'F1 the Movie' เมื่อ 'แบรด พิตต์' เร็วที่สุดในโลก

'F1 the Movie' เมื่อ 'แบรด พิตต์' เร็วที่สุดในโลก

การกลับมาเท่ของ "แบรด พิตต์" ใน "F1 the Movie" หนังแข่งรถ "ฟอร์มูลาวัน" ที่สมจริงที่สุด สร้างยากที่สุด ลงทุนสูงราว 300 ล้านยูเอส แต่ทำถึง สนุกมาก พลาดไม่ได้

ฟอร์มูลาวัน (Formular 1) หรือ F1 คือการแข่งรถทางเรียบที่ตื่นเต้นที่สุด หวาดเสียวที่สุด เสี่ยงอันตรายที่สุด และ "แพง" ที่สุด เป็นสนามท้าความเร็วเกิน 300 กม./ชม. แม้การแข่งรถ F1 ยุคใหม่จะเซฟตี้สุด ๆ ทั้งรถและนักแข่ง แต่ความเร็วและแรงระดับนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้

'F1 the Movie' เมื่อ 'แบรด พิตต์' เร็วที่สุดในโลก

เมื่อ F1 The Movie ถ่ายทอดความสมจริงจากสนามแข่ง ดูชัด ตื่นเต้นยิ่งกว่าเป็นผู้ชมบนอัฒจรรย์ ด้วยเทคนิคติดกล้องสมรรถนะสูงรอบตัวรถเพื่อจับสีหน้าของนักขับ คนดูจะรู้สึกอึดอัดเหมือนถูกบีบในช่วงแรกที่ชม สักพักจะปรับสายตาได้และเริ่มลุ้น

โปรเจคท์หนังแข่งรถเริ่มเมื่อเดือนธันวาคม 2024 โดยผู้สร้าง Jerry Bruckheimer (Top Gun, Top Gun: Maverick) ผู้กำกับ Joseph Kosinski (จาก Top Gun: Maverick, Spiderhead, Twisters) ระหว่างรอไฟเขียวจากสตูดิโอยักษ์ แบรด พิตต์ ก็ร่วมลงขันก่อนด้วยเงิน 30 ล้านดอลลาร์

'F1 the Movie' เมื่อ 'แบรด พิตต์' เร็วที่สุดในโลก

เดือนพฤศจิกายน ปีถัดมา ได้คนเขียนบทและนักแสดงร่วมครบ แบรด พิตต์ กับนักแสดงผิวสี Damson Idris (รับบท โจชัว เพียร์ซ) ฝึกขับรถ F3 กับ F4 ร่วม 4 เดือน เตรียมซ้อมสู้กับแรง G จากการขับจริง (ถ่ายทำจริง) พระเอกพิตต์บอกว่า ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเป็นนักขับจะโหดขนาดนี้

หนังแข่งรถที่ต้องการให้สมจริงที่สุด ทีมงานจึงออกแบบกล้อง Sony 6K ติดรอบรถ ใช้เวลาพัฒนากว่า 18 เดือน ติด 7 จุดรอบค็อกพิทเพื่อเก็บสีหน้านักแข่ง

หนังแทบไม่ใช้สแตนอิน รถที่ใช้ถ่ายทำดัดแปลงจาก F2 มาเป็น F1 ความเร็วที่เห็นหน้าจอไม่ใช้ CG ไม่ใช่เอฟเฟคหรือเร่งความเร็วภาพ

'F1 the Movie' เมื่อ 'แบรด พิตต์' เร็วที่สุดในโลก

กรกฎาคม 2023 ถ่ายฉากแรกที่สนามแข่งรถซิลเวอร์สโตนในอังกฤษ F1 the Movie ได้รับความร่วมมือจากสมาพันธ์ผู้จัดแข่งฟอร์มูลาวัน FIA เพื่อไปถ่ายทำที่สนามแข่งรถจริง รวมถึงนักแข่งระดับแชมเปี้ยนโผล่หน้าเป็นดารารับเชิญหลายคน คนสำคัญคือแชมป์ F1 7 สมัย Lewis Hamilton ที่ร่วมเป็นผู้อำนวยการสร้างด้วย ประมาณว่าใช้งบสร้าง 300 ล้านเหรียญยูเอส ผู้กำกับบอกว่าอาจไม่ถึง

