เปิดเส้นทางสายมู สักการะขอพร 'พระพิฆเนศ' ให้สำเร็จ ที่ 'มุมไบ ปูเน่ อินเดีย'

มุมไบ ปูเน่ อินเดีย ถือเป็นเมืองที่เป็นเบอร์หนึ่งของ "พระพิฆเนศ" ขอความสำเร็จ ที่สายมูห้ามพลาด หากมีโอกาสควรไปสักการะขอพรให้ได้สักครั้งในชีวิต
พระพิฆเนศ เป็นเทพเจ้าองค์สำคัญของของชาวฮินดู เป็นลูกของพระศิวะและพระแม่อุมาเทวี ไม่ว่าจะเป็นเริ่มสวดมนต์หรือประกอบพิธีเริ่มงานใดก็แล้วแต่ จำต้องเอ่ยนามพระพิฆเนศก่อนโดยถือเป็นเทพสูงสุด มีความเชื่อกันว่า หากบูชา องค์พระพิฆเนศ จะขจัดปัญหาและอุปสรรคในชีวิต ส่งเสริมความมีสติปัญญาที่ดี รวมถึงส่งเสริมด้านธุรกิจการงานให้รุ่งเรือง ซึ่งการขอพรในเรื่องของธุรกิจ เงิน ความสำเร็จ ส่วนใหญ่แล้วชาวฮินดูจะนึกถึงและบูชาเทพอยู่ 2 องค์ นั่นคือ องค์พระพิฆเนศ (ขอความสำเร็จ สำเร็จ สำเร็จ) และองค์พระแม่ลักษมี (ขอเรื่องเงิน เงิน เงิน)
บัณฑิต พรหมะนนทา ดูเวดี (Pt brahmanand Dwivedi) พราหมณ์ผู้ประกอบศาสนพิธีทางฮินดูในไทย กล่าวว่า พระแม่ลักษมี คนที่บูชาเชื่อว่าท่านจะช่วยเหลือเรื่องเงิน เงิน เงิน ความสำเร็จทางธุรกิจ ส่วนความรักนี่เพิ่งได้ยินในไทย ที่อินเดียไม่ได้มีความเชื่อเรื่องขอความรักกับพระแม่ลักษมีแล้วสำเร็จ ฉะนั้น หากพูดถึงการขอพรให้ประทานความสำเร็จทางธุรกิจและเงินทองแล้ว ควรสักการะทั้งสองพระองค์ นั่นคือ พระพิฆเนศ และพระแม่ลักษมี
"มุมไบ ปูเน่ อินเดีย เป็นเมืองที่เป็นเบอร์หนึ่งของพระพิฆเนศ ถ้าไปปูเน่ให้ไปสักการะพระพิฆเนศ ดั๊กดูเศรษฐ์ (Dagadusheth) หากไปมุมไบให้ไปขอพรที่ วัดสิทธิวินายัก (Siddhivinayak Temple) และ วัดมหาลักษมี (Mahalxhmi Temple)"
พระพิฆเนศ ดั๊กดูเศรษฐ์ (Dagadusheth) ปูเน่
บัณฑิต พรหมะนนทา ดูเวดี เล่าว่า มีคนๆ หนึ่งชื่อว่า ดั๊กดูเศรษฐ์ เป็นผู้ที่สร้างวัดนี้ขึ้น ในอดีตเขาเป็นพ่อค้ารถเข็นขายขนมผู้หนึ่ง เขาขายขนมพวก ลาดู โมทกะ ชีวิตพ่อค้าผู้นี้ดิ้นรนมาโดยตลอด เครียด มีปัญหาติดขัด ขัดสน ชีวิตไม่ราบรื่น ขายขนมเท่าไหร่ก็เงินไม่พอใช้ ในวันหนึ่งเขาได้ระลึกนึกถึง องค์พระพิฆเนศ จึงขอกับท่านว่าอยากให้มีงาน มีเงิน ถ้าสำเร็จจะสร้างวัดให้ หลังจากนั้นชีวิตเขาก็เปลี่ยนเลย เขาเองไม่ได้ลืมที่ลั่นสัจจะวาจาไว้ ได้สร้างวัดที่ ปูเน่ โดยใช้ชื่อของเขาเป็นชื่อวัด ตัวองค์พระพิฆเนศจะเป็น "ปางเศรษฐี" เป็นดินเผา สูงใหญ่ แต่ดูภายนอกเสมือนกับหินอ่อน หรือหินน้ำนม อัญมณีเครื่องประดับองค์ท่านนั้นเป็นของแท้ทั้งหมด ผนังตรงที่ประทับองค์พระพิฆเนศก็ฉาบด้วยทองคำแท้ทั้งหมด
