Mickey 17 หนังไซไฟตลกร้ายที่เต็มเปี่ยมด้วยความเป็นมนุษย์
Mickey 17 เมื่อ ‘บงจุนโฮ’ ทำหนังไซไฟ สิ่งที่ได้คือหนังตลกร้ายที่เต็มเปี่ยมด้วยความเป็นมนุษย์ เสียดสีสังคม ชนชั้น มีความเห็นใจคนตัวเล็ก ๆ ที่ถูกกดทับจนแทบไม่มีที่ยืน
ทิ้งช่วงจาก Parasite เจ้าของรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมนานถึง 6 ปี ในที่สุด บงจุนโฮ ก็มีภาพยนตร์เรื่องใหม่ออกมาให้เราชมกันใน Mickey 17 หนังไซไฟที่ผู้กำกับชาวเกาหลีใต้บอกเหตุผลที่เขาชอบเอาไว้ว่าเป็นเพราะมันมี “ความเป็นมนุษย์” สูง
Mickey 17 เป็นภาพยนตร์แนวไซไฟ-ดาร์ก คอมเมดี้ที่ดัดแปลงจากนวนิยาย Mickey7 ของเอ็ดเวิร์ด แอชตัน พูดถึงเรื่องราวของ มิคกี้ บาร์นส์ (นำแสดงโดย โรเบิร์ต แพททินสัน) ที่อับจนหนทางในชีวิต จึงไปสมัครเป็นลูกเรือสำรวจดาว Niflheim ที่มนุษย์มีแผนจะไปตั้งอาณานิคมขึ้นที่นั่น
แต่ปรากฏว่าไม่มีตำแหน่งอื่นเหลืออยู่แล้วนอกจากตำแหน่ง ‘มนุษย์ใช้แล้วทิ้ง’ หรือ Expendable ที่จะถูกมอบหมายให้รับภารกิจเสี่ยงตาย โดยทุกครั้งที่เขาตายก็จะมีการใช้เทคโนโลยีปรินท์ร่าง และความทรงจำเดิมของมิคกี้ขึ้นมาใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลังการคืนชีพครั้งที่ 17 และการถูกปฏิบัติไม่ต่างอะไรกับขยะที่ใช้แล้วทิ้ง มิคกี้ก็เริ่มสงสัยว่าภารกิจที่ทำอยู่เป็นสิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ หรือไม่
การสะท้อนประเด็นทางสังคม และตั้งคำถามเกี่ยวกับคุณค่าความเป็นมนุษย์ในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมากคือสิ่งที่ทำให้ บงจุนโฮ สนใจนิยายเรื่องนี้
“แนวคิดไซไฟที่เป็นพื้นฐานของนวนิยายเรื่องนี้น่าสนใจมาก แต่ที่ผมประทับใจก็คือความเป็นมนุษย์ในเรื่องนี้ มันพูดถึงหัวจิตหัวใจและสัญชาตญาณของคนเรา จากจุดนั้นผมแน่ใจว่าจะสามารถนำเสนอความตลกร้าย อารมณ์ขัน และความรู้สึกที่น่าสนใจอีกมากมาย ผมรู้ว่าถึงมันจะเป็นเรื่องราวไซไฟ แต่ก็จะไม่ได้ให้ความรู้สึกแบบไซไฟ แต่แสดงให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ที่ธรรมดาสามัญ”
บงจุนโฮหวังว่าผู้ชมจะได้รับทั้งความบันเทิงและแง่คิดเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์เมื่อรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ และนั่นเป็นเหตุผลที่เขาให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละคร นอกเหนือไปจากความพิถีพิถันทั้งด้านการออกแบบฉาก และเทคนิคพิเศษ
แม่นยำ ถี่ถ้วน แต่เป็นธรรมชาติ
โรเบิร์ต แพททินสัน นักแสดงนำใน Mickey 17 ผู้ผ่านการทำงานกับผู้กำกับสุดยอดฝีมือระดับโลกมาแล้วได้กล่าวชื่นชมแนวทางการทำงานของบงจุนโฮเอาไว้ว่า ถึงแม้จะมีสตอรีบอร์ดที่ละเอียดมากอยู่แล้ว แต่บงจุนโฮก็ยังเปิดโอกาสให้การแสดงมีความเป็นธรรมชาติ
บงจุนโฮจะทำงานตามสตอรีบอร์ดที่ละเอียดลออโดยไม่มีการถ่ายทำนอกเรื่องหรือตามใจตัวเอง มีเฉพาะสิ่งที่จำเป็นต่อการเล่าเรื่องเท่านั้น แต่พอเป็นเรื่องของการแสดง เขากลับไม่ตายตัวขนาดนั้น
