อัปเดต! เด้ง "ผกก.ห้วยขวาง" ผบช.น.รับตำรวจโดน ม.157 คดีดาราไต้หวัน

อัปเดต! เด้ง "ผกก.ห้วยขวาง" ผบช.น.รับตำรวจโดน ม.157 คดีดาราไต้หวัน

คดีพลิก? สั่งด่วนเด้ง “ผกก.ห้วยขวาง” เซ่นปมด่านตรวจไม่โปร่งใส "ธิติ แสงสว่าง" ผบช.น. รับตำรวจห้วยขวาง โดน ม.157 จับตาปมสารภาพ ปมคดีดาราไต้หวัน ไม่ตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า ยันไม่ได้สั่งการลบภาพ

คดี ดาราสาวไต้หวัน ล่าสุดสั่งด่วน! เด้ง “ผกก.ห้วยขวาง” พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณีนักท่องเที่ยว ชาวไต้หวันอ้างถูก ตำรวจเรียกรับเงิน ว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการด่วน ให้ ผบช.น. สั่งให้ ผกก.สน.ห้วยขวาง ช่วยราชการ หลังจากมีข้อมูลระบุตำรวจเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกรณีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันถูกเรียกรับเงิน

พร้อมกำชับ น.1 ดำเนินการตั้งกรรมการวินัยร้ายแรงและดำเนินคดีอาญาในส่วนของตำรวจที่กระทำความผิดในเหตุดังกล่าวทุกราย อย่างเด็ดขาด มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง โฆษก ตร. กล่าวว่า ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำกำชับไปยังตำรวจนครบาลและตำรวจทุกพื้นที่ กรณีการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด หรือการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ต้องกระทำตามอำนาจหน้าที่ เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามระเบียบแนวทางที่ ตร.ได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ต้องไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ใดๆ อันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างเด็ดขาด

โดยให้ผู้บังคับบัญชาเพิ่มความเข้มในการตรวจตราการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ไม่ให้เกิดพฤติกรรมในทางไม่ดี หากพบว่า พื้นที่ใดมีการกระทำความผิดซ้ำขึ้นอีก จะพิจารณาโทษถึงระดับหัวหน้าสถานีตำรวจ แต่ถ้าเกิดเป็นความผิดซ้ำซาก จะพิจารณาโทษถึงระดับผู้บังคับการ โดยจะดำเนินการเด็ดขาดทั้งทางวินัยอาญา และปกครอง

อัปเดต! เด้ง \"ผกก.ห้วยขวาง\" ผบช.น.รับตำรวจโดน ม.157 คดีดาราไต้หวัน

ผบช.น. "ธิติ แสงสว่าง" เผยสั่งการทางวินัย-อาญาเอาผิดตำรวจ สน.ห้วยขวาง เข้าข่ายความผิด ม.157 หลังพบไม่ตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าดาราไต้หวัน ส่วนปมรับผลประโยชน์หรือไถเงิน อยู่ระหว่างรวบรวมพยานบุคคล-บันทึกรับสารภาพ เชื่อมโยงภาพวงจรปิด ยันไม่ได้สั่งการลบภาพ เผยสอบครั้งแรกไม่มีใครรับสารภาพ สั่งสอบเพิ่มแล้ว ขณะที่แนวทางสอบเน้น 2 ตร.ยืนประชิดนทท. และเร่งสอบ ตร.ไม่ได้เข้าเวรแต่มาที่ด่าน

ความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องกรณีสาวไต้หวัน โพสต์ระบุว่า ถูกตำรวจไทยรีดไถเงินจำนวน 27,000 บาท ล่าสุด พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้น ปรากฎข้อเท็จจริงว่า มีการตั้งจุดตรวจบริเวณหน้าสถานทูตจีนจริง และปรากฏภาพนักท่องเที่ยวมีการครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะปฎิบัติหน้าที่ซึ่งพบเห็นวัตถุผิดกฎหมายดังกล่าว ไม่ได้ตรวจยึดเป็นของกลางเพื่อส่งตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมายกับนักท่องเที่ยว แต่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางออกจากจุดตรวจไป 

“กรณีนี้เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้สั่งการให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาแล้วจำนวนหลายนาย”

ส่วนเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์จากนักท่องเที่ยวนั้น จะต้องดำเนินการติดตามพยานหลักฐาน ซึ่งยังอยู่ระหว่างการรวบรวมให้ชัดเจน ทั้งพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องที่จะต้องเรียกมาสอบสวน พยานเอกสาร บันทึกรับสารภาพ จำนวนเงินที่แน่นอน ตามที่มีกระแสข่าวนั้น ซึ่งหากพบว่ามีความผิดชัดเจน ก็จะดำเนินการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ไม่ได้ละเว้น