"คนนิยมมาไหว้ที่นี่เยอะมาก เพราะที่นี่คือเบอร์หนึ่งของ พระพิฆเนศ คนอยากเป็นเศรษฐีเหมือน ดั๊กดูเศรษฐ์ (เศรษฐ์ แปลว่า เศรษฐี ดั๊กดูเศรษฐ์ คือ เศรษฐีชื่อดั๊กดู) ต้องการเงิน ความสำเร็จ คนจึงมุ่งเป้าไปที่นี่ ปกติเวลาเราเข้าไปไหว้ เราจะมีเครื่องเซ่นไหว้ อาจมีดอกไม้ มะพร้าว ตามที่ทางวัดจัดมา เราก็ไปตรงหน้าพระพิฆเนศ อย่าพึ่งถวายของ ให้ไปนั่งในบริเวณที่เขาจัดไว้ด้านหน้าองค์ท่าน (หากคนเยอะที่นั่งเต็ม ทางเจ้าหน้าที่วัดจะปิดทางไว้ไม่ให้เข้า วันหยุดและวันที่มีพิธีสำคัญคนจะแน่นมาก) เพื่อทำจิตให้มีสมาธิ สร้างสติให้เกิดขึ้น นั่งภาวนาสวดมนต์ขอพรเต็มที่อาจจะสัก 10-15 นาที เมื่อเสร็จแล้วค่อยนำของที่เตรียมมาไปถวาย หลังจากนั้นเดินลงมาให้สังเกตว่ามีพราหมณ์ที่นั่งอยู่บริเวณนั้น ถ้าอยากทำพิธีก็แจ้งเขาได้ เขาจะมีใบให้ทำบุญให้วัด เมื่อตกลงและทำพิธีเสร็จแล้ว อยากจะทำบุญเพิ่มเติมกับพราหมณ์ก็ย่อมได้ ไม่ให้ก็ไม่ผิดอะไร (ช่วงทำพิธีอาจได้สิทธิ์ถ่ายรูปส่วนตัวตอนประกอบพิธีได้)"
ข้อควรระวังในการไปกราบสักการะองค์พระพิฆเนศ
ห้ามหญิงที่มีประจำเดือนในช่วงนั้นเข้าไปไหว้ ต้องสะอาดที่สุด เขามีความเชื่อว่า หญิงมีประจำเดือนถือว่าไม่สะอาด แต่หากมาไกลอยากไหว้ให้ไหว้ที่ด้านนอกจะดีกว่า
เมื่อไหว้เสร็จแล้วพราหมณ์จะคืนของไหว้มาหนึ่งอย่าง หากได้รับเป็นมะพร้าวกลับมา คนที่เป็นเจ้าของต้องทำการเปิดและผ่าเองเท่านั้น เพราะคนอินเดียมีความเชื่อด้วยความกลัวและเคารพว่า ของมงคลต้องทำเอง จัดการเอง ปอกเอง ถึงจะได้รับเต็มๆ หากไม่ทำเองจะกลายเป็นไม่ดี (และตัวเขาเองก็ไม่รู้ด้วยว่าสิ่งที่เรานำมาจากวัดจริงหรือไม่ หากไม่ใช่ อาจเป็นของศาสตร์มืด ซึ่งถ้าเขารับทำให้โอกาสที่จะได้รับสิ่งไม่ดีมาแทนก็มีสูง คนอินเดียจึงไม่รับทำให้) ฉะนั้น หากได้ของดีมงคลมาต้องทำเองเท่านั้น หากได้มะพร้าวกลับไปก็มีวิธีปอกเองได้ง่ายๆ นั่นคือ ทุบลงพื้นไปเลย

วัดสิทธิวินายัก (Siddhivinayak Temple) มุมไบ
วัดสิทธิวินายัก ที่นี่มี องค์พระพิฆเนศ ที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุด โดยผู้สร้างเป็นหญิงผู้หนึ่งที่มีปัญหาชีวิต ซึ่งเธอได้ฝันว่า "สิ่งที่ขอจะสำเร็จ แต่ต้องมาสร้างวัดและ พระพิฆเนศ ที่บริเวณนี้" เธอจึงขอในฝันโดยตอบกลับไปว่า สามารถสร้างให้ได้ แต่ขอให้ผู้ที่มาขอพรท่านทุกคนสำเร็จด้วย (ไม่ใช่แค่ตัวเธอที่สำเร็จ แต่หมายถึงทุกผู้คนที่มาขอด้วยศรัทธาจากใจได้สำเร็จ) เมื่อได้ทุกอย่างสำเร็จตามปรารถนาจึงได้ตั้งวัดนี้โดยใช้คำว่า "สิทธิ" นำหน้า (สิทธิ มีความหมายว่า ศักดิ์สิทธิ์ สำเร็จ) เพื่อหวังให้ทุกคนที่มาได้สมหวังเช่นกัน
