‘แกงสด’ อาหารไทย คอนเซ็ปต์ ‘ตำน้ำพริกสดๆ แกงแล้วเสิร์ฟ’
เชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร เปิดร้านใหม่ ‘แกงสด’ เน้น ‘อาหารไทย’ ตำน้ำพริกกันสดๆ แกงแล้วเสิร์ฟ เน้นวัตถุดิบท้องถิ่น สะอาด มีคุณภาพ
เปิดตัวไปเรียบร้อยแล้วเมื่อ 20 กรกฎาคม 2568 สำหรับ แกงสด ร้านอยู่ที่ชั้น 3 One Bangkok เป็น ร้านอาหารไทย คอนเซ็ปต์ดีๆ ของ เชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร ที่เขาตั้งคำถามว่า
คุณได้ทานพริกแกงตำสดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่? เชฟต้นต้องการให้ อาหารไทย ร้านนี้ มีรสชาติและขั้นตอนการปรุงครบครัน ไม่หล่นหายไปตามกาลเวลา นึกถึงวัยเด็กที่คุณแม่โขลกน้ำพริกในครัว แกงโขมงโฉงเฉง แล้วตั้งสำรับอาหาร เน้นความสดใหม่ของเครื่องแกง
ดังนั้นเรามาเปลี่ยนมื้ออาหารธรรมดาให้กลายเป็นความทรงจำที่น่าประทับใจ ที่มีความพิถีพิถันของภูมิปัญญาโบราณกันดีกว่า
เชฟต้น ธิติฏฐ์ กล่าวว่า “แกงสด ก็คือการที่เราอยากคืนแกงตำสดๆให้กับคนไทยทุกคนตอนเด็กๆเป็นเรื่องง่ายมาก ที่สมัยก่อนคุณย่าคุณยายอยากกินแกงส้มก็เข้าครัว เอาพริก หอม กระเทียม กะปิ กุ้ง หรือปลา มาตำแล้วปรุง
สมัยนี้ไม่ค่อยมีแล้ว จะเป็นเครื่องแกงสำเร็จ ถ้าอยากกินแกง ที่ตำน้ำพริกสดจริงๆต้องไปที่ไฟน์ไดนิ่ง อย่างฤดูหรือนุสรา ผมอยากให้คนไทยทุกคนเข้าถึง ก็ได้เตรียมการมาเป็นปี
อยากให้ทุกคนได้สัมผัสรสชาติ ความสดใหม่ ความหอมของแกงที่เพิ่งตำพริกแกงสดๆ ก็จะไม่เหมือนกับพริกแกงที่สำเร็จ เข้ามาที่ร้านก็จะได้ยินเสียงครกตำน้ำพริกนึกถึงในครัวตอนที่เรายังเด็ก”
เชฟต้น กล่าวว่า มาที่ ร้านแกงสด ทุกคนจะได้ชิม อาหารไทยโบราณ ที่หลายท่านอาจจะไม่เคยลิ้มรสมาก่อน อย่างเช่น แกงหมูส้มตำรับหม่อหญิงสุภา สมัยก่อนประเทศไทยเรามีกุ้งแม่น้ำเยอะ แค่โขลกน้ำพริกโยนกุ้งแม่น้ำลงไปก็เป็นเมนู อร่อย แล้ว
เมนูพิเศษหารับประทานยาก ถ้วยนี้เป็นแกงส้มที่หอมกลิ่นมันกุ้ง เชฟใช้น้ำพริกแกงแดง ใส่มะเขือเทศ มันกุ้ง และมะขามอ่อนเพิ่มความเปรี้ยว มีทั้งหมูและกุ้ง แปลกแต่ อร่อย หมูหวานชวนชิม เองก็เพิ่งได้ชิมเป็นครั้งแรกในชีวิต
แกงสด เน้นวัตถุดิบดี ออร์แกนิก วัตถุดิบสำคัญของ เครื่องแกง เห็นจะหนีไม่พ้น พริกขี้หนู ทางร้านใช้พริกจากไร่ธารตะวันออรแกนิก ฟาร์มจังหวัดราชบุรี เป็นพริกขี้หนูสวนแท้ปลูกแบบธรรมชาติ ไร้สารเคมีใดๆ คัดส่งมาโดย ‘สุภานัน รัศมีลีมทอง’ จากศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี มาช่วยเติมความเผ็ดร้อนให้กับอาหารทุกจานใน ร้านแกงสด
วันนี้ก่อนเริ่มรับประทานอาหารมื้อเที่ยงอย่างจริงจัง เชฟต้น ธิติฎฐ์ ทัศนาขจร เสิร์ฟ อาหารว่าง อย่าง ปั้นสิบปลาช่อน
ต่อด้วย ทองม้วนกรอบกระฉีกปู ที่อร่อยมากจากนั้นขบวนแถวของอาหารก็ได้เคลื่อนทัพมาเรียงรายอยู่ตรงหน้า