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบหลักฐานที่ตำรวจได้รับมาในขณะนี้ ทำให้ได้ความชัดเจนในเหตุการณ์ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการเรียกตรวจค้น ซึ่งคณะสอบสวน ได้ตั้งประเด็นสอบสวนต่อไปว่า เหตุใดจึงมีการเรียกให้หยุดตรวจค้น และทำไมถึงใช้เวลาตรวจค้นนาน ซึ่งผลการสอบสวนจะถูกนำมาเชื่อมโยงกับหลักฐานจากกล้องวงจรปิด

 

“ ยืนยันว่า ตำรวจไม่มีการสั่งการให้ลบภาพจากกล้องวงจรปิดแต่อย่างใด ซึ่งสามารถตรวจสอบได้เพราะเป็นกล้องของกรุงเทพมหานคร ส่วนกล้องที่ติดหมวกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะนี้ได้รวบรวมส่งไปที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานให้ทำการตรวจสอบ เนื่องจากไฟล์ถูกลบจริง แต่เป็นการลบเองหรือไฟล์หมดอายุนั้น ต้องรอผลการตรวจสอบอีกครั้ง ยืนยันว่าไม่มีใครสั่งการให้ทำเรื่องผิดกฎหมาย”

สำหรับกล้องวงจรปิดที่หน้าสถานทูต ไม่สามารถจะเข้าไปดำเนินการอะไรได้อยู่แล้ว ซึ่งตำรวจได้ทำหนังสือขอรูปภาพจากกล้องดังกล่าวไปแล้วตั้งแต่วันแรก ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอการตอบรับอยู่ เนื่องจากติดวันหยุดเสาร์อาทิตย์ พร้อมยืนยันว่า หากใครมีพยานหลักฐานหรือคลิปภาพใด ก็ยินดีรับ และจะดำเนินการตามความเป็นจริง ตำรวจที่ไม่ดี จะไม่เก็บไว้ในองค์กร โดยคลิปที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อ้างว่ามีการส่งเงินให้นั้น ตำรวจยังไม่มี

ส่วนประเด็นการรับสารภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านนั้น พล.ต.ท.ธิติ ระบุว่า จากการสอบครั้งแรก ยืนยันว่ายังไม่มีใครรับสารภาพ แต่ขณะนี้ได้สั่งการให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมแล้ว ซึ่งจะมีการกลับคำให้การหรือไม่ขอตรวจสอบเพิ่มเติมก่อน แต่หากหลักฐานชัดก็จะดำเนินคดีเพิ่มเติมทุกราย

สำหรับกรณีที่นายชูวิทย์ ให้ข้อมูลว่ามีหญิงไทยเป็นผู้ส่งมอบเงินให้ตำรวจนั้น เรื่องบุคคลในที่เกิดเหตุเป็นประเด็นที่ตำรวจได้วางกรอบการสืบสวนเอาไว้แล้วตั้งแต่แรกโดยจะเร่งรัดติดตามบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดมาสอบสวน  ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างรอข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีบุคคลนอกเหนือจาก คนขับรถ หญิงชาวไต้หวัน และเพื่อนชาย 3 คน เข้ามาที่ด่านเพิ่มเติมหรือไม่ ขณะที่เพื่อนชายทั้ง 3 คน ก็ได้พยายามติดต่อให้เข้ามาให้การแล้ว เพราะการจะดำเนินคดีเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์จะต้องสอบสวนทั้งผู้ให้และผู้รับให้ชัดเจน แต่การประสานงานกับทางไต้หวัน ต้องทำผ่านเจ้าหน้าที่ เพราะได้ประสานงานโดยตรงไปแล้วแต่ไม่ได้รับการตอบรับ

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า จากภาพวงจรปิดที่ปรากฎที่บริเวณด่าน ตำรวจได้มุ่งเป้าการสอบสวนข้อเท็จจริงไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ที่ มีลักษณะการยืนอยู่ใกล้ชิดกับกลุ่มของนักท่องเที่ยวมากที่สุด แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีการกระทำความผิดจริงหรือไม่ ส่วนที่มีรายงานว่า ในขณะเกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นายที่ไม่ได้เข้าเวรในวันดังกล่าว แต่เดินทางเข้ามาที่ด่าน  ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างให้ชุดสืบสวนดำเนินการตรวจสอบอยู่เช่นกัน
 