บัณฑิต พรหมะนนทา ดูเวดี เล่าเสริมว่า เคยมีหญิงไทยที่เคยพาไปสักการะที่วัดสิทธิวินายักผู้หนึ่ง เธออยากมีลูกมากๆ ไปหาหมอมาปรึกษาเรื่องการตั้งครรภ์มาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่ติดไม่สำเร็จ จึงได้พาเขาไปขอพรที่ วัดสิทธิวินายัก มุมไบ เพื่อขอลูก พอกลับมาก็สำเร็จมีลูกได้สมดังปรารถนาจริงๆ
วัดมหาลักษมี (Mahalakshmi Temple) มุมไบ
วัดมหาลักษมี สถานที่ตรงนั้นนอกจาก พระแม่ลักษมี ยังมีพระแม่กาลี พระแม่สุรัสวดี นั่นคือ สามารถสักการะได้ถึง 3 พระองค์ ที่นี่มีความเชื่อตามคัมภีร์พระเวทของฮินดูเขียนไว้ว่า พระแม่ลักษมี จะช่วยเหลือและส่งเสริมในเรื่องเงิน กิจการ ธุรกิจ พระแม่สุรัสวดี จะช่วยเหลือส่งเสริมเกี่ยวกับวิชา การเรียนรู้ พระแม่กาลี จะช่วยขจัดอุปสรรคต่างๆ ปราบอสูร ชนะศัตรู เคลียร์ปัญหาต่างๆ ให้หมดไป
วิธีการไหว้
วิธีการไหว้ทั้ง 3 องค์ ให้ไหว้เรียงตามลำดับ ดังนี้ พระแม่สุรัสวดี พระแม่ลักษมี และพระแม่กาลี สาเหตุที่ต้องไหว้ตามลำดับนี้ก็เพื่อความสำเร็จ เพราะว่า พระแม่สุรัสวดีทำให้คิดและมีสติที่จะตัดสินใจว่าอยากเดินไปในเส้นทางไหน ทำอะไรถึงจะดี และในเมื่อมีแพลนแล้วก็ต้องมีเงิน พระแม่ลักษมีก็จะมาช่วยให้มีงานมีเงินเข้ามา เมื่อทำงานย่อมต้องมีอุปสรรค พระแม่กาลีก็จะมาช่วยขจัดอุปสรรคนั้นออกไปนั่นเอง
ทั้งนี้ สิ่งของที่จะเตรียมไปไหว้ก็ไม่ต้องกังวลอะไร มีขายรายรอบเต็มไปหมด แล้วแต่ความสะดวกของผู้สักการะได้เลย อาจเป็น ผลไม้ ดอกไม้ ดอกบัว ขนม ส่าหรี เป็นต้น
นอกจากนี้ หลายคนเมื่อเดินทางไป มุมไบ ปูเน่ อินเดีย ก็อยากไปสักการะเทพองค์อื่นๆ เพิ่มเพื่อความเป็นสิริมงคลแกชีวิต ก็มีสถานที่แนะนำเพิ่มเติมที่น่าไป ดังนี้
เทวาลัยเก่าแก่ชื่อ ปาตาเลศวร (Pataleshwar Temple) ปูเน่
เทวาลัยเก่าชื่อ ปาตาเลศวร ปูเน่ หากไม่ใช่คนพื้นที่จริงๆ จะไม่รู้จัก ที่นี่จะเป็นเทวาลัยเก่าแก่กว่า 500 ปี ไม่ได้สวยงามหรือหรูหราเหมือนกับที่อื่นๆ แต่ที่นี่จะมี ศิวลึงก์ ซึ่ง "ศิวลึงก์ ไม่ได้มีความหมายเกี่ยวกับอวัยวะเพศชายเลย" เป็นสัญลักษณ์ของพระศิวะและพระแม่อุมาเทวีอยู่ด้วยกัน
ศิวลึงก์นี้ "ตัวแท่ง" จะเป็นสัญลักษณ์ของ พระศิวะ เป็นตัวแทนของ "อากาศ" ส่วน "ทางน้ำ" รอบๆ ตรงบริเวณฐาน ถือเป็นสัญลักษณ์ของ พระแม่อุมาเทวี ซึ่งเป็นตัวแทนของ "แผ่นดิน" เท่ากับว่าตอนประกอบพิธีกรรมสรงน้ำบนศิวลึงก์ จึงมีความหมายถึง "เพื่อให้ทุกชีวิตที่อยู่บนแผ่นดินใต้อากาศ ได้มีกินมีใช้ อุดมสมบูรณ์ตลอดเวลา"
