โหราศาสตร์พยากรณ์ 'วรพล ไม้สน' : ตัวแปรที่ทำให้การทำนายแม่นหรือไม่แม่น ?

Key point :

•  นักโหราศาสตร์ ใช้ทั้งปฏิทิน ดวงชะตา ตำแหน่งดาวในราศีนั้นๆ การโคจรของดวงดาวในช่วงต่างๆ เพื่อพยากรณ์
• การบูชาอะไร...แล้วรวย เพิ่งประดิษฐ์ใหม่ช่วงปี 2549 จากการบูชาจตุคามรามเทพ แล้วมาพระคเณศ พญานาค ปัจจุบันเป็นไอ้ไข่และท้าวเวชสุวรรณ 
• หมอดู จะใช้ศาสตร์อะไรพยากรณ์ก็ได้ ไม่เกี่ยวข้องกับดวงดาว 

ถ้าจะให้คำจำกัดความโหราศาสตร์ คงต้องทำความเข้าใจมากกว่าคำว่า โชคลาง หรือไสยศาสตร์ เรื่องนี้ วรพล ไม้สน อาจารย์และกรรมการมูลนิธิสมาคมโหรแห่งประเทศไทยในพระสังฆราชูปถัมภ์ และรองเลขาธิการสมาคมดาราศาสตร์ไทย อาชีพหลักเป็นนักวิชาการภูมิสารสนเทศ การประปาส่วนภูมิภาค 

เขาเป็นอีกคนที่ศึกษาศาสตร์แห่งการพยากรณ์มาเกือบทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเรื่องโหราศาสตร์ ซึ่งได้พัฒนาโปรแกรมโหราศาสตร์ เพื่อใช้คำนวณระบบคัมภีร์สุริยยาตร์ เผยแพร่ตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 

ขณะที่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าโหราศาสตร์คือ ศาสตร์แห่งการพยากรณ์ทุกอย่าง แต่โหรศาสตร์ในมุมของเขา คือ การพยากรณ์โดยใช้การโคจรของดวงดาว อ้างอิงจักรราศี และดวงชะตา 

“คนส่วนใหญ่เมื่อพูดเรื่องโหราศาสตร์ ก็มักจะนึกไปถึงเรื่องไสยศาสตร์โดยอัตโนมัติ แต่โหราศาสตร์ไม่ใช่มีเพียงการสะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา หรือไปแบบสายมู"

ลองอ่านเรื่องราวโหราศาสตร์ในมุมอาจารย์วรพล ที่ขอทำหน้าที่ให้ความรู้มากกว่ารับดูดวงชะตา และยังเห็นว่า ควรมีการเรียนการสอนวิชาโหราศาสตร์ในระดับอุดมศึกษา แต่ต้องได้มาตรฐาน ...

• โหราศาสตร์ในมุมที่คุณกำลังทำอยู่เป็นอย่างไร

มีหลายมหาวิทยาลัยพยายามที่จะเปิดวิชาโหราศาสตร์ระดับปริญญาตรี แต่ทัศนคติคนไทยที่มองวิชาด้านนี้ส่วนใหญ่เป็นมุมลบ ในขณะที่ต่างประเทศนำวิชามาไว้ในหลักสูตรมหาวิทยาลัย

อาจารย์วรพล ไม้สน กรรมการมูลนิธิสมาคมโหรแห่งประเทศไทยในพระสังฆราชูปถัมภ์ และรองเลขาธิการสมาคมดาราศาสตร์ไทย

ปกติผมสอนวิชาสุริยยาตร์ศึกษาที่มูลนิธิสมาคมโหรฯ  เน้นเรื่องราวประวัติโหราศาสตร์ภาคคำนวณและอื่นๆที่เกี่ยวข้อง  ผมบอกเสมอว่า ถ้าไม่สนใจจริงๆ ไม่ตรงกับความต้องการ ไม่ต้องมาเรียนให้เสียเวลา ผมสอนโหราศาสตร์ในแนวให้ความรู้ ให้มุมมอง ควบคู่กับประวัติศาสตร์ เพื่อตอบปัญหาทำให้เรื่องราวชัดเจน และส่วนใหญ่ผมไม่รับดูดวงชะตา

