'Kalamansi Kafe' เสิร์ฟ 'อาหารฟิลิปปินส์' โฮมคุกปรุงด้วยใจ

ชวนรู้จัก ‘อาหารฟิลิปปินส์’ หรือ Filipino Cusine แนวโฮมคุก ปรุงด้วยใจ ที่ ‘Kalamansi Kafe’ ใจกลางกรุง ย่านถนนสาทร
อาหารฟิลิปปินส์ มีอะไรบ้าง คุณแซนดี้ โลเปซ (Sandy Lopez) เจ้าของร้านเล่าว่า ร้านเปิดหลังโควิดไม่นาน แนวคิดเกิดจากอยู่เมืองไทยมาร่วม 30 ปี มองหาอาหารฟิลิปปินส์ (ที่พอมี) ไปกินแล้วไม่ถูกใจ อย่ากระนั้นเลย เปิดเองดีกว่า
Kalamansi แปลว่า ส้มจี๊ด
"เคยไปกินร้าน อาหารฟิลิปปินส์ แล้วคิดว่าไม่ใช่ บางทีเขาอาจไม่ได้ใช้วัตถุดิบจริง ๆ ที่คนฟิลิปปินส์ทำ เลยคิดมาเปิดเมืองไทย ที่ฟิลิปปินส์ ครอบครัวมีธุรกิจร้านอาหารอยู่ค่ะ เปิดร้านอาหารฟิลิปปินส์ ร้านอาหารญี่ปุ่น กับร้านแนวอเมริกันนิวออร์ลีนส์ด้วย ร้านนี้แซนดี้คิดตั้งนานว่าจะเปิดดีมั้ย พอดีมีโควิด ตอนนั้นลูกสาวสองคนไปหาเงินทุนสนับสนุนช่วยครูที่ตกงานในฟิลิปปินส์ โดยทำคู่กับสถานทูตฟิลิปปินส์ ส่งข้าวสาร น้ำมันพืช ไข่ บะหมี่สำเร็จรูปไปช่วย
คุณแซนดี้ โลเปซ เจ้าของร้าน
เราก็คิดว่าจะหารายได้ยังไง ตอนนั้นเปิดขายแบบแกรปฟู้ด ขายไก่ย่างกับบะหมี่ผัด แล้วขายดี แต่เนื่องจากลูกสาว (ฝาแฝด) สองคนต้องไปเรียนต่อเลยปิดไป เราก็กลับมาคิดว่าเราเปิดขายเองดีมั้ย แล้วให้น้องสาวที่ดูแลธุรกิจร้านอาหารที่ฟิลิปปินส์มาช่วย”
คุณแซนดี้ ตัดสินใจเปิด Kalamansi Kafe คาลานมานซี แปลว่า ส้มจี๊ด อันเป็นหนึ่งในส่วนประกอบที่สำคัญของอาหารฟิลิปปินส์ ส่วนคำว่า Kafe มาจากชื่อต้นของลูกสาวสองคน แคทรินกับไคลี่ (สะกดด้วยตัว k ขึ้นต้น)
Kalamansi Kafe อยู่ใจกลางกรุง มี 2 ชั้น และโซนเอาท์ดอร์ เสิร์ฟอาหารฟิลิปปินส์ออริจินัล อาหารมาจานใหญ่เหมาะสำหรับแชริ่ง ในบรรยากาศสบาย ๆ ดูอบอุ่นเหมือนไปกินข้าวบ้านเพื่อน เจ้าของร้านบอกว่าไอเดียตกแต่งร้านสไตล์ฟิลิปปินส์โมเดิร์น เช่นตกแต่งภาพเขียน “รถบรรทุก” หรือ Jeep Me สัญลักษณ์ของประเทศฟิลิปปินส์ และแชนเดอเลียออกแบบโดยอาร์ทิสต์ฟิลิปปินส์ Cobenpue
ร้านนี้ชาวต่างชาตินิยมมาก ด้วยอาหารฟิลิปปินส์กินง่าย ไม่เผ็ด รสชาติกึ่งจีนกึ่งอาหารอเมริกัน มีคราฟต์เบียร์จากฟิลิปปินส์ ไวน์ ม็อกเทลและค็อกเทลหลากชนิด
“ตอนนี้เพิ่งเปิดอีกร้านในซอยทองหล่อ ชื่อ Kalamansi Kitchen เป็นอาหารฟิลิปปินส์เหมือนกัน เมนูเหมือนร้านนี้ 70% เน้นอาหารทานเล่นมากกว่าซึ่งเหมาะกับทองหล่อที่เป็นแหล่งแฮงก์เอาท์ มีจานผักกับเมนูแพลนท์เบสมากหน่อย เพราะลูกค้าต่างชาติเยอะ มีขนมปังโทสต์กับชีสและพิเมนโต (pimento - พริกแดงสเปน สีแดงมากแต่ไม่เผ็ด)”