แบรด พิตต์ รับบท ซอนนี่ เฮยส์ อดีตนักแข่งที่โด่งดังยุค 90 กำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุจนทำให้เขาหลีกหนีวงการแข่งรถ กลายเป็นนักพนันและรับจ้างแข่งรถไปทั่ว 30 ปีต่อมา รูเบน เซอเวนเตส (รับบทโดย ฮาเวียร์ บาร์เด็ม) อดีตเพื่อนร่วมทีมชวนให้ลงแข่งทีม APXGP มาช่วยกอบกู้หน่อย ช่วยส่งนักแข่งดาวรุ่งโจชัว เพราะตอนนี้ทีมกำลังแย่ อยู่อันดับรั้งท้าย และถ้ายังเก็บคะแนนไม่ได้ตัวเขาต้องถูกปลดแน่

'F1 the Movie' เมื่อ 'แบรด พิตต์' เร็วที่สุดในโลก

พล็อตเรื่องมีเท่านี้แต่การเดินเรื่องสนุก กระชับ ใส่การทำงานของทีมแข่งรถอย่างที่ไม่มีหนังเรื่องอื่นเคยทำและดูไม่น่าเบื่อ สอดแทรกบทดราม่าเล็กน้อย เช่น ดาวรุ่งด้อยค่า สว. อัตตาของนักแข่ง เล่ห์เหลี่ยมทางธุรกิจ ยิ้มซึ่งหน้าหันหลังแล้วแทงข้างหลัง ยังมีแทคติกของนักแข่งที่เกิดขึ้นจริงในสนามแข่ง ตุกติกบ้าง (อย่าให้จับได้) 

หนังแข่งรถฟอร์มูลาวันก่อนหน้านี้ Rush (2013) ฉายภาพจริงของนักแข่ง F1 คู่เพื่อนซี้ชื่อดัง Nikki Lauda กับ James Hunt (รับบทโดย Daniel Bruhl / Chris Hemsworth) เป็นแนวดราม่าไม่ได้มีฉากแข่งรถดุเดือดเท่าเรื่องนี้

'F1 the Movie' เมื่อ 'แบรด พิตต์' เร็วที่สุดในโลก

ใครดูกีฬาแข่ง F1 ไม่เป็น ไม่รู้กติกาก็ดูสนุก ตื่นเต้น มีอารมณ์ร่วม จะค่อย ๆ “อิน” กับฉากแข่งรถที่ดูอึดอัดในตอนแรก แล้วดูเหมือนเรียนรู้กฎกติกาการแข่งไปทีละนิด บทพูดของคนพากย์กีฬาสอดแทรกเป็นระยะ ๆ ทำให้คนดู (ไม่เป็น) เข้าใจขึ้นอย่างง่าย ๆ และค่อย ๆ รู้จักวงการแข่งรถทางเรียบที่เร็วที่สุดในโลก

ดูสนุกยิ่งขึ้นเมื่อฉายภาพเบื้องหลังการทำงานเป็นทีมของ F1 กีฬาที่แพงที่สุดในโลก รวมถึงนักแสดงเบอร์ใหญ่ และการทุ่มทุนสร้างของ Warner Bros.Pictures และ Apple Original Films ที่ทำได้ “ถึง” ดูจริงใจและจริงจังที่สุด

'F1 the Movie' เมื่อ 'แบรด พิตต์' เร็วที่สุดในโลก

รู้สักนิดก่อนดู F1 the Movie

การแข่งรถฟอร์มูลาวัน หรือเอฟวัน เป็นกีฬาแข่งความเร็วและแรง เสี่ยงอันตรายที่สุด แพงที่สุด กฎกติกายิบย่อยและเปลี่ยนบ่อยเพื่อเซฟตี้นักขับและเพื่อความยุติธรรม เช่น กำหนดงบประมาณของแต่ละทีม 135 ล้านยูเอส ต่อปี (อาจเปลี่ยนแปลงบ้าง)