•  ทำไมสนใจเรื่องโหราศาสตร์

ผมเห็นคุณพ่อชอบพยากรณ์โดยใช้กราฟชีวิต ต่อมาผมสนใจโหราศาสตร์จริงจังในช่วงเรียนปริญญาตรี เพราะได้รู้จักอาจารย์นักโหราศาสตร์ท่านหนึ่งสอนผูกดวงชะตา อ่านตำแหน่งดาว  หลังจากนั้นผมก็อ่านหนังสือเก่าด้านนี้ในหอสมุดแห่งชาติ อ่านจนไม่มีอะไรให้อ่าน ก็ย้ายไปอ่านในหอสมุดมหาวิทยาลัย ตอนนั้นเริ่มรู้เรื่องโหราศาสตร์ แต่พยากรณ์ไม่เป็น 

• ตอนที่ศึกษาโหราศาสตร์ เรียนไปเพื่ออะไร

โหราศาสตร์ตอบคำถามพื้นฐานในชีวิตให้ผมได้

• คนส่วนใหญ่บอกว่าแนวทางพุทธและจิตวิทยา น่าจะตอบคำถามได้มากกว่า แต่คุณบอกว่า โหราศาสตร์ ? 

 ผมไม่ได้มองว่าพุทธศาสนาช่วยวางแผนชีวิตได้ เช่น การเลือกเรียนด้านวิทยาศาสตร์ ศิลปศาสตร์ หรือ อื่นๆ เรื่องการวางแผนชีวิตเป็นเรื่องตัวใครตัวมัน ศาสตร์ที่จะตอบปัญหาได้คือโหราศาสตร์ 

อย่างผมเรียนวิชาเอกภูมิศาสตร์ แล้วเลือกเรียนวิชาโทเศรษฐศาสตร์ ผมยังไม่รู้เลยว่า ผมจะเอามาใช้ยังไง ดีมานด์ซัพพลายมาเกี่ยวข้องกับชีวิตผมตอนไหน สำหรับผม...โหราศาสตร์สามารถคาดการณ์ว่า ปีนี้หรือปีหน้า ชีวิตผมจะดีอย่างไร  พอจบปริญญาตรี ผมก็คิดว่าน่าจะเรียนรู้เรื่องโหรศาสตร์เพิ่ม 

• ทั้งๆ ที่ศึกษาโหราศาสตร์มาเยอะ ทำไมไม่ยึดเป็นอาชีพ

คติครอบครัวผม คือ ทำงานให้เป็นหลักฐาน ไม่ว่างานบริษัทหรือรับราชการ วิชาโหราศาสตร์ผมจึงทำเป็นงานอดิเรก ผมไม่ได้ศึกษาเฉพาะภาคพยากรณ์ แต่ผมสนใจที่มาที่ไปของโหราศาสตร์ว่า ตำแหน่งดาวคำนวณยังไง เอาสูตรมาจากไหน ผมจึงศึกษาและทำโปรแกรมคำนวณให้ตรงกับนักโหราศาสตร์สมัยนั้นใช้ 

ผมทำโปรแกรมโหราศาสตร์ คล้ายๆ เด็กติดเกม แต่เป็นเกมที่มีคำตอบ เพราะไม่ว่าคุณจะเขียนโปรแกรมหรือฟังค์ชั่นจะเปลี่ยนไป ก็จะต้องได้ผลลัพท์เดียวกันเสมอ ผมทำโปรแกรมสุริยยาตร์ในไมโครซอฟท์ เอ็กซ์เซลให้คนใช้ฟรี ๆ กว่า 20 ปีแล้ว  ถ้ามีเวลาก็จะพัฒนาโปรแกรมในแพลตฟอร์มใหม่

เรียนรู้ตำแหน่งดวงดาว เพื่อทำความเข้าใจโหราศาสตร์

• พัฒนาโปรแกรมการคำนวณตำแหน่งดาว เพื่อใช้ในทางโหราศาสตร์อย่างไร

 ถ้าจะทำแพลตฟอร์มใหม่ ผมต้องไล่เรียนภาษาคอมฯใหม่หมด ที่ผมไม่จ้างคนทำแอพฯ เพราะผมคิดว่า ผมต้องรู้และเข้าใจอธิบายโปรแกรมตัวเอง อีกอย่างโปรแกรมที่ทำมาทดสอบนิ่งแล้ว สูตรใช้ได้ แต่การดึงข้ามแพลตฟอร์มต้องเปลี่ยนโครงสร้าง จึงต้องใช้เวลามากพอสมควร

