‘เที่ยวนครศรีธรรมราช’ แล.....มุมแอบแห่งขนอม

ณ นาทีนี้  ขนอม  นับเป็น แหล่งท่องเที่ยว ที่มาแรงของ นครศรีธรรมราช ก็ว่าได้ 'ขนอม' นับเป็นแผ่นดินใหญ่ที่ใกล้กับเกาะสมุยมากที่สุด  เพราะเหตุนี้ ขนอมจึงถูกเลือกให้เป็นปลายด้านหนึ่งของสะพานที่เชื่อมระหว่างเกาะสมุยและแผ่นดินใหญ่ 

ผมไม่แน่ใจว่าตัวโครงการเขาประมูลกันหรือยัง แต่ที่แน่ๆ คือมีการขึ้นป้าย ประชาสัมพันธ์กันในพื้นที่แล้ว   ซึ่งนับว่าความเจริญกระจายออกไปทั่วประเทศแทบทุกหนแห่งก็ว่าได้ 

ที่แน่ๆ   ถนนที่มีโค้งขึ้นลง มีสวนมะพร้าวสองฝั่งทางนั้น กำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวอย่างมาก ใครไปขนอมก็จะต้องแวะถ่ายรูป  ซึ่งเป็นถนนในช่วงจากชุมชนขนอม ก่อนถึงหาดท้องหยี ก่อนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติหาดขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้ นั่นเอง

ขนอม แหล่งท่องเที่ยวนครศรีธรรมราช

ขนอมได้รับความนิยมเพราะเป็นพื้นที่ที่มีชายหาดยาวเหยียด ที่ผู้คนนิยมอย่างมาก ตั้งแต่หาดคอเขา แล้วไล่ยาวลงไปทางใต้ หาดในเพลา หาดหน้าด่าน หาดจีบี หาดท้องหยี  เหล่านี้จะเป็นชายหาดยาวต่อเนื่องกัน จะมามีขาดตอนนิดหน่อยตอนท้ายๆ แล้วก็จะเข้าสู่ที่ทำการ อุทยานแห่งชาติ

ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยและได้รับความนิยมอย่างมาก  หลังจากนั้นถ้าไล่ไปจนสุดถนน จนไปถึงหาดพลายดำ   เหล่านี้คือ แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากของขนอม  ซึ่งถ้าจะนับตั้งแต่โรงไฟฟ้าลงมาทางใต้ก็ว่าได้

แต่ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆที่นักท่องเที่ยวอาจจะไปกันน้อยกว่าที่ผมว่ามา นั่นคือส่วนที่เป็นขนอมทางตอนเหนือ นับตั้งแต่โรงไฟฟ้าขึ้นไปนั่นเอง  นั่นคือแหล่งท่องเที่ยวทางด้านอ่าวแขวงเพลานั่นเอง ซึ่งจริงๆ ก็จะมีหาดหลายแห่งต่อเนื่องกัน แต่หาดจะไม่ยาวมากเหมือนทางหาดคอเขา

อย่างกรณีหาดแขวงเพลา ก็จะมี หาดท้องเนียน อยู่เคียงกัน ถ้าข้ามเขามานิดหนึ่งก็จะเป็นอ่าวท้องชิง เป็นหาดเล็กๆ มีสวนมะพร้าวอยู่  เพราะความที่หาดทางด้านนี้คนไม่ค่อยรู้จัก และไม่ค่อยมาด้วย  นักท่องเที่ยวเลยไม่ค่อยพลุกพล่าน มีที่พักแบบบ้านๆ มีร้านอาหาร ก็แบบบ้านๆ เช่นกันไว้บริการ

'โลมาสีชมพู'สัญลักษณ์ของ 'ขนอม' นครศรีธรรมราช 

ดูโลมาสีชมพูที่ขนอม

แต่ถ้าขับรถเลาะเลียบขึ้นไปทางเหนือ ก็จะแล่นเลาะเลียบป่าชายเลน ไปยัง บ้านแหลมประทับ   ซึ่งบ้านแหลมประทับนี้เป็น หมู่บ้านชาวประมง เล็กๆ มีไม่กี่หลังคาเรือน

