"นฤมล"ยก5เหตุผล แนะถอดบทเรียนปิด "แบงก์ซิลิคอนวัลเลย์"

"นฤมล"ยก5เหตุผล แนะถอดบทเรียนปิด "แบงก์ซิลิคอนวัลเลย์"

"นฤมล"ยก5เหตุผล แนะถอดบทเรียนปิดแบงก์ซิลิคอนวัลเลย์ องค์กรในไทยควรกระจายความเสี่ยงสินทรัพย์ สกัดขยายวงกว้าง

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ได้โพสต์เฟซบุ๊ค ส่วนตัวระบุว่า เมื่อวันพุธที่ 8 มีนาคม ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ ( Silicon Valley Bank )ประกาศผลขาดทุนจากการขายพันธบัตรร่วม 2พันล้านเหรียญสหรัฐ วันถัดมาราคาหุ้นของธนาคาร Silicon Valley ได้ร่วงลงอย่างหนักกว่า 60% จนเมื่อวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม จึงถูกสั่งปิด ตัวเลขความเสียหายนับว่าใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดกับธนาคารพาณิชย์ตั้งแต่วิกฤติการเงินโลกเมื่อปี พ.ศ. 2551 หลังจากที่ถูกสั่งปิด สินทรัพย์รวม 209 พันล้านเหรียญสหรัฐและยอดเงินฝากรวม 175 ล้านเหรียญสหรัฐตกอยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทประกันภัยเงินฝากหรือ FDIC ซึ่งนำไปไว้ที่ธนาคารที่ตั้งขึ้นมาใหม่ชื่อ National Bank of Santa Clara

สาเหตุที่ธนาคาร Silicon Valley ต้องขายพันธบัตรที่ราคาขาดทุนมากขนาดนั้นก็เพราะ

1. ช่วงที่ธุรกิจสตาร์ทอัพได้รับความสนใจสูง มีเงินฝากเข้ามาเป็นจำนวนมาก ธนาคารได้นำเงินฝากไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี 

2. ช่วงสองปีที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐหรือ เฟดใช้นโยบายขึ้นดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ เลยส่งผลให้มูลค่าพันธบัตรรัฐบาลที่ธนาคารถือไว้ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง 

3. ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ได้ทำให้ลูกค้าเงินฝากต่างพากันทยอยถอนเงินออกจากธนาคาร 

4. ธนาคารจึงต้องขายพันธบัตรที่ราคาขาดทุนเพื่อนำเงินมาให้ลูกค้าที่ต้องการถอนเงิน 

5. เมื่อประกาศผลขาดทุนจากการขายพันธบัตรสูงถึง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ยิ่งทำให้ลูกค้าแห่ถอนเงินกันหนักจนธนาคารขาดสภาพคล่อง และถูกสั่งปิดระหว่างวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 ถึงแม้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับธนาคาร Silicon Valley จะมีลักษณะเฉพาะตามที่เล่ามา และนักวิเคราะห์ต่างเชื่อมั่นว่าความเสียหายน่าจะไม่ขยายวงกว้างจนนำไปสู่วิกฤติการเงินรอบใหม่ แต่ทุกองค์กรแม้แต่ในไทย ควรหันมาตรวจสอบสินทรัพย์ในมือที่ถือกันอยู่ว่ากระจุกตัวอยู่ในสินทรัพย์ประเภทใดมากเกินไปหรือไม่ แม้แต่พันธบัตรรัฐบาลที่เดิมเชื่อกันว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ

แต่เหตุการณ์นี้ ทำให้เห็นว่าปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ คือ ดอกเบี้ยขาขึ้นทำให้มูลค่าพันธบัตรร่วงลงมาก เมื่อเกิดเหตุจำเป็นต้องขายเพื่อชดใช้หนี้ ก็สามารถทำให้ขาดทุนจนขาดสภาพคล่องและล้มละลายได้ในที่สุด