รายละเอียด 3 มรดกชาติ UNESCO ขึ้นทะเบียน มรดกความทรงจำแห่งโลก 2568

UNESCO ยก 3 เอกสารโบราณไทย ขึ้นทะเบียน มรดกความทรงจำแห่งโลก ปี 68 สมุดไทยนันโทปนันทสูตรคำหลวง, ภาพยนตร์พระเจ้าช้างเผือก, เอกสารการก่อตั้งประชาคมอาเซียน
KEY
POINTS
- ยูเนสโก เปิดตัวโครงการ Memory of the World (มรดกความทรงจำแห่งโลก) ในปี 1992 เพื่อร่วมกันป้องกันการลืมเลือน โดยเรียกร้องให้มีการอนุรักษ์การถือครองหอจดหมายเหตุอันมีค่าและบรรดาห้องสมุดทั่วโลก เพื่อก่อให้เกิดการเผยแพร่อย่างกว้างขวาง
- 17 เมษายน 2568 UNESCO ประกาศยก "3 เอกสารโบราณไทย" ขึ้นทะเบียนเป็น "มรดกความทรงจำแห่งโลก ประจำปี 2025"
- "สมุดไทย นันโทปนันทสูตรคำหลวง" ร่ายโบราณ ทรงนิพนธ์โดยเจ้าฟ้ากุ้ง เมื่อปีพ.ศ.2279
- "พระเจ้าช้างเผือก" ภาพยนตร์เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทยที่ยังหลงเหลืออยู่ รักษาความทรงจําสําคัญของยุคสมัย สร้างโดย ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์
- "เอกสารการก่อตั้งประชาคมอาเซียน" ภาพยนตร์ข่าวพิธีลงนามและคำประกาศในแถลงการณ์ร่วมการก่อตั้งสมาคมประชาชาติอาเซียน พ.ศ.2510
ตามที่ องค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCO (ยูเนสโก) ได้ประกาศ มรดกความทรงจำแห่งโลก (Memory of the World) ประจำปี 2568 จำนวน 74 รายการ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2568 ที่ผ่านมานั้น
กรมศิลปากร ตรวจสอบพบว่ามีเอกสารจากประเทศไทยได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกความทรงจำแห่งโลก จำนวน 3 รายการ จึงได้ทำรายงานต่อนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อทราบดังนี้
เอกสารจากประเทศไทยซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกความทรงจำแห่งโลก จำนวน 3 รายการครั้งนี้ ได้แก่
รายการที่ 1 : เอกสารสมุดไทย นันโทปนันทสูตรคำหลวง
เอกสารโบราณล้ำค่าของไทย สมุดไทย นันโทปนันทสูตรคำหลวง (The Manuscript of Nanthopananthasut Kamlaung) เป็นวรรณคดีทางพระพุทธศาสนาที่ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐสุริยวงศ์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (พ.ศ. 2275-2301) ทรงพระนิพนธ์ขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2279 ขณะทรงผนวชอยู่ ณ วัดโคกแสง มีพระนามฉายาว่า “สิริปาโล”
พระนิพนธ์เรื่องนี้ เจ้าฟ้ากุ้งทรงแปลมาจากเรื่อง ‘นันโทปนันทปกรณัม’ ในคัมภีร์ฑีฆนิกายสีลขันธ์นอกสังคายนา ซึ่งพระมหาพุทธสิริเถระ ภิกษุชาวลังการจนาไว้เป็นภาษาบาลี
โดยทรงเลียนแบบ ‘มหาชาติคำหลวง’ ซึ่งมีอายุเก่ากว่า ‘นันโทปนันทสูตรคำหลวง’ ถึง 254 ปี
เจ้าฟ้ากุ้งทรงตั้งคำบาลีแล้วแปลเป็นภาษาไทยสลับกันไป เป็นร่ายโบราณ ในรูปแบบ 'คำหลวง' เนื้อเรื่อง กล่าวถึงพระพุทธเจ้า ทรงส่งพระมหาโมคคัลลานเถระไปปราบพญานาคราช นามว่า ‘นันโทปนันท’ เพื่อให้คลายจากมิจฉาทิฐิ ให้หันมาตั้งอยู่ในสัมมาทิฐิ แล้วนำไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
เมื่อพญานันโทปนันทนาคราชได้สดับพระธรรมเทศนาจากพระพุทธเจ้าแล้วก็ได้ถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต
เนื้อหาของเรื่องนอกจากจะสะท้อนให้เห็นถึงสภาพสังคมสมัยอยุธยาตอนปลายที่มีความเลื่อมใสศรัทธา ในพระพุทธศาสนาอย่างยิ่งแล้ว ยังแสดงถึงความเป็นวรรณกรรมไทยที่แปลมาจากภาษาบาลี แล้วแต่งเป็น คำประพันธ์ที่ใช้ความเปรียบเทียบได้สละสลวยงดงาม
เจ้าฟ้ากุ้งทรงใช้ศัพท์ภาษาบาลี สันสกฤตและเขมรควบคู่ไปกับภาษาไทยอย่างสลับซับซ้อน ทำให้บังเกิดความไพเราะยากที่จะหาวรรณกรรมใดเสมอเหมือน
อีกทั้งยังบันทึกไว้ด้วยรูปอักษรไทยโบราณที่เรียกว่า อักษรไทยย่อ ร่วมกับอักขรวิธีโบราณซึ่งปัจจุบันเลิกใช้แล้ว
นันโทปนันทสูตรคำหลวง เป็นหนังสือสมุดไทยขาว จำนวน 92 หน้า ขนาดกว้าง 13 เซนติเมตร ยาว 39.9 เซนติเมตร หนา 6.5 เซนติเมตร
ปกลงรักปิดทอง เขียนลายกนกเครือเถา ชุบ(เขียน)ด้วยอักษรขอมย่อ ภาษาบาลี และอักษรไทยย่อ ภาษาไทย ชุบเส้นอักษรด้วยวัสดุ 3 ชนิด คือ เส้นทอง เส้นชาด และเส้นหมึก
เมื่อลงเส้นอักษรเสร็จแล้ว โบกฝุ่นขาวและลงน้ำยากันซึมทั้งก่อนและหลังเขียนอักษร ซึ่งเป็นวิธีการสงวนรักษาเส้นอักษรไม่ให้ลบเลือนตามสูตรของหลวงโชฎึกนอกราชการ
ปัจจุบัน เอกสารสมุดไทย นันโทปนันทสูตรคำหลวง เก็บรักษาไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร
รายการที่ 2 : ภาพยนตร์เรื่อง พระเจ้าช้างเผือก และเอกสารจดหมายเหตุที่เกี่ยวข้อง (The King of the White Elephant and the archival documents)
ในส่วนของ ภาพยนตร์เรื่อง พระเจ้าช้างเผือก เป็นภาพยนตร์ประเภทเรื่องแสดงขนาดยาว สร้างโดย ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ (หลวงประดิษฐ์มนูธรรม) เมื่อพ.ศ.2483 ขณะดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม (หลวงพิบูลสงคราม)
ผู้สร้างได้แต่งหนังสือนิยายเรื่องเดียวกันนี้เป็นภาษาอังกฤษก่อน แล้วสร้างขึ้นเป็นภาพยนตร์ในระบบฟิล์ม 35 มม. ขาวดำ บันทึกเสียงในฟิล์ม สำเร็จและนำออกฉายเป็นรอบปฐมทัศน์สู่สาธารณชนครั้งแรก ที่กรุงเทพฯ สิงค์โปร์และนิวยอร์ก ในวันเดียวกันเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ.2484
สาระสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่ผู้สร้างต้องการสื่อสารไปยังชาวโลก ให้ตระหนักถึงภัยของการปกครองและผู้ปกครองที่ไม่อยู่ในศีลธรรม ไม่เคารพกฎกติกาของสังคมโลก ซึ่งนำไปสู่การเบียดเบียนข่มเหงราษฎร และการทำสงครามรุกรานเพื่อนบ้านเพื่อแสวงผลประโยชน์ตนด้วยความโลภโมโทสัน
ในขณะที่ผู้ปกครองซึ่งอยู่ในศีลธรรมจะดูแลราษฎรให้อยู่เย็นเป็นสุข และปกป้องราษฎรจากภัยสงคราม ด้วยการทำสงครามต่อผู้รุกรานเพื่อสันติภาพ
ภาพจากพระเจ้าช้างเผือก (credit: หอภาพยนตร์ องค์การมหาชน)
ภาพยนตร์เรื่อง พระเจ้าช้างเผือก เป็นภาพยนตร์เรื่องยาวที่สร้างก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ของประเทศไทยเพียงเรื่องเดียวที่เหลือรอดอยูในสภาพสมบูรณ์
เป็นตัวอย่างของผลงานภาพยนตร์ซึ่งเป็นสื่อมวลชนและมหรสพมวลชนยอดนิยมของโลกในเวลานั้น ที่แสดงให้เห็นการผสานขนบการสื่อสารแสดงแบบดั้งเดิมของไทย กับการแสดงแบบภาพยนตร์ของตะวันตก
แต่เหนืออื่นใดเป็นการแสดงเจตนารมณ์อันแรงกล้าในการประกาศอุดมการณ์หรืออุดมคติแห่งสันติภาพและสันติสุขอันถาวรของมนุษย์
ปัจจุบัน ภาพยนตร์เรื่องพระเจ้าช้างเผือก อยู่ในความดูแลของ หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) และ เอกสารจดหมายเหตุที่เกี่ยวข้อง อยู่ในความดูแลของหอจดหมายเหตุ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