ร้านที่ทองหล่อเพิ่งเปิดไม่กี่เดือน เชฟมาจากฟิลิปปินส์เพื่อทำอาหารฟิลิปปินส์แนวโฮมคุก (ทั้งสองร้าน) เมื่อถามว่าอาหารฟิลิปปินส์พิเศษอย่างไร คุณแซนดี้ตอบว่า
“มีความผสมผสาน เช่น มิกซ์กับสแปนิชฟู้ด มีจีนด้วย อเมริกันบ้าง เหมือนฟิวชั่นนิด ๆ ถ้าเมนูแบบชาวบ้านก็มีเส้นหมี่ผัด บะหมี่ผัด ปลานวลจันทร์เป็นเมนูประจำทุกบ้าน ทั้งต้ม อบ ทอด จริง ๆ หลายเมนูมาจากคนจีน ใช้กระเทียมมาก แนวอเมริกันมีสเต๊ก เฟรนช์ฟรายส์ ซี่โครงหมู
อโดโบหมึกน้ำดำ
เมนูห้ามพลาดเช่น อโดโบ (Adobo - เนื้อสัตว์ชนิดต่าง ๆ ต้มเคี่ยวในน้ำส้มสายชู กระเทียม ซีอิ๊วขาว) กับอาหารทะเลที่ผัดกับซอสถั่วลิสงกับผัก เมนูปลาอบ ที่ปกติไม่ค่อยมีในไทย แนะนำ ปลานวลจันทร์ย่าง เอาก้างออกหมดแล้วย่าง แนมกับผักหลายชนิด”
ปลานวลจันทร์ย่าง
ปลานวลจันทร์ (Milk fish) เนื้อสีขาวและนุ่มเหมือนเท็กซ์เจอร์ของนม ย่างแล้วกลิ่นหอม คุณแซนดี้บอกว่า เป็นสูตรปลาย่างสไตล์โฮมคุกแบบฟิลิปปินส์
“อาหารฟิลิปปินส์ใช้เครื่องเทศ เช่น กระเทียม ต้นหอม หัวหอม ปรุงด้วยซีอิ๊วขาว คนฟิลิปปินส์ไม่กินเผ็ด”
แนะนำจานเรียกน้ำย่อยด้วย ฟิลิปปินส์สตรีทฟู้ด ได้แก่ ขนมจีบฟิลิปปินส์หมู / ไก่ เสิร์ฟในปิ่นโต (Siomai) เสิร์ฟกับซอสพริกกระเทียม ให้บีบส้มจี๊ดสดก่อนรับประทาน
ลูกชิ้นทอด
ลูกชิ้นทอด (Tusok-Tusok) มาครบทั้งลูกชิ้นหมู กุ้ง ไส้กรอก ปลาหมึก ไข่นกกระทา เสิร์ฟกับอาจาดและน้ำจิ้มสามรส
แนวเสียบไม้ย่าง (2 ไม้ / ชุด ราคา 50.-) เช่น ไส้ไก่ย่าง, หัวใจไก่ย่าง, ตับไก่ย่าง, กึ๋นไก่ย่าง สูตรทาด้วยซอสน้ำส้มสายชูหมักจากอ้อยสูตรเผ็ด
เมนูบ้าน ๆ (เหมือนบ้านเรา) มะม่วงเปรี้ยวกับมันแกวจิ้มกะปิผัด, ปอเปี๊ยะทอด, ยำทูน่า, หมูสามชั้นทอดกรอบ พร้อมน้ำส้มสายชูรสเผ็ด ฯลฯ
อโดโบหมูสามชั้น
จานหลักห้ามพลาดคือ อโดโบ เจ้าของร้านบอกว่า มีหลายอย่างเช่น อโดโบเต้าหู้, อโดโบปลาหมึกผัดน้ำดำ, อโดโบหมูสามชั้นเสิร์ฟกับไข่ต้ม คล้ายสตูว์หมู
จานผักเช่น ผัดผักรวมกุ้งสดกับหมูกรอบ (Pinakbet) ผัดกับกะปิแต่กลิ่นกะปิไม่แรง, ใบเผือกแห้งต้มกับกะทิ เลือกใส่ซีฟู้ดหรือหมูกรอบ, ผักรวมผัดกะปิใส่หมูกรอบกับซอสพีนัท
ผัดผักกับหมูกรอบซอสพีนัท
ไก่ย่างกับข้าว 3 ชนิด
ผัดผักกับกะปิใส่กุ้งสด
จานเนื้อ เช่น เนื้อวัวส่วนแก้มสโลว์คุกในสตูว์มะเขือเทศ ใส่มันฝรั่ง พริกหวาน และมะกอก สูตรนี้ออกแนวสตูว์ฝรั่ง, เนื้อตุ๋นสไตล์สเปน / ไก่ย่าง เสิร์ฟกับข้าวผัดกระเทียม หรือข้าวสวย, ข้าวเหลือง (Java rice ข้าวผัดกับน้ำมันจากเมล็ดคำแสด) หรือบะหมี่และซุป, เนื้อหมูสันนอก หมักส้มจี๊ดและเครื่องเทศ นาบในกระทะให้สุกแล้วเคี่ยวต่อ เสิร์ฟพร้อมหอมหัวใหญ่ ฯลฯ
Halo Halo