“ผมหมกมุ่นกับสตอรีบอร์ด ผมทำหนังโดยไม่มีสตอรีบอร์ดไม่ได้ครับ แต่ในแง่การแสดง ผมพยายามเปิดกว้างให้มากที่สุด ผมเปิดรับการด้นสดเสมอ อาจฟังดูขัดแย้งกัน เพราะผมตั้งกล้องและวางกรอบภาพตามที่เขียนไว้ในสตอรีบอร์ดเป๊ะ ๆ แต่ผมบอกให้นักแสดงทำตัวตามสบายและมีอิสระเต็มที่ภายในกรอบการทำงาน อาจเหมือนขัดแย้งกันในตัวเอง แต่นี่แหละครับคือวิธีที่ผมทำงาน”
คนตัวเล็ก v.s. ระบอบกดขี่
ชเว ดูโฮ ผู้อำนวยการสร้างที่ทำงานร่วมกับบงจุนโฮมายาวนานถึง 14 ปี พูดถึงผู้กำกับชาวเกาหลีใต้ดีกรีออสการ์คนนี้ว่า
“เขาหลงใหลประเด็นทางสังคม เขามีวิธีเล่าประเด็นเหล่านี้ออกมาให้บันเทิงและตลก เขาชอบพูดว่า...เรากำลังเล่าเรื่องราว เราอยากให้ผู้ชมได้สนุก ตื่นเต้น ให้ผู้ชมได้หัวเราะ ร้องไห้ และเพลิดเพลินเต็มที่เมื่ออยู่ในโรง แต่ระหว่างที่ผู้ชมกำลังขึ้นรถเมล์หรือนั่งแท็กซี่กลับบ้านหรือกำลังจะนอน พวกเขาก็เริ่มนึกถึงแนวคิดที่แฝงอยู่เบื้องหลังเรื่องราวนั้น...ผมว่านี่แหละคือหนังที่ดีที่สุด ไม่ใช่แค่หนังป๊อปคอร์นเพื่อความบันเทิงอย่างเดียว แต่เป็นหนังที่ให้ความบันเทิงพร้อมกับนำเสนอแนวคิดที่ซ่อนเอาไว้ด้วย”
สำหรับ Mickey 17 นั้น ชเว ดูโฮมองว่าสิ่งที่ทำให้บงจุนโฮสนใจก็เหมือนกับในหนังเรื่องอื่นของเขา นั่นคือ “แนวคิดเกี่ยวกับคนตัวเล็ก ๆ ที่พยายามอยู่รอดในระบบที่กดขี่ เขาสนใจเรื่องราวของคนชนชั้นแรงงานที่แค่พยายามเอาชีวิตรอด”
ขณะที่ผู้กำกับ บงจุนโฮ เสริมว่า “เรื่องนี้ตลกมากด้วย มันไม่ใช่หนังมหากาพย์อวกาศเรื่องยิ่งใหญ่ที่มีคนมายิงปืนเลเซอร์ แต่เป็นเรื่องของคนขี้แพ้ งี่เง่า เรื่องนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่โง่ทึ่มอย่างน่าเอ็นดู”
ขณะที่โรเบิร์ต แพททินสัน พูดถึงบทของตัวเองใน Mickey 17 ว่าซับซ้อนเกินความคาดหมาย
“มิคกี้เป็นตัวละครที่แอบซับซ้อนครับ มองเผิน ๆ เขาเหมือนคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่กลับไม่ใช่อย่างนั้น เขามีความปรารถนาที่ค่อนข้างเฉพาะตัว เขาไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลกในหลาย ๆ แง่ เขาเจ็บปวดอย่างรุนแรงและพยายามจัดการกับความรู้สึกบอบช้ำ มันดูงี่เง่าในสายตาคนอื่น แต่ไม่ได้งี่เง่าสำหรับเขา”
อนาคตเป็นสถานที่ที่เราไม่คุ้นเคย ขณะที่ปัญญาประดิษฐ์ก็ก้าวล้ำจนชวนให้หวั่นใจ มนุษย์เราต้องพึ่งพาจักรกลที่เย็นชาไร้ความรู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ชีวิตมนุษย์ทุกวันนี้ก็เหมือนการอาศัยอยู่ภายในยานอวกาศอันโดดเดี่ยว สิ่งเดียวที่เราคุ้นเคยและเหลือไว้ให้ยึดเกาะได้ในอนาคตก็คือ “ความเป็นมนุษย์ขั้นพื้นฐาน”
แม้ในห้วงอวกาศอันไกลโพ้น หากยังมีมนุษย์อยู่ เปลวไฟแห่งความรักและความเมตตาก็ยังคงมีโอกาสลุกโชติช่วงท่ามกลางความมืดมิด
“หนังเรื่องนี้เป็นหนังไซไฟ แต่ก็เป็นเรื่องตลกที่มีความเป็นมนุษย์สูงมากเช่นกัน ผมหวังว่าผู้ชมจะเพลิดเพลินกับหนังเรื่องนี้อย่างที่มันเป็น และเมื่อกลับบ้านหลังจากดูจบ ผมหวังว่าจะมีชั่วครู่หนึ่งที่ผู้ชมได้คิดว่าอะไรทำให้เราเป็นมนุษย์ และเราต้องทำอะไรเพื่อคงความเป็นมนุษย์เอาไว้”
“แค่ครู่เดียว...ซักสามนาทีก็พอครับ” บงจุนโฮกล่าวตบท้ายด้วยรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว
Mickey 17 เข้าฉายแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์
