"โรคประจำถิ่น" ไม่ได้แปลว่าไม่อันตราย ไม่น่ากลัว กระจอก เปิดความหมายจริงๆ

"โรคประจำถิ่น" ไม่ได้แปลว่าไม่อันตราย ไม่น่ากลัว กระจอก เปิดความหมายจริงๆ

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ หรือ "หมอธีระ" โพสต์เฟซบุ๊กประเด็น "โควิด-19" พร้อมทำความเข้าใจกับคำว่า "โรคประจำถิ่น" ซึ่งหลายคนเข้าใจแบบผิดๆว่า เป็นโรคธรรมดา ไม่อันตราย ไม่น่ากลัว ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องกังวล หรือแม้กระทั่งคำว่ากระจอก ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่เลย 

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ หรือ "หมอธีระ" คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กประเด็น "โควิด-19" พร้อมทำความเข้าใจกับคำว่า "โรคประจำถิ่น" ซึ่งหลายคนเข้าใจแบบผิดๆว่า เป็นโรคธรรมดา ไม่อันตราย ไม่น่ากลัว ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องกังวล หรือแม้กระทั่งคำว่ากระจอก ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่เลย 


 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

- "หมอประสิทธิ์" ชี้ โควิด-19 ยังไม่เข้าข่าย "โรคประจำถิ่น"

- เปิด “12 จังหวัด”โควิด19ขาลง นำโด่งในเส้นทางสู่โรคประจำถิ่น

- "โควิด-19" 10 ข้อกับสถานะปัจจุบันก่อนเข้าสู่โรคประจำถิ่น

 

"หมอธีระ" นอกจากจะพูดถึงสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศไทย ซึ่งหากดูจำนวนการติดเชื้อใหม่ต่อวัน รวม ATK เท่าที่ติดตามข้อมูลมา ไทยเราจะติดอันดับ Top 10 ของโลกมาติดต่อกันยาวนานถึง 39 วันแล้ว ส่วนจำนวนการเสียชีวิตต่อวันนั้น ติดอันดับ Top 10 มาต่อเนื่อง 10 วัน นอกจากนี้ยังได้ย้ำเตือนเรื่องความเข้าใจเกี่ยวกับ "โรคประจำถิ่น" (Endemic diseases)

 

"โรคประจำถิ่น" ไม่ควรนำมาใช้ทำแคมเปญให้เข้าใจคลาดเคลื่อนได้ว่าเป็นโรคธรรมดา ไม่น่ากลัว ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป

 

โรคประจำถิ่นนั้น โดยแท้จริงแล้วหมายถึงโรคที่ถูกระบุว่า พบได้บ่อยหากใครจะเดินทางไปยังพื้นที่นั้น ดินแดนนั้น ประเทศนั้น

 

โรคประจำถิ่นนั้น จะถูกใช้เมื่อเจอโรคนั้นอย่างเป็นประจำในถิ่นนั้น โดยรู้ว่ามีอัตราการติดเชื้อเพียงใดในลักษณะที่คงที่ โดยอาจมากขึ้นน้อยลงตามฤดูกาลได้ และสามารถคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของเชื้อโรคได้ดีในระดับหนึ่งเพื่อวางแผนจัดการรับมือ มิให้เกิดการระบาดจนเกินควบคุม

 

ทั้งนี้ การจะจัดการโรคประจำถิ่นได้ดีนั้นยัง "จำเป็น" ต้องมียาที่ใช้ในการรักษาและวัคซีนที่ใช้ในการป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ได้พึ่งพา "ยาผีบอกหรือพืชผักสมุนไพร" ที่คิดเอาเองว่าได้ผลโดยไม่ได้รับการพิสูจน์ตามขั้นตอนมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับ

 

ที่สำคัญที่สุดคือ โรคประจำถิ่นนั้นไม่ได้แปลว่า "ไม่อันตราย" ไม่ได้แปลว่า "อ่อน กระจอก ธรรมดา ไม่รุนแรง"

 

 

หลายโรคที่เป็นโรคประจำถิ่นในบางทวีป บางประเทศ เช่น ไข้เหลือง อีโบล่า ฯลฯ ที่พบมากในแอฟริกา ก็ทำให้เกิดการติดเชื้อ โดยยังมีอัตราการเสียชีวิตสูงได้เช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่โรคที่เราคุ้นเคยกันเช่น วัณโรค มาลาเรีย ก็พบว่าเป็นโรคประจำถิ่นในพื้นที่ต่างๆ ในประเทศไทย แต่ก็เป็นโรคที่เป็นแล้วรุนแรง เสียชีวิตได้

 

ดังนั้น หากทำความเข้าใจเรื่องโรคประจำถิ่น และติดตามความเป็นไปในเครือข่ายสังคมตลอดช่วงที่ผ่านมาจะพบว่าน่าเป็นห่วง เพราะมีแนวโน้มความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่าโควิด-19 จะกลายเป็นหวัดธรรมดา กระจอก ประจำถิ่น โดยไม่ต้องกังวลหรือป้องกันตัว

 

ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ในภาพรวมเรามีจำนวนการติดเชื้อมาก และมากกว่าประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลก ดังนั้นคนที่จะเดินทางมา ก็ย่อมตระหนักดีว่ากำลังเข้าสู่พื้นที่ประเทศที่มีโอกาสติดเชื้อสูง แปลแบบบ้านๆ คือ "แดนดงโรค หรือถิ่นที่มีโรคนั้นชุกชุม" หรือ "endemic area"

 

คำว่า "โรคประจำถิ่น" จึงไม่มีความหมายสำคัญไปกว่าที่อธิบายมาข้างต้น

 

สิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือ ทำอย่างไรให้การระบาดบรรเทาเบาบางลงกว่าที่เป็นมา

 

การป้องกันการแพร่เชื้อติดเชื้อ คือคำตอบสุดท้ายที่จะไขปัญหานี้ได้ มิใช่การพึ่งวัคซีนเป็นหลักเพียงอย่างเดียว เพราะวัคซีนนั้นหวังผลในแง่การลดความเสี่ยงการป่วยรุนแรง และการเสียชีวิต

 

การคิดและผลักดันนโยบายและมาตรการต่างๆ ในทุกมิติของสังคม เพื่อทำให้คนป้องกันตัว ไม่ให้ติดเชื้อหรือแพร่เชื้อ ให้มีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นมาคือสิ่งที่จำเป็น

หมอธีระ ย้ำว่า หน้ากากอนามัย คือหัวใจสำคัญที่จะปกป้องสวัสดิภาพและความปลอดภัยของคุณและสมาชิกในครอบครัว ปัญหาไม่ใช่แบบคิดตื้นๆว่า ติดเชื้อแล้วแป๊บเดียวก็หาย แต่โชคร้ายอาจเสียชีวิต แม้จะได้รับวัคซีนมาแล้วก็ตาม

 

ยิ่งไปกว่านั้น โชคร้ายที่สุดคือการเกิดภาวะผิดปกติระยะยาวหรือ Long COVID ซึ่งเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเคยติดเชื้อแบบไม่มีอาการเลย มีอาการน้อย หรือมีอาการมาก ก็ล้วนเกิดได้ทั้งสิ้น และจะบั่นทอนคุณภาพชีวิต เป็นภาระค่าใช้จ่ายต่อผู้ป่วย ครอบครัว และสังคมในระยะยาว

 

CR หมอธีระ