เปิดคำสั่งเด้ง ผกก.สน.ห้วยขวาง

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เซ็นคำสั่ง เด้ง ผกก.สน.ห้วยขวาง อ้างเหตุบกพร่องต่อหน้าที่ และกระทำผิดทางวินัย-อาญา หากปฏิบัติหน้าที่หน่วยงานเดิมอาจเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน หรืออาจยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ทำให้เกิดความเสียหายได้

พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้ลงนามในคำสั่ง กองบัญชาการตำรวจนครบาล เรื่องข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการและรักษาราชการแทน โดยระบุว่า ด้วยปรากฎข้อมูลข่าวสาร พร้อมเผยแพร่ภาพวีดีโอทางสื่อสารมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์(Social Media) ประกอบกับการได้รับรายงานเหตุกรณี พันตำรวจเอก ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง มีเหตุเป็นที่สงสัยว่าประพฤติบกพร่องต่อหน้าที่และกระทำความผิดทางวินัยหรืออาญา หากปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิมอาจเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน หรืออาจยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการได้

เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ ตลอดจนเพื่อให้การดำเนินการกรณีดังกล่าวของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 66,92,105(3)และมาตรา179แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ประกอบระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2563 จึงให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการและรักษาราชการแทน ดังนี้

1.พันตำรวจเอก ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ปฏิบัติราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิมเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล มอบหมาย

อัปเดต! เด้ง \"ผกก.ห้วยขวาง\" ผบช.น.รับตำรวจโดน ม.157 คดีดาราไต้หวัน

2. พันตำรวจเอก สันทัด ลยางกูร รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 รักษาราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
 

ตร.ตั้งด่านห้วยขวาง สารภาพแล้วรีดเงินดาราไต้หวันจริง

ความชัดเจนยังไม่ระบุชัดว่า ตำรวจสน.ห้วยขวาง รีดเงินกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันหรือไม่นั้น ล่าสุดวันนี้มีรายงานว่าภายหลังการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ดำรงตำแหน่งระดับ สว. และ รองผกก. ในสังกัด สง.ผบ.ตร. หลังการประชุมผู้บังคับบัญชาได้มีการหารือในกรณีสาวไต้หวันถูกรีดเงิน 27,000 บาท ขณะถูกเรียกตรวจที่จุดสกัดบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตจีนพื้นที่สน.ห้วยขวาง โดยมีรายงานในการพูดคุยยืนยันว่า ทางตำรวจที่ตั้งด่านสกัดในวันนั้นมีการเรียกรับผลประโยชน์เป็นเงินสด จำนวน 27,000 บาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีโดยกล่าวหานักท่องเที่ยวว่ามีความผิด ซึ่งการจ่ายเงินครั้งนี้จะมีเพื่อนชายชาวสิงคโปร์เป็นคนจ่ายเงินให้กับตำรวจ

“ทั้งนี้ จากการสอบสวนปากคำอย่างละเอียดของตำรวจแต่ละนาย ทำให้มีผู้ยอมรับสารภาพว่าในวันดังกล่าวมีการเรียกเก็บเงินจริง และมีการแบ่งเงินกันที่บริเวณด่านในคืนเกิดเหตุ จากนั้นเมื่อปรากฎเป็นข่าว ทางกลุ่มชุดตำรวจในวันนั้นพยายามปกปิดข้อมูล และไม่ยอมรับในช่วงแรก เนื่องจากเห็นว่าผู้เสียหายเป็นคนต่างชาติ และไม่มีการแจ้งความดำเนินคดี”

 อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการดำเนินคดีอาญากับตำรวจชุดที่ตั้งด่านสกัดอย่างแน่นอน ขณะที่ความผิดทางวินัยมีโทษถึงขั้นไล่ออก ส่วนผู้บังคับบัญชาระดับสถานีตำรวจจะมีความเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการของกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ตั้งขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง นอกจากนี้จะต้องไปสอบสวนผู้เสียหายเพิ่มรวบรวมหลักฐานให้ครบถ้วนในการเอาผิดกับผู้ที่ก่อเหตุ

อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลให้ตรวจสอบประวัติชุดจับกุมทั้งหมดว่าก่อนหน้านี้เคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันมากน้อยเพียงใด เนื่องจากมีประชาชนแจ้งข้อมูลร้องเรียนว่าเคยโดนชุดดังกล่าวกระทำการในลักษณะเดียวกัน