อาหารไทยมื้อค่ำ ระดับมิชลินสตาร์ วิวสุดปัง ที่ 'ฤดูกาล' โดย เชฟต้น
สัมผัสรสชาติ อาหารไทย ระดับมิชลินสตาร์ โดยเชฟ ต้น- ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร ดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติก และวิวเมืองกรุงเทพฯ ยามเย็นย่ำไปจนถึงค่ำคืน ณ ร้านอาหารไทยบนรูฟท็อป
ไม่โม้เกินจริง เมื่อมาสัมผัสกับ ความอร่อย และความอลังการของ 'ฤดูกาล' Le Du Kaan ร้านอาหารไทย บนรูฟท็อป ที่คนไทยและนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นอย่างมาก นอกจาก วิวสุดปัง แถมยัง อร่อย ทุกเมนู ชนิดหลับตาจิ้มได้เลย
เท่าที่ หมูหวานชวนชิม ได้ลิ้มรส อาหารไทย ร้านนี้มาหลายครั้ง คอนเฟิร์มว่า ของเขาดีมีคุณภาพจริง เชฟต้น ไม่ทำให้ผิดหวัง ที่ผ่านมาได้ลิ้มรสชาติในรูปแบบ ‘เชฟเทเบิ้ล’ วันนี้ลองมาสั่งเมนู อะลาคาร์ท (a la carte)ดูบ้าง เริ่มต้นด้วย เมนูเรียกน้ำย่อย ยำผักชีปลาหมึก มองดูแล้วคล้ายๆกับสลัดผักชี จัดจานมาสวยงามสมกับเป็นร้านอาหาร ระดับมิชลินสตาร์
ยำผักชีปลาหมึก สดชื่นด้วยน้ำยำเสาวรส ซอสผักชีลาว หอมเจียว จานนี้ราคา 450 บาท อร่อย คุ้มค่า ปลาหมึกสดเคี้ยวสบายฟันไม่เหนียวจนเกินไป ใครที่ชอบผักชีลาวหอมๆ ต้องแวะจานนี้ก่อนสั่งเป็นเมนูแรก
แนวคิดด้านอาหาร ของ เชฟต้น สร้างสรรค์ อาหารไทย จาก วัตถุดิบไทยที่มีคุณภาพ ตามฤดูกาล ส่งตรงจากสวน และท้องน้ำทั่วประเทศไทย ปรุงด้วยเทคนิคไทยดั้งเดิม ผสานความทันสมัย อย่างเช่น
แกงส้มชะอมกุ้ง เสิร์ฟแบบเย็น
แกงส้มชะอมกุ้ง เสิร์ฟมาแบบเย็น ในจานประกอบไปด้วย กุ้งแชบ๊วยตัวโต สด ๆ เนื้อหวานเด้ง กับยอดมะพร้าว ราคาจานนี้ 650 บาท อีกเมนูที่ หมูหวานชวนชิม กดไลค์ให้รัวๆ นั่นก็คือ
ยำหัวปลี ไปอีกกี่ทีขอสั่งจานนี้ซ้ำ เชฟหั่นหัวปลีอ่อนซอยบางๆละเอียดมาก น้ำยำเปรี้ยวนำรับประทานเรียกน้ำย่อยได้ดี ในนั้นมีทั้งน้ำมันผักชี พริกชี้ฟ้าดอง และข้าวคั่ว โดดเด่นด้วยเนื้อปลาประจำวันที่ได้มาจากประมงพื้นบ้าน สดและดี
ก่อนพูดถึงอาหารขอแวะมาชมบรรยากาศกันสักนิด Le Du Kaan ‘ฤดูกาล’ แห่งนี้นอกจากจะเป็นร้านอาหารบนรูฟท็อป วิวสุดปัง ได้นั่งชมวิวฮิลใจแล้ว การออกแบบยังมีความเป็นไทยร่วมสมัย ที่ผสานความเป็นไทยดั้งเดิมเข้ากับความทันสมัยได้อย่างลงตัว
การตกแต่งเหล่านี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ อาทิเมล็ดพืชพันธุ์ รวงข้าว เมล็ดข้าว สายน้ำ ทุกมุมของร้านเต็มไปด้วยการออกแบบที่บ่งบอกถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด
ตั้งแต่การคัดเลือกงานหัตถกรรมพื้นบ้านมาผสมผสานในเครื่องใช้ ไปจนถึงงานศิลปะที่ออกแบบโดยศิลปินชาวไทย พร้อมกับประสบการณ์สุดพิเศษบนระเบียงกลางแจ้งขนาดใหญ่ 834 ตารางเมตร เพื่อชมพระอาทิตย์ตกดินเหนือท้องฟ้าของกรุงเทพฯ และคุ้งน้ำเจ้าพระยาอาบด้วยสีทอง
จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ส่งอาทิตย์อัสดง
บอกได้เลยแค่มานั่งจิบเครื่องดื่ม ส่งอาทิตย์อัสดง ยามเย็น อายุยืนอีกหมื่นปี ทว่า อาหารอร่อย ก็ต้องสั่งมาเยียวยาจิตใจด้วยนะ