• ทำไมโหราศาสตร์ตอบคำถามให้ชีวิตได้ 

เพราะโหราศาสตร์เป็นเครื่องมือ เพื่อใช้พยากรณ์อนาคตที่ใช้ในราชสำนักมาก่อน ทั้งที่เกี่ยวข้องกับการทำปฎิทินและวิถีชีวิต การวางฤกษ์ ในทางโหราศาสตร์มีการจดบันทึกมากที่สุด มีการบันทึกเรื่องดวงดาว จึงมีความใกล้เคียงกับวิทยาศาสตร์มากที่สุด แต่ในแง่การพยากรณ์เป็นการใช้ญาณทัศนะของโหรผู้พยากรณ์ด้วย

ซึ่งโหราศาสตร์มีขั้นตอนในการเรียนรู้ สามารถถ่ายทอดรุ่นต่อรุ่น เหมือนศาสตร์อื่นๆ คล้ายกับวิชาวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ชีววิทยา โดยที่โหรต้องเรียนรู้การคำนวณ พยากรณ์ และฤกษ์ยาม อาจรวมถึงการแก้ดวงหรือสะเดาะเคราะห์ซึ่งเป็นภาคพิธีกรรม

• บางคนบอกว่าโหราศาสตร์เป็นวิทยาศาสตร์เทียม ?

รูปแบบ...ใช่ แต่โดยเนื้อแท้ไม่ใช่ เพราะโหราศาสตร์ดึงทุกอย่างจากวิทยาศาสตร์หรือดาราศาสตร์มาใช้ประมวลผลเพื่อการพยากรณ์ โดยมีเครื่องมือคือตำแหน่งดาว และปรากฏการณ์ต่างๆ บนท้องฟ้าที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น

แต่สิ่งที่ไม่แน่นอน คือสภาวะสังคม และจิตวิทยามวลรวมในขณะนั้น ยกตัวอย่างถ้าพูดถึงดวงเมืองหรือการพยากรณเศรษฐกิจ ก็ต้องเอาภาพใหญ่มาประกอบตำแหน่งดาว แต่มักมีคำถามว่าทำไมมีการเอาศาสตร์อื่นมาใช้พยากรณ์ ได้เช่นกัน

ซึ่งคำว่า ใช้ศาสตร์อะไรไม่รู้แต่ทายได้นั้นเป็นญาณทัศนะของผู้พยากรณ์โดยตรง ซึ่งคนที่มีญาณทัศนะไม่จำเป็นต้องเป็นพระสงฆ์ บุคคลทั่วไปก็มีได้ อาจเป็นร่างทรง พ่อมดหมอผี แต่ปัจจุบันรวมไปถึงนักโหราศาสตร์ นักพยากรณ์ศาสตร์

• ไม่สามารถอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ ?

ใช่ ซึ่งพยากรณ์อนาคตของคน ผมเชื่อว่า มีคนที่พยากรณ์อนาคตได้จริง ยากมากที่จะพยากรณ์ถูกต้องทุกครั้ง ผมอธิบายแบบชาวพุทธว่า ระดับบารมีของคนขึ้นลงได้ตามเหตุปัจจัย ดังนั้นการพยากรณ์แต่ละครั้ง อาจไม่ได้เกิดจากญาณทัศนะอย่างเดียว แต่เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

• นักโหราศาสตร์ ใช่ว่าจะพยากรณ์ได้ถูกต้องทุกครั้ง ?

ถ้าทำนายได้ถูกต้อง 8 ใน 10 ครั้งก็ถือว่าโอเค อีกอย่างคนที่มาให้ทำนายแต่ละคน ก็มีจริตต่างกัน การสื่อสารอาจคนละอย่าง จะพยากรณ์ได้ถูกต้องหรือไม่ มีองค์ประกอบอื่นๆ ต้องดูจริตของผู้รับคำพยากรณ์ด้วย

• อยากให้อธิบายคำว่า โหราศาสตร์และพยากรณ์ศาสตร์เพิ่มเติมสักนิด?