พระศิวะ ท่านจะเกี่ยวเนื่องกับด้านสมาธิ วิชา การเรียนรู้ นิพพาน ตอนที่ไปสักการะควรทำให้จิตเรานิ่ง สงบ จึงจะดี ที่นี่บรรยากาศจะต่างจาก วัดดั๊กดูเศรษฐ์ คนจะไม่ค่อยเยอะมาก สงบมาก
Shri Ram Temple ปูเน่
Shri Ram Temple ปูเน่ เป็นวัดของพระราม ที่นี่คนจะรู้กันว่า หากอยากขอพรด้านครอบครัวต้องมาขอที่นี่ โดยพระรามท่านจะช่วยเหลือด้านความสัมพันธ์ครอบครัว ความกตัญญู ฉะนั้น ผู้ที่มีความกตัญญูทำอะไรชีวิตก็จะเจริญรุ่งเรือง
กลับมาที่มุมไบ มีอีกสองสถานที่ที่อยากแนะนำให้ไปเช็กอินถ่ายรูปซึ่งมีสถาปัตยกรรมที่งดงามมาก นั่นคือ ประตูสู่อินเดีย (Gateway of India) และสถานีรถไฟฉัตรปตีศิวาจี (Chhatrapati Shivaji Terminus)
ประตูสู่อินเดีย (Gateway of India) มุมไบ
เป็นอนุสาวรีย์ซุ้มประตูโค้งแบบประตูชัย ที่ตั้งอยู่ในนครมุมไบ ประเทศอินเดีย ประตูสู่อินเดียสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการเสด็จฯ เยือนนครมุมไบของพระเจ้าจอร์จที่ 5 และพระนางมาเรียแห่งเท็ค เมื่อปี 1911 ที่นี่สร้างด้วยหินบะซอลต์ ความสูง 26 เมตร ปัจจุบันใช้เป็นสัญลักษณ์สำหรับพิธีต้อนรับรัฐมนตรีใหม่ของนครมุมไบ และใช้เป็นทางเข้าประเทศอินเดียหากเดินทางมาทางมหาสมุทรอินเดีย ที่นี่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง
สถานีรถไฟฉัตรปตีศิวาจีมหาราช (Chhatrapati Shivaji Maharaj Terminus) มุมไบ
สถานีรถไฟฉัตรปตีศิวาจีมหาราช เป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับรถไฟชานเมืองมุมไบและรถไฟระยะไกล ชื่อเดิมของสถานีรถไฟฉัตรปตีศิวาจีมหาราชคือ "สถานีปลายทางวิกตอเรีย" ที่นี่ถือเป็นสถานีรถไฟปลายทางเก่าแก่และยังเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกในมุมไบ รัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดีย ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษ เฟรเดริก วิลเลียม สตีเวนส์ ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมอิตาเลียนกอธิก เริ่มก่อสร้างในปี 1878 สร้างแล้วเสร็จในปี 1887 ซึ่งเป็นปีแห่งพระราชพิธีเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปีของพระนางเจ้าวิกตอเรีย
ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคม ปี 1996 ได้เปลี่ยนชื่อสถานีเป็น "ฉัตรปตี ศิวาจี" ฉลองพระนามของ Chhatrapati Shivaji Maharaj (ฉัตรปตี ศิวาจี มหาราช) นักรบในศตวรรษที่ 17 ผู้สู้รบกับจักรวรรดิโมกุลที่กำลังเสื่อมถอยในขณะนั้น คนอินเดียยกย่องให้เป็นกษัตริย์คนแรกที่พยายามสู้และทำให้อินเดียเป็นเอกราช ฟื้นฟูศาสนาฮินดูขึ้นมารุ่งเรือง ถือเป็นนักสู้เพื่ออิสรภาพชาวอินเดีย