มี อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน อยู่ตรงริมทะเล ว่ากันว่าที่ชื่อแหลมประทับ   เพราะสมเด็จพระเจ้าตากสินเคยมาประทับแรม ระหว่างทางที่จะเสด็จไปนครศรีธรรมราชนั่นเอง 

'อนุสาวรีย์พระเจ้าตาก' ที่ 'แหลมประทับ'

และปัจจุบัน บ้านแหลมประทับคือท่าลงเรือไปดู โลมาสีชมพู ที่ว่ากันว่ามีที่เดียวในบ้านเราก็ว่าได้  เรือจะเป็นเรือขนาดเล็ก นั่งได้ราว 7 คน  ค่าเรือ 1,200 บาท ขาก็จะพาไปดูเกาะหินเล็กๆ ที่มีบ่อน้ำจืดอยู่บนเกาะแห่งนี้   มี รูปหล่อหลวงปู่ทวด อยู่บนเกาะด้วย 

บ่อน้ำจืดนี้ว่ากันว่าไม่เคยแห้ง  ก็คงเป็นระบบน้ำใต้ดิน ที่บังเอิญมาผุดตรงนี้พอดีนั่นเอง   แล้วโปรแกรมเขาก็จะพาดู โลมาสีชมพู ซึ่งอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของขนอมย่านนี้นั่นเอง  ซึ่งเจอหรือไม่ก็คงแล้วแต่โชค  แต่ด้วยความที่ ขนอม นี้มี โลมาสีชมพู 

ท่าเรือบ้านแหลมประทับ

‘โลมาสีชมพู’ จึงถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์ของอำเภอขนอม มีการปั้นรูปปั้นไว้ตามแยกถนนสำคัญๆ ในตัวเมืองขนอมด้วย  และไฮไลท์อีกหนึ่งอย่างของโปรแกรมล่องเรือที่ขนอมก็คือการไปดูหินแพนเค้ก  ซึ่งเดี๋ยวผมจะพาไปทางบกแทน  เพราะถ้านั่งเรือไปเราจะขึ้นฝั่งไม่ได้ เพราะเป็นที่ของเอกชน แต่เรือเข้าดูใกล้ๆได้

จากการประสานงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จึงทำให้เข้าไปในพื้นที่ของเอกชนได้ ซึ่งมีอ่าวเล็กๆ มีที่ราบระหว่างภูเขาไม่กว้างนักมีบ้านพักของเจ้าของพื้นที่อยู่ อ่าวนี้เขาเรียกอ่าวตัวกอ ซึ่งภูเขาอีกด้านหนึ่งนั้น  เป็นภูเขาหินปูนที่จะเห็นหินปูนซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ อย่างชัดเจน และยิ่งโดดเด่นมากเมื่อไปจนสุดถนนและเห็นชั้นหินปูนที่ซ้อนทับกันนั้นหันส่วนที่ไปชั้นๆงสู่ทะเล ยิ่งทำให้สีเทาหม่นของหินปูนนั้นโชว์ชั้นที่ซ้อนทับกันชัดเจนมาก

ชั้นหินปูนที่แตกออกเป็นชั้นๆ

อย่างที่เรารู้กันว่า ‘หินปูน’ นั้นเป็น หินชั้น หรือ หินตะกอน อีกชนิดหนึ่งที่สะสมทับถมกันเป็นชั้นๆ บนพื้นโลก เพียงแต่หินปูนนั้นสะสมใต้ท้องทะเล เราจึงมักเห็นว่าในหินปูนพบฟอสซิลของสัตว์ใต้ทะเลอยู่บนหินปูนด้วย     หลังจากนั้นแผ่นเปลือกโลกก็เกิดการเบียดหรือชนกัน  แล้วก็จะดันส่วนหนึ่งขึ้นมาเป็นภูเขา  

หินแพนเค้ก

ทีนี้ชั้นที่สะสมกัน พอถูกดัน ก็อาจจะแตกเป็นชั้นๆตามการสะสม   ส่วนที่ถูกน้ำทะเลซัดทุกวันทุกคืน ก็เลยเห็นเป็นชั้นๆที่ซ้อนทับกันชัดเจน อย่างที่ปรากฏข้างหน้านี่เอง ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งของบ้านเราทีเดียว  ที่ราบระหว่างภูเขาเป็นของส่วนบุคคล แต่ภูเขาอยู่ในพ้นที่ อุทยานแห่งชาติ

