้องมาควบคุมการสอบสวนอันนี้ถือเป็นการนำความลับในคดี 140 ล้านไปเปิดเผยให้บุคคลภายนอกทราบ ยืนยันว่าในคดีนี้ตนเองจะเปิดหน้าชกไม่สนใจว่าจะเป็นใคร ต่อให้ใหญ่แค่ไหนก็ว่าไปตามกฎหมาย