ขึ้นอยู่ว่าใช้ศาสตร์อะไร ถ้าไพ่ยิปซี ลายมือ โหง้วเฮง ฯลฯ นั่นคือ พยากรณ์ศาสตร์ ส่วนโหราศาสตร์ถูกแยกออกมา เพราะใกล้เคียงกับวิทยาศาสตร์ คนโบราณจะใช้คำว่า โหร ใช้ทั้งปฏิทิน ดวงชาตา ตำแหน่งดาวในราศีนั้น การโคจรของดวงดาวในช่วงต่างๆ สามารถอธิบายย้อนกลับได้แม้จะผ่านมา 10 ปี หรือมากกว่านั้น และมีนักโหราศาสตร์ที่ศึกษาเก็บสถิติจริงจังอยู่เยอะ แต่ไม่เปิดเผยตัว ถ้าไม่ใช่โหรสื่อฯ

ส่วนหมอดู จะใช้ศาสตร์อะไรพยากรณ์ก็ได้ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับดวงดาว แต่ทุกวันนี้เหมารวมเรียก หมอดู หรือ โหราศาสตร์ไปหมด

• โหรสื่อมีบทบาทในสังคมมากน้อยเพียงใด 

โหรที่ออกสื่อบ่อยๆ จะมีการจัดอีเว้นท์ทุกครั้งที่มีปรากฎการณ์ที่นักดาราศาสตร์บอก นั่นคือ โหรกระแส ทั้งเรื่องทำพิธีกรรมนำเที่ยว สะเดาะเคราะห์ ส่วนนักโหราศาสตร์ที่ศึกษาจริงจังค่อนข้างเก็บตัว

• ถ้าคุณไม่ทำงานประจำ เบนเข็มมาเป็นนักโหราศาสตร์เพื่อหารายได้ คงไม่ใช่เรื่องยาก ทำไมไม่เลือกเส้นทางนี้

ผมเชื่อกรรม (การกระทำ) จึงไม่พยากรณ์เอาใจลูกค้า เชื่อเรื่องพยากรณ์ตรงไปตรงมา ผมสอนสิ่งที่ผมค้นคว้ามา มีคลังข้อมูลของผม อย่างการศึกษาที่มาโหรศาสตร์การคำนวณตำแหน่งดาว ผมดูจากเอกสารในไทย และแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกือบหมด จนต้องไปค้นตำราอินเดีย แล้วศึกษาเรื่องอื่นๆ เพิ่มจึงอ้างอิงต้นทางได้

โหราศาสตร์บางสิ่งอ้างอิงเรื่องธาตุ ก็ไปค้นอีกว่า ต้นทางธาตุในอารยธรรมโลกมาจากไหน ก็มาจากกรีก ถ้าเกี่ยวกับสุขภาพ ก็แพทย์แผนไทย ต้องมาดูว่าปีเกิดในธาตุเจ้าเรือน องค์ประกอบความรู้ ผมก็ศึกษากว้างๆ แต่ลงลึกเรื่องโหราศาสตร์  ผมไม่ได้รับพยากรณ์เป็นรายบุคคล เพราะไม่มีเวลา ยกเว้นจัดงานอีเว้นท์ ถ้าสมาธิไม่ดีผมก็ไม่พยากรณ์

ศาสตร์โบราณมีความน่าเชื่อ ต้องศึกษาให้ถูกวิธี ไม่ใช่แค่การสะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา หรือสายมู บางทีบอกว่า ช่วงเกิดจันทรุปราคา คนเกิดในช่วงเวลาที่มีตำแหน่งดาวใกล้เคียงกับคราสให้ระวังเป็นพิเศษ  เพราะดวงจันทร์มีเงามาบัง

ราศีตรงนั้นก็แค่อารมณ์แปรปรวนหงุดหงิดง่ายแค่หนึ่งสองสัปดาห์ เราเป็นอณูหนึ่งของจักรวาล เมื่อระบุเฉพาะกลุ่มคนในราศี ซึ่งการระวังคือ ไม่ประมาทเป็นเรื่องปกติ 

• การคำนวณสุริยุปราคาของรัชกาลที่ 4 เป็นอีกเรื่องที่คุณสนใจ ?

