One Battle After Another หนังที่คู่ควรกับรางวัลออสการ์

พอล โธมัส แอนเดอร์สัน (Paul Thomas Anderson) อาจไม่ใช่ผู้กำกับที่ชื่อแมสติดตลาด แต่ผลงานของเขาอยู่ในระดับยอดเยี่ยม เป็นที่ชื่นชอบของนักวิจารณ์มาตลอด บางเรื่องอย่างเช่น There Will Be Blood, Magnolia ติดอยู่ในรายชื่อหนังยอดเยี่ยมตลอดกาลของสื่อหลายสำนัก

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะได้เข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วถึง 11 ครั้ง แต่กลับยังไม่เคยเป็นผู้ชนะแม้แต่ครั้งเดียว จนมาถึงผลงานเรื่องล่าสุด One Battle After Another - หนึ่งศึกครั้งแล้วครั้งเล่า ที่กำลังลงโรงฉายในบ้านเราขณะนี้ เหล่านักวิจารณ์ (รวมถึงตัวผู้เขียน) เห็นพ้องกันว่ามันต้องเป็นเรื่องนี้แหละที่ทำให้ พอล โธมัส แอนเดอร์สัน ได้ออสการ์ไปนอนกอดเสียที

นั่นเพราะ One Battle After Another เป็นหนังที่มีความยอดเยี่ยมครบทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นบทภาพยนตร์ ที่พอล โธมัส แอนเดอร์สัน ลงมือเขียนเองโดยได้แรงบันดาลใจจากนิยายเรื่อง Vineland ของ Thomas Pynchon การตัดต่อ ที่เร้าใจ ลื่นไหลจนทำให้คุณเพลินจนไม่รู้ตัวเลยว่าหนังมีความยาวถึงเกือบ 3 ชั่วโมง (2.50 ชม.)

งานภาพ งานเสียง และการกำกับศิลป์ที่ช่วยขับเน้นอารมณ์ของแต่ละฉากแต่ละตอนได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะถนนทอดยาวขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นลูกคลื่นที่ทั้งงดงาม และสร้างความกดดันชนิดที่เล่นเอาเราตึงเครียดราวกับเป็นตัวละครตัวนั้นซะเอง

แถมยังเป็นโลเคชั่นที่ส่งผลต่อเหตุการณ์ในเรื่องจนอดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่า นี่ PTA (พอล โธมัส แอนเดอร์สัน) เขียนฉากนี้ขึ้นมาก่อนแล้วไปสรรหาโลเคชั่นถ่ายทำทีหลัง หรือคิดฉากนี้ขึ้นมาได้เพราะโลเคชั่นนี้กันแน่ อะไรมันช่างลงตัวขนาดนั้น

สุดท้ายคือเหล่านักแสดงระดับพระกาฬที่ฝีมือกินกันไม่ลง ราวกับถอดจิตวิญญาณมาเล่นเป็นตัวละครตัวนั้น “สมมง” นักแสดงดีกรีออสการ์ทั้ง ฌอน เพนน์, ลีโอนาร์โด ดีคาปริโอ, เบนิซิโอ เดล โตโร รวมถึงรุ่นเล็กอย่าง เชส อินฟินิติ (Chase Infiniti) ผู้รับบทลูกสาวของบ็อบ ก็แคสมาได้อย่างเหมาะสม โดยเธอมีทั้งความสดใสของวัยเยาว์ มีความขบถอยู่ในสายเลือดแบบเชื้อไม่ทิ้งแถว และมีเสน่ห์ที่ทำให้คนดูหลงรักและเอาใจช่วยไปกับเธอในทุกฉากทุกตอน

‘One Battle After Another – หนึ่งศึกครั้งแล้วครั้งเล่า’ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ‘บ็อบ เฟอร์กูสัน’ อดีตนักเคลื่อนไหวซ้ายสุดโต่งที่เคยสร้างวีรกรรมร้ายแรงเอาไว้จนต้องหลบหนีการไล่ล่าของทางการ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดระแวงมาตลอด ชนิดที่แม้แต่โทรศัพท์มือถือก็ไม่ยอมใช้

