สรุป! ฟันวินัยร้ายแรง ม.157 ตำรวจด่านตรวจ "ดาราไต้หวันแฉเจอไถเงิน"

สรุป! ฟันวินัยร้ายแรง ม.157 ตำรวจด่านตรวจ "ดาราไต้หวันแฉเจอไถเงิน"

คกก.นครบาลสรุป! ฟันวินัยร้ายแรง ม.157 ตำรวจด่านตรวจ "ดาราไต้หวันแฉเจอไถเงิน" ปมฉาวไม่จับบุหรี่ไฟฟ้า ปมรีดเงินสู้กันเองในชั้นศาล

กรณี ดาราไต้หวันแฉเจอไถเงิน ล่าสุดคณะกรรมการสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล สรุปผลสอบข้อกล่าวหาสาวไต้หวันซัดตำรวจรีดเงิน 2.7 หมื่น สั่งฟันวินัยร้ายแรง “สีกากีประจำด่านตรวจ” จ่อแจ้งข้อหาตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เชื่อผู้กล่าวหามี “บุหรี่ไฟฟ้า” จริง แต่กลับไม่มีการจับกุม แถมไม่มีบันทึกการตรวจหลังเลิกด่าน ส่วนประเด็นการจ่ายสินบน เปิดทางแจ้งความดำเนินคดี ให้ไปสู้กันเองในชั้นศาล 

คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีเน็ตไอดอลสาวไต้หวัน กล่าวหาตำรวจไทยตั้งด่านตรวจ และถูกรีดไถเงินจำนวน 27,000 บาท ขณะเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย ได้ประชุมกัน 2 ครั้งตลอดวันนี้ (29 ม.ค.) และสรุปผลการสอบสวนเบื้องต้นออกมาแล้ว 

โดยประเด็นการสอบสวนมี 3 ประเด็น คือ

1.การตั้งด่านตรวจ เป็นการตั้งด่านโดยถูกต้องตามระเบียบขั้นตอนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ 

 

2.การที่เรียกตรวจผู้กล่าวหา (หญิงสาวชาวไต้หวัน) โดยใช้เวลานานกว่า 40 นาที แต่กลับกลับไม่พบบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งๆ ที่จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของสาวไต้หวัน ทั้งก่อนและหลังผ่านด่านตรวจ ทั้งที่โรงแรมที่พักและสถานบันเทิง ปรากฏภาพการถือและสูบบุหรี่ไฟฟ้า จึงเชื่อว่าขณะหญิงสาวคนนี้ถูกเรียกตรวจ ยังคงครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ แต่กลับไม่มีรายงานการตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า หรือดำเนินคดีกับหญิงสาว 

ประเด็นนี้คณะกรรมการสอบสวนฯ เห็นว่าเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จะมีการสอบสวนเบื้องต้นก่อนส่งสำนวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาไต่สวนตามขั้นตอนต่อไป  

 

3.การเรียกรับเงิน 27,000 บาท ตามที่ฝ่ายหญิงสาวชาวไต้หวันกล่าวหา ประเด็นนี้เนื่องจากไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่ามีการเรียกรับหรือไม่ แม้พฤติการณ์ขณะอยู่ในด่านตรวจ จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดหลายๆ จุด จะไม่ตรงกับคำกล่าวอ้างของฝ่ายหญิงสาวชาวไต้หวัน 100% แต่พยานหลักฐานก็ไม่ชัดเจน และมีการใช้เวลาในด่านนานผิดปกติ

ประเด็นนี้ทางคณะกรรมการสอบสวนฯ จึงเห็นว่าจะประสานให้ฝ่ายหญิงสาวชาวไต้หวันที่อ้างตัวเป็นผู้เสียหาย แจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณด่านตรวจ และให้ไปพิสูจน์หลักฐานกันเองในชั้นศาล หากฝ่ายเจ้าหน้าที่เห็นว่า หญิงสาวชาวไต้หวันกล่าวหาด้วยข้อมูลเท็จ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถฟ้องกลับได้ 

สำหรับ ข้อสรุปของคณะกรรมการสอบสวนฯ จะมีการจัดทำรายงานเป็นหนังสือคำสั่งออกมาในวันจันทร์ที่ 30 ม.ค.นี้ และจะมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงต่อไป

ส่วนประเด็นการให้เงินสินบนหรือไม่นั้น ทางตำรวจจะติดต่อให้พยานในรถแท็กซี่ที่นั่งมาด้วยกันกับหญิงสาวชาวไต้หวัน มาให้การเพิ่มเติม โดยเฉพาะพยานรายใหม่ที่อ้างว่ามีการจ่ายเงินให้ตำรวจนอกเครื่องแบบ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นของคณะกรรมการสอบสวนฯ พบว่า มีเจ้าหน้าที่ประจำด่านนายหนึ่ง แต่งกายนอกเครื่องแบบจริง แต่ไม่ชัดเจนว่ามีการเรียกรับสินบนหรือไม่