พระธาตุปะการัง

ก่อนจะย้อนกลับเข้าตัวเมืองขนอม ก็อยากพาท่านผู้อ่านไปไหว้สิ่งเคารพสักการะของพื้นที่ขนอมสักหน่อย ซึ่งเขาเรียกว่า ‘เขาพระธาตุ’ หรือพระธาตุปะการัง อยู่ที่ บ้านท่าจันทร์ ต.ท้องเนียน ก็ใกล้ๆตัวเมืองขนอมนั่นละครับ เป็นโบราณสถาน ที่สร้างบนยอดเขาขนาดเล็ก เป็นเจดีย์สร้างบนฐานสี่เหลี่ยมทรงระฆังคว่ำแบบลังกา กรมศิลปากรเคยมาสำรวจและสันนิษฐานว่าสร้างสมัยพุทธศตวรรษที่ 19-20  ราวสมัยอยุธยา)

มีการขุดพบเจอเครื่องถ้วยดินเผา พระพิมพ์และแก้วแหวนส่วนหนึ่ง   ที่นี่จึงเป็นดั่งศูนย์รวมใจของคนขนอมก็ว่าได้   ว่ากันว่าสร้างกันด้วย หินปะการัง ซึ่งมีอยู่อย่างมากมายในบริเวณ อ่าวท้องเนียน  ซึ่งปัจจุบันก็ยังพบเห็นหินที่เป็นปะการังเก่าๆ ปะปนอยู่ในพื้นดิน ในป่าชายเลนแถวอ่าวท้องเนียนนี้ด้วย  และเมื่อขึ้นไปก็จะมองเห็นป่าชายเลนและชุมชนในพื้นที่   นับเป็นจุดชมวิวอีกที่หนึ่งในพื้นที่ขนอม

พระธาตุปะการัง

จากประวัติที่เขียนไว้หน้าพระเจดีย์บอกว่าครั้งที่พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชสร้างพระบรมธาตุเมืองนครนั้น มีคณะศรัทธารวบรวมแก้วแหวนเงินทอง เดินทางมาจากเมืองไชยาเพื่อจะไปร่วมสร้างพระบรมธาตุ  แต่ครั้นเดินทางถึงขนอม ก็ได้ข่าวว่าพระธาตุเมืองนคร สร้างเสร็จแล้ว จึงได้เลือกเนินเขาที่ห่างจากทะเล  3 กิโลเมตร  

สร้างเป็นพระเจดีย์ขึ้น โดยลอกแบบมาจากพระบรมธาตุเมืองนคร โดยใช้ หินปะการัง ที่มีอยู่มากมายในพื้นที่มาก่อสร้างเป็นพระธาตุขึ้น แล้วนำแก้วแหวนเงินทองที่จะนำไปบรรจุในพระบรมธาตุเมืองนครนั้นมาบรรจุในเจดีย์นี้แทน  ตอนที่กรมศิลปากรมาบูรณะจึงมีการค้นพบแก้วแหวนเงินทองดังกล่าว

บ้านพักของ อช.หาดขนอมฯ

หาดแขวงเพลา

มุมสุดฮิตของอุทยานฯขนอมฯ

เหล่านี้ถือเป็นส่วนของพื้นที่ขนอม ที่นักท่องเที่ยวทั่วไปไม่ค่อยได้มาพบมาเห็นมากนัก ซึ่งนอกจากนี้ก็ยังมี น้ำตก ในพื้นที่อีกหลายแห่งเช่นกันที่นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยได้ไปพบไปเห็น จะเห็นว่าบ้านเมืองของเรานั้น มีอะไรอีกตั้งมากมายที่เรายังไม่เคยพบเคยเห็น จึงอยากชวนให้ออกไปดู ไปเที่ยว ไปพบเห็นกัน ก็จะรู้ว่า ยิ่งเราเดินทาง เราก็จะพบเห็น พบเห็นแล้วก็จะรัก จะหวงแหนบ้านเรา

ออกไปสวัสดีประเทศไทยกันเถอะครับ....