ผมกำลังหาข้อมูลศึกษาว่า รัชกาลที่4 คำนวณด้านสุริยุปราคา ค้นเรื่องดาราศาสตร์ จริงหรือไม่ เท่าที่ผมศึกษาจากเอกสารทั้งหมด พระองค์คำนวณได้จริง ผมได้ลองคำนวณจากหลักฐานที่พระองค์ใช้ ออกมาเวลาใกล้เคียงกัน ส่วนพระองค์ทรงเรียนเรื่องเหล่านี้จากใครบ้าง มีหลักฐานน้อยมาก แต่สรุปได้ว่าเป็นวิชาที่พระองค์เรียนรู้จากเอกสารต่างประเทศ

ผมมองจากพระราชประวัติทั้งหมดของรัชกาลที่ 4 ถ้าเทียบกับคนยุคนี้...พระองค์ทรงเนิร์ด ตรงไปตรงมา ยึดมั่นในหลักวิชา ในสมัยนั้นมีขุนนางหัวก้าวหน้าต่อเรือ โดยใช้เครื่องเรือกลไฟสั่งจากนิวยอร์คมาประกอบวิ่งในแม่น้ำ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นช่วงถ่ายทอดวิทยาการจากตะวันตกมาสู่สยาม ซึ่งรัชกาลที่ 4 ทรงเปรียบเสมือนบรมครูโหร ซึ่งตำราของพระองค์ยังมีคนพูดถึงและยังใช้อยู่

• คนไทยยึดโหราศาสตร์เป็นหนึ่งเดียวกับไสยศาสตร์ตั้งแต่สมัยโบราณ คุณมีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร

ถ้าไปหาหมอดูหรือนักพยากรณ์ ทำนายทายทัก แล้วต้องสะเดาะเคราะห์ ปัจจุบันเรียกว่าแก้กรรม ผมย้ำเสมอว่า พุทธศาสนาไม่ได้สอนให้แก้กรรม แต่สอนว่า กรรมอันไหนไม่ดี ไม่ต้องไปยุ่ง การสะเดาะห์เคราะห์ที่อยู่ในโหราศาสตร์ หรือพิธีกรรมต่างๆ เกิดจากความสบายใจ เป็นจิตวิทยาให้ยึดเหนี่ยว ส่วนการบูชาพระราหูในโบราณไม่เคยทำ จึงเป็นเรื่องใหม่ในยุคนี้

• บูชาพระราหู เพื่ออะไร

จริงๆ แล้ววิชาบูชาพระราหูเป็นตำราประดิษฐ์ใหม่ในปี 2538 ตอนเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงพาดผ่านประเทศไทย มีคนบอกว่าให้บูชาพระราหูด้วยของ 8 อย่าง ซึ่งเลข 8 เป็นเลขมงคลจีนเอามารวมกับการสะเดาะเคราะห์ในวิชาโหราศาสตร์ไทย แต่ไม่ได้ตั้งโต๊ะเหมือนที่ลงข่าว จึงกลายเป็นความเชื่อว่า เมื่อราหูย้ายราศี วัดที่มีราหู จึงมีคนไปบูชาเต็มไปหมด

• การบูชาแล้วรวยเกิดขึ้นได้อย่างไร

อย่างการบูชาอะไรแล้วรวย เพิ่งประดิษฐ์ใหม่ช่วงปี 2549 จากการบูชาจตุคามรามเทพ แล้วมาพระคเณศ พญานาค ปัจจุบันเป็นไอ้ไข่และท้าวเวชสุวรรณ เจ้าแห่งทรัพย์ สังเกตว่า การจะบูชาอะไรแล้วรวย จะเกิดขึ้นช่วงเงินฝืด ทำไมจตุรคามรอบแรกดังในปีนั้น เพราะปีนั้นคุณทักษิณ ชินวัตร ถูกดีดออกนอกประเทศในขณะเศรษฐกิจกำลังเฟื่องฟู เริ่มมีจตุคามหลายรุ่น โฆษณาว่าบูชาแล้วรวยหมื่นล้านแสนล้าน ทุกวัดทำเหมือนกัน พอหลังปี 2551 กระแสจตุคามหายหมด

• ในฐานะนักโหราศาสตร์ พยากรณ์ข่าวดีในเมืองไทยสักนิด ? 

ปลายเดือนมิถุนายน และกลางเดือนสิงหาคม 2566 น่าจะมีข่าวดีเกิดในประเทศไทย ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศไทยดูดีขึ้น ช่วงปลายเดือนสิงหาคม เศรษฐกิจจะชะลอตัวจากเหตุภายนอกประเทศ