‘แจ๊ค ลอนดอน’ ตำนาน ‘ไวน์กับหมา’
“แจ๊ค ลอนดอน” นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่ในโลกอักษรศิลป์ของอเมริกา บรรยายความรู้สึกเมื่อเหยียบย่างเข้าไป “หุบเขาแห่งวงพระจันทร์” (Valley of the Moon) ที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์เขียวขจี หนึ่งในจำนวนนั้นคือต้นองุ่น
นักเขียน Jack London บันทึกไว้ว่า
“I ride over my beautiful ranch. Between my legs is a beautiful horse. The air is wine. The Grape on a score of rolling hills are red with autumen flame. A cross Sonoma Moutain, wisps of sea fog are steating. The afernoon sun smolders in the drowsy sky. I have everything to make me glad I am alive.....”
แจ๊ค ลอนดอน เป็นนักผจญภัย นักหนังสือพิมพ์ และนักประพันธ์เลือดเดือดที่ทุกอณูของโลหิตเต็มไปด้วยแรงต่อสู้เพื่อชนชั้นที่ถูกเอารัดเอาเปรียบของยุคนั้น แม้จะลาโลกไปในปี ค.ศ.1961 แต่ก็ไม่มีใครลืมเรื่องราวของเขา...
The call of the Wild หรือ เสียงเพรียกจากพงไพร บทประพันธ์ชิ้นเอกของเขาที่พลิกผันชีวิตนักประพันธ์ไส้แห้ง ให้กลายเป็นมหาเศรษฐีในพริบตา จากการที่ได้รับการตีพิมพ์กว่า 400 ครั้ง และได้รับยกย่องให้เป็นนวนิยายเกี่ยวกับ หมา ที่ยอดเยี่ยมและคลาสสิกมากที่สุดเล่มหนึ่งของโลก จะเรียกว่าชีวิตนี้ได้ดีเพราะหมาก็คงไม่ผิดนัก !!
เรื่องราวของคนกับหมา และ ไวน์กับหมา กลายเป็นตำนานร่วมกันได้อย่างตัว หลังจาก เคนวูด วินเยิร์ดส์ (Kenwood Vineyards) ผู้ผลิตไวน์แห่งโซโนมา แวลลีย์ (Sonoma Valley) ผลิตไวน์รุ่นพิเศษ Kenwood Jack London จากไร่องุ่นที่ซื้อไปจากเครือญาติของเขาที่รับมรดกตกทอดมาหลังจากที่เขาเสียชีวิต แล้วปลูกองุ่นพันธุ์ 2 พันธุ์เพิ่มเติมคือ ซินฟานเดล (Zinfandel) และกาแบร์เนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon) จากนั้นผลิตไวน์แดงรุ่นพิเศษ Kenwood Jack London ผลิตในจำนวนจำกัด ใช้กาแบร์เนต์ โซวีญยอง เป็นหลัก ผสมแมร์โลต์ (Merlot) เล็กน้อย โดยมีหัวหมาป่าขนาดใหญ่บนฉลากที่ออกแบบเป็นพลาสติกใส อัดเป็นลายเส้นสีขาวติดเป็นเนื้อเดียวกับขวด ไม่เหมือนฉลากไวน์ทั่วไปที่เป็นกระดาษทากาวปิดข้างขวด ใครอยากจะเก็บสะสมต้องเก็บทั้งขวด ตอนนั้นฮือฮาและขายดิบขายดีมาก
แจ๊ค ลอนดอน วาดฝันจะสร้างปราสาทหินในไร่องุ่นของเขา และตั้งชื่อว่า วูล์ฟ เฮ้าส์ (Wolf House) หรือ บ้านหมาป่า โดยไร่องุ่นอยู่ในโซโนมา (Sonoma) ซึ่งเป็นภาษาอินเดียนแดงแปลว่า “Valley of the Moon” หรือ หุบเขาแห่งวงพระจันทร์ และต่อมาเขาได้เขียนหนังสืออีกเล่มชื่อ Valley of the Moon ได้รับความนิยมเช่นกัน เป็นเรื่องราวของหนุ่มสาวคู่หนึ่งยุคสังคมนิยม ที่เป็นแกนนำในการเรียกร้องความยุติธรรมจากนายทุน
วูล์ฟ เฮ้าส์ เป็นแมนชั่นขนาด 1,400 ตารางเมตร ประกอบด้วย 26 ห้อง 9 เตาผิง สร้างด้วยหินเกือบทั้งหลัง ออกแบบโดย อัลเบิร์ต แอล.ฟาร์ (Albert L. Farr) สถาปนิกชื่อดังชาวซานฟรานซิสโก การก่อสร้างดำเนินไปเกือบเสร็จเรียบร้อย แต่โชคร้ายถูกไฟไหม้เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 1913 ก่อนที่เขากับภรรยาจะย้ายเข้าไปอยู่เพียงไม่กี่วัน ชาเมียน ลอนดอน (Charmian London) ภรรยาของแจ๊ค เขียนถึงการสูญเสียครั้งนี้ว่า "The razing of his house killed something in Jack, and he never ceased to feel the tragic inner sense of loss"