แต่อยู่มาวันหนึ่ง วิลลา ลูกสาววัย 16 ปี ของเขาถูกลักพาตัว บ็อบที่กลายเป็นพ่อขี้เมาไปวัน ๆ ดูแลตัวเองยังไม่ได้ในสายตาลูกสาว เลยต้องงัดสกิลเก่า ๆ และเส้นสายที่เคยมี เพื่อตามหาตัวเธออย่างไม่คิดชีวิต ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างผู้มีแนวคิดและอุดมการณ์แตกต่างกัน ซึ่งยังคงทำสงครามกันอย่างดุเดือด ไม่ต่างไปจากเมื่อครั้งที่บ็อบยังเป็นนักปฏิวัติสุดโต่งแต่อย่างใด

สะท้อนสังคมที่เต็มไปด้วยขั้วต่าง ๆ

ลีโอนาร์โด ดีคาปริโอ ผู้รับบท “บ็อบ” พูดถึง ‘One Battle After Another’ เอาไว้ว่าสะท้อนสังคมโลกในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการแบ่งขั้ว (Polarity) แนวคิดสุดโต่งนิยมใช้ความรุนแรง (Extremism)

“มันเป็นกระจกสะท้อนสังคม พูดถึงความแตกแยกไม่ลงรอยกันในวัฒนธรรมของเรา รวมไปถึงความจริงที่ว่ามันเต็มไปด้วย “ขั้ว” ต่าง ๆ มากมาย” ลีโอกล่าว พร้อมกับเสริมว่าหนังมีนัยยะแอบแฝงเกี่ยวกับ extremism และพูดถึงการเมืองในอีกมุมมองหนึ่งด้วย

มีหัวใจทุกตัวละคร

One Battle After Another เป็นหนังที่พูดถึงแนวคิดทางสังคมและการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแบ่งแยกเชื้อชาติ และนโยบายผู้อพยพของอเมริกา ผ่านเลนส์ของคนตัวเล็กตัวน้อยที่ได้รับผลกระทบจริง ๆ มันเลยทำให้หนังออกมา “สะเทือนอารมณ์คนดู” ได้โดยไม่ต้อง “สร้างซีนเค้นดรามา” ให้เรารู้สึกว่าตอนนี้คุณต้องเศร้าต้องซึ้งนะ

แต่ PTA ทำผ่านการกำกับและเขียนบทให้ตัวละครทุกตัวมีหัวจิตหัวใจ มีความเป็นมนุษย์ที่เรารีเลทด้วยได้ ซึ่งสิ่งนี้สำเร็จได้ด้วยการแสดงอันสุดยอดของ 3 เสาหลัก อันได้แก่ ฌอน เพนน์, เดล โตโร, ลีโอ ปิดท้ายด้วยความสดใสของ เชส อินฟินิติ ที่ทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์ลงตัวพอดิบพอดี

ดิคาปริโอซึ่งมาร่วมงานกับพอล โธมัส แอนเดอร์สันเป็นครั้งแรกบอกว่าตัวละครใน One Battle After Another รวมถึงบท “บ็อบ” ของเขานั้น “เป็นคนที่เต็มไปด้วยข้อบกพร่อง” ซึ่งสิ่งนี้ทำให้คนดูสามารถรีเลทไปกับตัวละคร และการต่อสู้ดิ้นรนของพวกเขา ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะทำออกมาได้ แต่ PTA ทำได้

‘One Battle After Another – หนึ่งศึกครั้งแล้วครั้งเล่า’ ผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับคุณภาพ พอล โธมัส แอนเดอร์สัน นำแสดงโดยนักแสดงคุณภาพ ลีโอนาร์โด ดีคาปริโอ, เบนิซิโอ เดล โตโร, ฌอน เพนน์, เชส อินฟินิติ, เรจินา ฮอลล์, เทยานา เทย์เลอร์ เข้าฉายแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์