มีทั้ง ไข่เจียวหม้อปู ฟูลาวา ที่หน้าตาเชิญชวนเป็นอย่างยิ่ง ไข่ทอดฟูเกรียมหอมกรุ่น โรยด้วยเนื้อปูเป็นก้อนๆ เสิร์ฟมากับซอสพริกศรีราชาแบบเผ็ดน้อย แต่เผ็ดนะ (ฮา) ราคาจานนี้อยู่ที่ 690 บาท
พล่าอกเป็ดรมควันกับมะเขือเหลืองหอมเผา เป็นอีกจานที่เรียกน้ำย่อยได้ดี น้ำยำถึงรสกลมกล่อมดีแท้
ถัดมาเป็นเมนูที่ได้กล่าววถึงเบื้องต้น เป็นเมนูโบราณที่หารับประทานได้ยาก ก็คือ แกงหมูส้มตำรับหม่อมหญิงสุภา พศ. 2492 ดังที่กล่าวไปแล้วเบื้องต้น มีให้เลือกว่าจะสั่งกุ้งแชบ๊วย หรือกุ้งแม่น้ำ ราคาขึ้นอยู่กับกุ้งถ้าเป็นแชบ๊วย 249 บาท กุ้งแม่น้ำ 590 บาท แกงถ้วยนี้มีรสชาตินุ่มนวล ไม่เผ็ดมาก เปรี้ยวนวลๆ มีเนื้อหมูนุ่มๆ ซอยเป็นชิ้นเล็กๆ อร่อย ไปอีกแบบ
เมนูที่ หมูหวานชวนชิม กดไลค์ ก็คือ เขียวหวานปลาหมึกผัดแห้งไข่แดงเค็ม รสชาติจัดจ้านโดนใจ รับประทานจนข้าวหมดหม้อ (ฮา) ลืมบอกไปว่า ข้าวสวย ที่นี่มีให้เลือกถึง 3 แบบ ก็คือ ข้าวหอมมะลิ จากทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นหนึ่งในข้าวพันธุ์ไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมคล้ายกับใบเตย หรือดอกชมนาถ รสชาตินุ่มนวล มีลักษณะเมล็ดเรียวยาวขาวนวล
ข้าวหอมมะลิ-ข้าวกล้องกข 43 และข้าวสังข์หยดพัทลุง
ข้าวกล้อง กข 43 เป็นข้าวสายพันธุ์พิเศษที่พัฒนาขึ้นโดยกรมการข้าว เป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี (ข้าวกล่อง) อุดมไปด้วยใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ มีจุดเด่นอยู่ที่ค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เหมาะกับผู้ที่ใส่ใจในสุขภาพ
ข้าวสังข์หยดพัทลุง เป็นข้าวกล้องสีแดง หอม นุ่ม เมล็ดข้าวคงตัวสูง มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ย่อยง่าย มีประโยชน์มาก เหมาะกับผู้สูงอายุ
บรรยากาศภายในร้านแกงสด
แวะไปพูดถึงข้าวเสร็จแล้ว กลับมาชมกับข้าวกันต่อดีกว่า หมูหวานประทับใจอีกเมนูนั่นก็คือ ปลาร้าผัดทรงเครื่องสำรับสายเยาวภา สำรับนี้ 275 บาท อร่อยคุ้มค่า เคยลองรับประทานปลาร้าสับมาแล้วแต่ยังไม่ค่อยถูกใจ
พอมาเป็นสำรับนี้ ความอร่อย ยังตราตรึง เสิร์ฟมาพร้อมผักมากมาย ใครที่ชอบทานผัก สั่งเมนูเครื่องจิ้ม ก็จะได้ผักปลอดสารหลากหลาย ที่คู่ควรกับชีวิต
มีโอกาสมา ร้านแกงสด คราวหน้า จะสั่ง ใบเหลียงผัดไข่ออร์แกนิก , ปลาดุกฟูผัดพริกขิงไข่เค็ม, กุ้งทะเลผัดสะตอกะปิ, ปลาอินทรีย์ราดพริกแบบโบราณ, กะหล่ำปลีทอดน้ำปลากับกุ้งแห้งกรอบ เห็นภาพในเมนูแล้วชวนน้ำลายไหล
อิ่มแล้วอย่าลืมเผื่อท้องให้กับของหวาน อย่าง เค้กสีนิลสังขยามะพร้าวอ่อน , ข้าวเหนียวดำเปียกลำไยมะพร้าวอ่อน หรือ ข้าวเหนียวมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง
ขนมต้มมะพร้าวอ่อนอัมพวา
ทว่าวันนี้ได้ชิม ทองม้วนสองใจไส้สังขยาข้าวโพด กับ ขนมต้มมะพร้าวอ่อนอัมพวา เสิร์ฟมาในหาบเล็กๆน่าเอ็นดู ราคาคำละ 99 บาท อร่อย เต็มคำ อย่าลืมไปชิม อาหารไทย ที่ ร้านใหม่เชฟต้น กันนะคะ
