ทภ.2 เผย สถานการณ์ชายแดนล่าสุด กัมพูชาระดมยิง BM-21 ใส่ ใช้โดรนทิ้งระเบิด 125 ลำ

ทภ.2 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ล่าสุด เผยทหารเขมรใช้อาวุธโจมตีไทยต่อเนื่อง ระดมยิง BM-21 ใส่ 79 ครั้ง - ลูกจรวด 3,160 นัด - ยิงปืนใหญ่ 122 นัด - ใช้โดรนทิ้งระเบิด 125 ลำ
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 10 ธันวาคม 2568 อัปเดตล่าสุด ณ เวลา 17.00 น.
ในห้วงเวลาที่ผ่านมา สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องทุกพื้นที่ โดยฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธยิงสนับสนุนเข้ามาในพื้นที่ฝ่ายไทยในหลายจุดสำคัญ ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อกำลังพลและประชาชนในพื้นที่ โดย กองทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้หน่วยปืนใหญ่ฝ่ายเรา ยิงไปยังที่ตั้งอาวุธยิงสนับสนุนต่าง ๆ ของฝ่ายข้าศึกทุกพื้นที่ ตามหลักการป้องกันตนเอง ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ และกฎการใช้กำลังอย่างเคร่งครัด
สรุปการใช้อาวุธของฝ่ายกัมพูชาห้วงตั้งแต่วันที่ 7-10 ธันวาคม 2568 เวลา 15.00 น. ฝ่ายกัมพูชามีการใช้อาวุธ BM-21 จำนวน 79 ครั้ง , ลูกจรวด 3,160 นัด , ใช้ปืนใหญ่ จำนวน 122 นัด และ ใช้โดรนทิ้งระเบิด (FPV) ต่อฝ่ายเรา จำนวน 63 ครั้ง 125 ลำ
พื้นที่ช่องอานม้า ฝ่ายกัมพูชาได้มีการปฏิบัติการโจมตีหลายครั้ง ได้แก่ การใช้อาวุธยิงสนับสนุนและการใช้ระเบิดขว้างในพื้นที่ช่องอานม้า , เนิน 677 และตลาดช่องอานม้าฝั่งไทย
พื้นที่พระวิหาร ฝ่ายกัมพูชาใช้เครนก่อสร้างในพื้นที่เป็นจุดตรวจการณ์ โดยมีการติดตั้งกล้องและอุปกรณ์ตรวจจับด้วยสัญญาณเรดาห์ ทำให้ในห้วงที่ผ่านมาฝ่ายทหารไทย ได้รับบาดเจ็บ และสูญเสียชีวิต ในวันนี้จึงได้ดำเนินการยิงทำลายเครนก่อสร้างดังกล่าว เพื่อทำให้ฝ่ายกัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางทหาร
พื้นที่ปราสาทตาควาย ฝ่ายกัมพูชามีใช้โดรนพลีชีพ FPV จำนวนมาก และ ชุด ชป.โดรน ฝ่ายเราถูกโดรนข้าศึกทิ้งระเบิด กำลังพลฝ่ายเราปลอดภัย ฝ่ายตรงข้ามมีการยิงปืนออกมาจากตัวประสาท ฝ่ายเราใช้พลซุ่มยิงในการยิงตอบโต้ตามเหตุการณ์ และมีกระสุน BM-21 ตกในพื้นที่ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ประมาณ 20 นัด
นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังใช้อาวุธยิงเข้าใส่พื้นที่พลเรือนฝ่ายไทย โดยในวันนี้ (10 ธ.ค. 68) ตรวจพบการยิงอาวุธจรวด BM-21 ตกในพื้นที่ใกล้เคียงโรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ ห่างประมาณ 500 เมตร ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้ประเมินความเสี่ยงแล้ว จึงต้องรีบแจ้งเตือนให้ดำเนินการเคลื่อนย้ายบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยเจ็บเข้าที่ปลอดภัย
สำหรับการเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือกำลังพลที่บาดเจ็บ หน่วยแพทย์กองทัพภาคที่ 2 ได้เตรียมความพร้อมในการรักษาพยาบาล โดยทำการจัดตั้งที่พยาบาลพร้อมให้การรักษาพลเรือน และกำลังพลทหารเพื่อช่วยชีวิตในภาวะวิกฤต ก่อนที่จะส่งต่อการรักษาไปยังโรงพยาบาลในเขตหลัง โดยการส่งกลับผู้ป่วยดำเนินการด้วยรถพยาบาลเป็นหลัก และในกรณีผู้ป่วยวิกฤต ได้ประสานใช้เฮลิคอปเตอร์พยาบาล (Sky Doctor) เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วและปลอดภัยที่สุด
'กองทัพภาคที่ 2 จะดำเนินการทุกมาตรการเพื่อความมั่นคงปลอดภัย และรักษาอธิปไตยของประเทศอย่างเต็มกำลัง'







