สั่งเฝ้าระวัง 3 หมู่บ้านพื้นที่เสี่ยง สู้รบชายแดนไทย-เมียนมา

ผู้ว่าฯตาก ลงพื้นที่ อ.พบพระ ติดตามสถานการณ์การสู้รบที่ชายแดนไทย-เมียนมา ให้กำลังใจผู้อพยพในพื้นที่เสี่ยง ทั้ง 3 หมู่บ้าน เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลผู้อพยพ ตามหลักสากล ขณะที่ชาวบ้านยังหวาดผวา

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 กรกฏาคม 2565 นายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก พร้อมคณะ เข้าตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้อพยพหนีภัยสงคราม ในพื้นที่บ้านวาเลย์เหนือ บ้านมอเกอไทย และบ้านหมื่นฤาชัย อำเภอพบพระ จังหวัดตาก

โดยศูนย์ 3 ศูนย์ มีผู้อพยพ อยู่ ประมาณ 700 คน หลังจากที่ สถานการณ์สู้รบ เริ่มคลี่คลาย ผู้อพยพบางส่วนก็สมัครใจกลับไปอาศัยอยู่ ฝั่งประเทศเมียนมาแล้ว โดยผู้ว่าราชการจังหวัดตากได้สั่งการให้ ดูแลผู้อพยพที่ยังอยู่ในประเทศไทยตามหลักสากล และดูแลเด็กเล็กเป็นพิเศษ รวมถึงเน้นย้ำให้ ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ดูแล หากผู้อพยพมีอาการป่วย ก็ให้ ตรวจคัดกรองทันที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

นายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้นายอำเภอพบพระ เข้ามาดูแลศูนย์อพยพอย่างใกล้ชิด โดยจัดการพื้นที่อยู่ให้ถูกสุขอนามัย และดูแลเรื่องของ อาหารการกิน รวมถึงสิ่งของอุปโภคบริโภค

ขณะเดียวกันชุมชนในพื้นที่เสี่ยง ทั้ง 3 หมู่บ้านจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด และติดตามสถานการณ์ หากยังมีการสู้รบ และจำเป็นต้องอพยพคนไปอยู่ในที่ปลอดภัยสามารถดำเนินการได้ทันที เพราะที่ผ่านมาทางจังหวัดได้มีการซ้อมแผนอยู่แล้ว

ด้านนายสยาม สายบุญเรือง ชาวบ้านหมื่นฤาทัย ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก กล่าวว่า พื้นที่หมู่บ้านจะอยู่ห่างจากพื้นที่สู้รบไม่มากนัก หลังจากได้ยินเสียงเครื่องบิน แล้วตามมาด้วยเสียงระเบิด ทำให้ ชาวบ้านรู้สึกไม่ปลอดภัย และชาวบ้านบางส่วน ได้รับผลกระทบจากแรงระเบิด ซึ่งปัจจุบัน ชาวบ้าน ที่อยู่ริมแม่น้ำเมย จะไปอาศัยอยู่บ้านญาติในตอนกลางคืนเพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย ล่าสุด แม้สถานการณ์การสู้รบจะเริ่มคลี่คลาย แต่ชาวบ้านยังยืนยันว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ยังได้ยินเสียงเครื่องบิน บินวนอยู่ แต่เสียงนั้น อยู่ไกลออกไปจากช่วงที่ผ่านมา

สำหรับบ้านหมื่นฤาทัย ตำยลพบพระ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก อยู่ ห่างจาก บ้านทิบาโบ จ.เมียวดี ประมาณ 400 เมตร ซึ่งเป็นจุดที่ เครื่องบินทิ้งระเบิด จนทำให้ ทำให้มี ผู้เสียชีวิต 3 คน และ ฝั่งประเทศไทยบ้านหมื่นฤาทัย ก็ได้รับผลกระทบจากแรงระเบิด มี บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 3 หลังคาเรือน