หมูหวานชวนชิม ชอบ ส้มตำปูนิ่ม เส้นมะละกอบางๆ (เหมือนเส้นส้มตำหลวงพระบาง)ดอง มาพอได้รสเปรี้ยวนิดๆ เคี้ยวกรุบหน่อยๆ น้ำส้มตำนัวๆ เผ็ดน้อยๆ
มีมะเขือเทศสดจากจังหวัดเชียงใหม่ พริกจินดาดอง กุ้งแห้ง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ จานนี้ 490 บาท อร่อย คุ้มค่า
ผัดหมี่น้ำยาปู เป็นอีกเมนูที่รักพี่เสียดายน้อง น้ำยาปูถึงเครื่อง หรอยจังหู้ เนื้อปู เต็มคำ ความเผ็ดระดับ 7 ต้องเตือนเด็กๆว่าอย่าเผลอหม่ำคำโตๆ จานนี้สำหรับผู้ใหญ่ใจถึงเท่านั้น (ฮา)
อ้อลืมพูดถึง ดอกกะหล่ำ ได้ไง จานนี้เป็นดอกกะหล่ำอบ ซอสผักชี มีเม็ดมะม่วงหิมพานต์ น้ำมันพริก อร่อยเลอค่า มีประโยชน์ต่อร่างกาย อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ดีต่อระบบย่อยอาหาร บำรุงกระดูก ห่างไกลจากโรคมะเร็ง จานนี้ขายดีชาวต่างชาติชอบมาก ๆ สั่งกันทุกโต๊ะ
ใครเป็นสายเนื้อ ขอแนะนำ ลิ้นย่าง เป็นลิ้นวัววากิว จากจังหวัดสกลนคร ย่างมาจนนุ่มละมุนลิ้นมนุษย์ ราดด้วยซอสเนื้อ แกล้มผักดอง สมุนไพร อาทิ เห็ดชิเมจิดอง บีทรูทดอง ไชเท้าดอง มะม่วงหาวมะนาวโห่ ฯ
กะเพราเนื้อ
เพื่อนร่วมโต๊ะ สั่ง กะเพราเนื้อ สุดอลังการ ราคา 2,750 บาท เซตเดียวคนเดียวอิ่มไปถึงลูกหลาน (หม่ำไม่หมดห่อกลับบ้านจ้า) ในเซตนี้มีทั้ง ข้าวผัดกะเพราเนื้อ ท็อปปิงด้วยเนื้อไทยวากิวตุ๋น พริกดอง กระเทียมเจียว
เพิ่มเติมความนัวๆมันๆ ของไขกระดูกวัว Bone แถมยังมีน้ำซุปตั้งร้อนๆ พร้อมเนื้อแล่บางๆ มาให้เราได้กวัดแกว่ง เหมือนกำลังหม่ำชาบูชาบู อยู่ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น เพิ่มอรรถรสการรับประทานอย่างสมบูรณ์แบบ
ถึงจะอิ่มอย่างไร ก็ไม่ลืมเมนูขนมหวาน ไปกัน 3 คน ก็ต้องสั่งคนละอย่าง เริ่มจาก เมี่ยงคำ ของหวานที่ไม่หวาน เป็นไอศกรีมใบชะพลู มูสมะพร้าว ถั่วกรอบแก้ว ขิงแคนดี้ เจลมะนาว เจลพริก ซอสเมี่ยงคำ บิสกิตกุ้ง และหอมแดง (350 บาท)
กล้วยบวดชี ประกอบด้วยไอศกรีมกล้วย เค้กกล้วย มะพร้าวกรอบ และซอสกะทิเค็ม ทองพลุชาไทย ประกอบไปด้วย ไอศกรีมชาไทย ทองพลุ สังขยามะพร้าว เจลลี่น้ำผึ้ง มะพร้าวกรอบ เป็นที่ถูกอกถูกใจเพื่อนร่วมโต๊ะ
ร้าน 'ฤดูกาล' (Le Du Kaan) ตั้งอยู่บนชั้น 56 ของอาคาร The Empire บริเวณแยกถนนสาทรและถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ให้บริการ
มื้อกลางวัน เวลา 11.30 - 14.30 น. (รับออร์เดอร์สุดท้ายเวลา 14.00 น.)
มื้อค่ำเวลา 17.00 - 22.30 น. (รับออร์เดอร์สุดท้ายเวลา 22.00 น.)
บาร์ เปิดบริการเวลา 17.00 - 01.00 น. (รับออร์เดอร์สุดท้ายสำหรับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และของว่างเวลา 23.45 น. และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์เวลา 00.30 น.)
• สุภาพบุรุษควรสวมกางเกงขายาว กางเกงยีนส์หรือกางเกงขาสั้นแบบที่สุภาพ และเสื้อเชิ้ตมีแขน
• ไม่อนุญาตให้สวมรองเท้าแตะหรือรองเท้าเปิดส้น ชุดว่ายน้ำ หรือชุดกีฬา