F1 แบ่งการเป็นแข่งเป็น 2 ประเภทคือ 1 แข่งหานักขับแชมเปี้ยนที่จะมี 20 คน ต่อปีร่วมชิงชัย และ 2 แข่งหาทีมชนะเลิศ (Constuctors) นักขับหรือนักแข่งรถมีเพียง 1 คนจากการแข่ง 10 ทีม ๆ ละ 2 คัน (2 คน) ลงแข่ง 20-24 สนาม ครั้งละประมาณ 2 ชม. ความเร็วเกิน 300 กม. แข่งกันตลอดทั้งปี เก็บคะแนนไปเรื่อย ๆ ทีมและนักแข่งคือเดินทางรอบโลกไปยังสนามแข่งต่าง ๆ ทั่วยุโรปและเอเชีย

'F1 the Movie' เมื่อ 'แบรด พิตต์' เร็วที่สุดในโลก

รถแข่งคันละ 1-2 พันล้านยูเอส กฎกติกาเครื่องยนต์และงบประมาณตามที่ FIA กำหนด ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคเชียลของแต่ละทีม นักแข่งเงินเดือนสูงมาก แต่ละทีมจะมีแมวมองคัดเลือกดาวรุ่งจากการแข่ง F2 หรือการแข่งรถระดับต่าง ๆ คัดเข้าทีม มีตัวสำรองเหมือนกีฬาอื่น ๆ นักแข่งต้องฟิตซ้อม ออกกำลังกายเพื่อความแข็งแกร่งและฝึกความไวของประสาทสัมผัส

'F1 the Movie' เมื่อ 'แบรด พิตต์' เร็วที่สุดในโลก

F1 เป็นกีฬาอันตราย แม้จะผสานความเร็วเข้ากับเทคโนโลยีชั้นสูง และตั้งกฎเพื่อความปลอดภัยระดับสูงสุดแล้วก็ตาม จากการแข่งที่ผ่านมีผู้เสียชีวิต 53 คน มี 2-3 ครั้งที่อุบัติเหตุรถพุ่งชนถูกผู้ชมบาดเจ็บและเสียชีวิตก็มี

'F1 the Movie' เมื่อ 'แบรด พิตต์' เร็วที่สุดในโลก

ฟ้า ฝน และแสงในสนามที่คาดเดาไม่ได้ ทำให้นักแข่งเกิดอุบัติเหตุบ่อย การเปลี่ยนยางสำคัญและจำเป็นมาก ยางไม่มีดอกยิ่งเรียบยิ่งสัมผัสพื้นเยอะ ทำให้รถวิ่งเร็วและแต่ก็เปลืองมากต้องเปลี่ยนยางตามกฎกติกา ยางมีร่องจะแข็งวิ่งได้อึดขึ้นแต่วิ่งช้ากว่า เวลาที่เข้าพิทเปลี่ยนยางเช็คอุปกรณ์สำคัญมาก ไม่เกิน 5 วินาที ถ้ารวมเวลาที่วิ่งเข้าพิทที่ต้องชะลอความเร็วลงไม่เกิน 80 กม. เปลี่ยนยางแล้ววิ่งออกรวมไม่เกิน 20 วินาที

'F1 the Movie' เมื่อ 'แบรด พิตต์' เร็วที่สุดในโลก

อากาศร้อนยิ่งส่งผลต่อนักแข่ง ว่ากันว่าการแข่งแต่ละครั้งน้ำหนักของคนขับจะหายไปราว 4 กก. ต่อการขับ 2 ชม. ถ้ายิ่งร้อนก็จะเบิร์นพลังงานประมาณชั่วโมงละ 1,000 แคลอรี

'F1 the Movie' เมื่อ 'แบรด พิตต์' เร็วที่สุดในโลก

เครดิตภาพ: Warner Bros Pictures, Apple Original Films