ของหวานสไตล์ฟิลิปปินส์ ได้แก่ Halo Halo ไอศกรีมมันม่วง ใส่มันม่วงกวน พุดดิ้งครีมคาราเมลคัสตาร์ด ขนุน กล้วยหินเชื่อม ถั่วแดง, พุดดิ้งครีมคาราเมล (Leche Flan), เค้กมันสำปะหลัง ข้างในอุ่น ๆ นุ่ม ๆ (Cassava Cake) ฯลฯ
Cassava Cake
Kalamansi Kafe บรรยากาศสบายน่านั่ง ราคาไม่แรง ร้านอยู่ในซอยสวนพลู สาทร 3 เปิด 10.00 – 21.00 น. (ปิดวันอังคาร) โทร.088 952 2509
เบคอนทอด
รู้จักอาหารฟิลิปปินส์ (Filipino Cuisine) เนื่องจากเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่ราว 7,641 เกาะ จึงมีความหลากหลายของวัฒนธรรมอาหารจากชนเผ่า และอาหารใกล้เคียงกับหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมอิทธิพลจากชาวจีนที่อพยพไปอยู่ในฟิลิปปินส์ ยังมีวัฒนธรรมอาหารจากสเปนที่ปกครองฟิลิปปินส์ร่วม 300 ปี รวมถึงอิทธิพลจากอาหารอเมริกัน ซึ่งคนฟิลิปปินส์ผสมผสานเข้ากับอาหารพื้นถิ่นของตัวเอง
สตูว์สไตล์สเปน
ข้าวและจานปลาเป็นอาหารหลัก มีข้าวปาญ่า โคซิโดซหรือสตูว์ หรืออโดโบ (Adobo) ที่ประยุกต์แบบฟิลิปปินส์โดยใช้วัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น เช่น ต้มเคี่ยวให้สุกอย่างช้า ๆ ในซอสถั่วเหลือง น้ำส้มสายชู กระเทียม พริกไทย ใบกระวาน
วัตถุดิบสำคัญเช่นมะพร้าว กะทิ กะปิ และซอสจากถั่วลิสง คล้ายอาหารจากอินโดนีเซีย การใช้เครื่องเทศจากเส้นทางค้าขายทางเรือของชาวจีนฮกเกี้ยนบนเกาะลูซอน ส่งผลให้มีการใช้เครื่องเทศบ้างในอาหารฟิลิปปินส์แต่ไม่มากนัก อิทธิพลจากจีนที่รับมาได้แก่ ซีอิ๊ว เต้าหู้ น้ำปลา ก๋วยเตี๋ยว โจ๊ก และติ่มซำ
ขณะที่อิทธิพลอาหารจากตะวันตก เช่น ขนมปัง คัสตาร์ด สตูว์แบบสเปนและโปรตุเกส ที่ตุ๋นในซอสมะเขือเทศ ใส่มันฝรั่ง ปัจจุบันเมนูสไตล์อเมริกันได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เช่น เฟรนช์ฟรายส์, เบอร์เกอร์, ซี่โครงหมูบาร์บีคิว ฯลฯ
อาหารฟิลิปปินส์มีเอกลักษณ์จากการผสมผสานของอาหารที่มีรสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม โดยการจับคู่อาหารที่มีรสต่างกันมารับประทานพร้อมกัน เช่น จานหนึ่งรสหวาน อีกจานหนึ่งรสเค็ม แต่ไม่เผ็ด
น้ำส้มสายชู เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำอโดโบ ส่วนใหญ่เป็นน้ำส้มสายชูหมักจากอ้อย (cane vinegar) ที่นำไปหมักกับเนื้อสัตว์และต้มเคี่ยวนาน ๆ น้ำจิ้มและซอสแทบทุกอย่างจะเติมน้ำส้มสายชู คนฟิลิปปินส์บอกว่าแม้หมักจากอ้อยแต่ก็ไม่เกิดรสหวานมาก หากอมเปรี้ยวและกลมกล่อม ทำให้รสชาตินุ่มนวลเหมาะกับอาหารแทบทุกชนิด จนถึงสลัดผักสดที่ใช้น้ำส้มสายชูหมักจากอ้อยแทนเดรสซิ่งแบบตะวันตก







