พิษ! "น้ำมันแพง - น้ำท่วม" ทำผักราคาพุ่งเกือบเท่าตัว

พิษน้ำมันแพง ซ้ำน้ำท่วมแหล่งเพาะปลูก ส่งผลให้พืชผักหลายชนิดราคาแพงขึ้นเกือบเท่าตัว พ่อค้า แม่ค้าทั้งปลีก และส่ง ในตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ต่างได้รับผลกระทบต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ยอดขายกลับลดลงเพราะประชาชนเซฟค่าใช้จ่ายซื้อของน้องลง

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 65 หลังจากน้ำมันดีเซลปรับขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง ประกอบการแหล่งเพาะปลูกพืชผักในหลายพื้นที่จังหวัดประสบปัญหาน้ำท่วม ทำให้ผลผลิตเสียหาย ส่งผลให้พืชผักหลายชนิดราคาแพงขึ้นเกือบเท่าตัว โดยจากการสำรวจทั้งร้านค้าส่ง และขายปลีกในตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ก็พบว่าผักหลายชนิดมีราคาแพงขึ้นเกือบเท่าตัว อาทิ พริกฮอตแดงสด จากปกติราคากิโลกรัมละ 60 - 70 บาท

ช่วงนี้ปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 120 บาท , ผักชีจากเดิมกิโลกรัมละ 80 - 100 บาท ช่วงนี้ปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 150 - 200 บาท ต้นหอมจากเดิมกิโลกรัมละ 80 บาท ปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 120 บาท ซึ่งพ่อค้า แม่ค้า ทั้งขายปลีก และส่งต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า จากราคาผักที่ปรับขึ้นในช่วงนี้ต่างก็ได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน เพราะต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นในการรับซื้อผักมาขาย แต่ยอดขายกลับลดลง เพราะประชาชนเซฟค่าใช้จ่ายก็จะซื้อในปริมาณที่ลดลงจากเดิม

น.ส.วิลาศินี แม่ค้าขายส่งผักรายหนึ่งในตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ บอกว่า หลังจากน้ำมันดีเซลปรับขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับแหล่งเพาะปลูกผักในหลายพื้นที่ก็ประสบปัญหาน้ำท่วมทำให้ผลผลิตเสียหาย จึงส่งผลให้ราคาผักหลายชนิดแพงขึ้นเกือบเท่าตัว อาทิ พริกฮอตแดงสด ผักชี ต้นหอม ขึ้นฉ่าย ก็ทำให้ต้องแบกรับภาระต้นทุนในการรับซื้อผักมาขายสูงขึ้นจากเดิม อีกทั้งต้องจ่ายค่าน้ำมันไปรับผักที่ จ.นครราชสีมา มาจำหน่ายก็แพงขึ้นกว่าเดิมด้วย แต่ยอดขายกลับลดลงจากปกติถึงร้อยละ 30 เพราะแม่ค้าที่มาซื้อไปขายต่อ และประชาชนที่ซื้อไปประกอบอาหารขาย หรือบริโภค ต่างก็เซฟค่าใช้จ่ายซื้อในปริมาณที่น้อยลงกว่าเดิม

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์