รายการที่ 3 : เอกสารการก่อตั้งประชาคมอาเซียน
เอกสารการก่อตั้งประชาคมอาเซียน {The Birth of the Association of Southeast Asia Nations (ASEAN) (Archives about the Formation ASEAN, 1967 – 1976)} เป็นการขึ้นทะเบียนร่วมกันระหว่างประเทศอินโดนีเซีย ประเทศมาเลเซีย ประเทศสิงคโปร์ และประเทศไทย
โดยประเทศไทยได้ส่ง ภาพยนตร์ข่าวพิธีลงนามและคำประกาศในแถลงการณ์ร่วมการก่อตั้งสมาคมประชาชาติอาเซียน ขึ้นทะเบียนมรดกความทรงจำแห่งโลก (Memory of the World)
เป็นภาพยนตร์ข่าวเงียบ บันทึกเหตุการณ์พิธีลงนามในคำประกาศและแถลงการณ์ร่วมกันระหว่างรัฐมนตรีของ 5 ประเทศ คือ มาเลเซีย อินโดนีเชีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และประเทศไทย ในการก่อตั้ง สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of South East Asian Nations หรือ ASEAN (อาเซียน) ณ ห้องประชุม กระทรวงการต่างประเทศ วังสราญรมย์ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2510
เอกสารจดหมายเหตุที่เกี่ยวข้องกับการก่อตั้งประชาคมอาเซียนอยู่ในความดูแลของ หอจดหมายเหตุแห่งชาติอินโดนีเซีย หอจดหมายเหตุแห่งชาติมาเลเซีย หอจดหมายเหตุแห่งชาติสิงคโปร์ และหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) (ประเทศไทย)
นางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า “เอกสารที่ได้รับเป็นมรดกความทรงจำของชาติยังมีอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก การที่ยูเนสโกได้ประกาศมรดกความทรงจำแห่งโลกในครั้งนี้ ถือว่าตอกย้ำถึงความสำคัญทางวรรณกรรม พุทธศาสนา และศิลปวัฒนธรรมของชาติไทย ที่มีคุณูปการต่อมนุษยชาติอย่างแท้จริง สมควรที่จะช่วยกันอนุรักษ์และสืบทอดให้คงอยู่สืบไป
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกรมศิลปากรได้รายงานว่าจะดำเนินการจัดทำโครงการเฉลิมฉลองในวาระการที่เอกสารมรดกของชาติได้รับการประกาศมรดกความทรงจำแห่งโลก เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนรับทราบถึงความสำคัญของเอกสารดังกล่าวและเป็นการอนุรักษ์และสืบทอดอีกทางด้วย”
ปัจจุบันมี ‘เอกสารมรดกความทรงจำ’ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกความทรงจำแห่งโลก (Memory of the World) โดยยูเนสโกแล้ว จำนวน 570 รายการ จาก 72 ประเทศ และ 4 องค์กรระหว่างประเทศ
ในส่วนประเทศไทยนั้น มีเอกสารที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกความทรงจำแห่งโลก แล้ว จำนวน 9 รายการ นอกจากเอกสาร 3 รายการข้างต้นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในปีนี้แล้ว เอกสารอีก 6 รายการที่ได้รับการขึ้นทะเบียนฯ ไปก่อนหน้านี้ได้แก่
- จารึกวัดโพธิ์
- ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง
- เอกสารจดหมายเหตุ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิรูปการปกครองของสยาม พุทธศักราช 2411 – 2453
- ฟิล์มกระจกและภาพต้นฉบับ ชุดหอพระสมุดวชิรญาณ
- บันทึกการประชุมของคณะกรรมการสยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์
- คัมภีร์ใบลาน เรื่องตำนานอุรังคธาตุ
ผู้สนใจสามารถดูรายการเอกสารมรดกความทรงจำแห่งโลกของประเทศไทยได้ที่ เว็บไซต์มรดกความทรงจำของประเทศไทย