การอยู่ในหุบเขาที่ห่างไกลและเงียบสงบ ทำให้ “แจ๊ค ลอนดอน” มีความผูกพันกับหมาป่า ว่ากันว่าจากสัตว์ที่ดุร้ายเมื่อเข้ามาอยู่ในอาณาจักรของเขา หมาป่ากลับกลายเป็นเพื่อนที่รู้ใจ กระทั่งใช้หัวหมาป่าเป็นสัญลักษณ์ ตั้งเด่นเป็นสง่าและน่าเกรงขามอยู่รอบรั้วบ้าน ขณะที่พื้นที่บางส่วนทำเป็นแปลงองุ่น ปลูกซินฟานเดล (Zinfandel) เป็นหลัก
ไร่องุ่น Jack London Vineyard อยู่บนเนินเขาทางตะวันออกของเทือกเขาโซโนมา (Sonoma Mountain) มีหมู่บ้านสำคัญคือเกลน เอลเลน (Glen Ellen) และเอลดริดจ์ (Eldridge) แจ๊คได้เข้ามาซื้อที่ดิน พร้อมด้วยไร่องุ่นที่ค่อนข้างรกร้าง ก่อนจะตัดสินใจลงหลักปักฐานอย่างจริงจังในฐานะเจ้าของฟาร์มในปี 1905 พร้อมกับตั้งชื่อว่า Beauty Ranch เขาอาศัยอยู่ที่นี่กับ ชาเมียน ลอนดอน (Charmian London) ภรรยา จนเสียชีวิตในปี 1916 ขณะที่ชาร์เมียนเสียชีวิตในปี 1955 ศพของทั้งคู่ถูกฝังไว้ที่นี่
เมื่อปี 1997 ที่ผมไปโซโนมา แวลลีย์ เคยไปที่หมู่บ้านเกลน เอลเลน (Glen Ellen) เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ และเงียบสงบ เป็นธรรมชาติ หลายบ้านยังใช้น้ำบ่อ มีโรงแรมเล็ก ๆ ให้เลือกพักเพื่อสัมผัสบรรยากาศจริงและรำลึกถึง “แจ๊ค ลอนดอน” ครั้งนั้นผมพักที่แจ๊ค ลอนดอน ลอดจ์ (Jack London Lodge) ด้านข้างมีร้านอาหารชื่อ “ลอนดอน กริลล์” (London Grill) และบาร์เหล้าชื่อแจ๊ค ลอนดอน ซาลูน (Jack London Salon) แต่ถ้าพักกลางเมืองซานฟรานซิสโก ที่ย่านโอ๊คแลนด์มีแหล่งชอปปิ้งชื่อ Jack London ให้จับจ่ายกัน ที่นี่มีบาร์ชื่อ Heinold’s First and Last Chanc ที่แจ็ค ลอนดอน ชอบไปนั่งดื่ม
บริษัท Kenwood Vineyards ก่อตั้งในปี 1970 ได้ลิขสิทธิ์ถูกต้องให้ผลิตไวน์และทำการตลาดไวน์ Kenwood Jack London เมื่อปี 1976 โดยไร่องุ่น Jack London เริ่มปลูกองุ่นในช่วงต้น ๆ ของปี 1800 ความพิเศษของไร่นี้คือมีดินที่มีส่วนผสมของลาวาสีแดง ทำให้ไวน์ Kenwood Jack London มีความลึกลับซับซ้อนเป็นพิเศษ
Kenwood Vineyards ผลิตไวน์ 5 รุ่น จากองุ่นในพื้นที่ควบคุมโซโนมา (Sonoma AVA)โดย 3 รุ่นมาจาก Sonoma County, Six Ridges และ Jack London Vineyard ส่วนอีก 2 รุ่นเป็น Single Vineyard และ Artist Series สมัยก่อนผู้นำเข้าไวน์ “Kenwood Jack London” มาเมืองไทยคือบริษัท Cititex Group ปัจจุบันไม่รู้ว่าบริษัทใดนำเข้า ที่แน่ ๆ บริษัท Kenwood Vineyards ถูกบริษัท แปร์โนด์ ริคาร์ด ยูเอสเอ (Pernod Ricard USA) หนึ่งในยักษ์ใหญ่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซื้อไปในปี 2014
"I am begging you now, with all my heart, not to let the world forget that he laid his hand upon the hills of California with the biggest writing of all his writing and imagination and wisdom … Just don't let all who listen and read and run, forget Jack London's biggest dream."
Charmian London กล่าวถึงสามี Jack London ในวันที่เขาจากโลกนี้ไปเมื่อเดือนธันวาคม 1916 เหลือไว้เพียง...ผู้สร้างตำนานไวน์กับหมาที่ยิ่งใหญ่และเป็นอมตะ...ตราบเท่าทุกวันนี้...