เรียนรู้ชีวิตจากชายวัย 90​

เรียนรู้ชีวิตจากชายวัย 90​

เรียนรู้ 6 ข้อคิดจาก "วอร์แรน บัฟเฟตต์" มหาเศรษฐีระดับโลกที่เพิ่งอายุครบ 90 ปีเมื่อเร็วๆ นี้ ข้อคิดที่ว่านี้มีทั้งแง่ของชีวิต การทำงาน รวมถึงการลงทุนที่น่าสนใจ

Warren Buffett ผู้ติดอันดับเป็นเศรษฐีหมายเลขหนึ่งของโลก มีอายุครบ 90 ปีเมื่อไม่นานมานี้ ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดเขาได้ให้คำสอนเกี่ยวกับเรื่องชีวิต การทำมาหากินการครองชีวิต การลงทุนฯลฯไว้อย่างน่าฟัง นอกเหนือจากคำกล่าวของเขาในงานประจำปีของบริษัท ที่ผู้คนนับหมื่นเข้าฟังและคนอีกนับล้านทั่วโลกเงี่ยหูฟัง

Buffett (บัฟเฟตต์) มีอะไรเหมือนคนสูงอายุทั่วไป ซึ่งต่างจากคนหนุ่มสาวอยู่บางประการ เช่น ไม่กลัวความแก่ เพราะได้แก่ไปเรียบร้อยแล้ว และไม่กลัวเสียชีวิตแต่ยังหนุ่มสาวเพราะได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วด้วยการเป็นคนแก่

ในวันที่อายุครบ 90 ปีเขามีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 82,600 ล้านเหรียญ (ประมาณ 2.73 ล้านล้านบาท) 90% ของมูลค่านี้เกิดขึ้นหลังจากที่เขามีอายุ 65 ปี เขาร่ำรวยด้วยการสร้างตัวเอง พ่อเขาเป็น ส.ส.ของรัฐสภาอเมริกันจากรัฐ Nebraska เขามีลูก 3 คนและมีหลานปู่และตา 10 คน

Buffett บริจาค 90% ของสมบัติที่เขามีแก่มูลนิธิและสาธารณกุศลต่างๆ มีชีวิตด้วยความพอเพียง ไม่เคยมีบ้านหลายหลังไว้พักผ่อน ไม่มีเครื่องบินส่วนตัว อยู่บ้านหลังเก่าที่อยู่มาตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการทำงาน ตอนเย็นก็อยู่บ้านดูทีวีกับครอบครัว “6 ข้อคิด” ของเขาจากงานวันเกิด 90 ปีน่าไตร่ตรองมาก ผู้เขียนพบข้อเขียนนี้ในอินเตอร์เน็ตโดยไม่ทราบเจ้าของ จึงขออนุญาตนำมาแพร่หลายต่อดังนี้

1.แต่งงานกับคนที่ใช่ 

Buffet เคยกล่าวไว้ว่าการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาไม่ใช่การเลือกซื้อหุ้นตัวไหน แต่เป็นการเลือกคู่ชีวิตของเขา Buffet กล่าวว่าความคิดของคนเราจะเปลี่ยนแปลงไปตามคนที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยและคนที่เราใช้เวลาด้วยมากที่สุด ในชีวิตก็คือคู่ชีวิตของเรา

เขาพูดในการประชุมประจำปีของ Berkshire Hathaway ครั้งหนึ่งว่า “จงแต่งงานกับคนที่ใช่ ผมพูดจริงๆ นะมันสำคัญมากเพราะการแต่งงานครั้งเดียวจะเปลี่ยนชีวิตคนเราไปตลอดชีวิต มันจะเปลี่ยนความปรารถนาและทุกสิ่งทุกอย่างอีกมากมายของเรา”

2.ลงทุนในตัวเอง 

Buffett ได้พูดเสมอว่าการลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนในตัวเอง นอกจากจะทำให้เรามีความรู้มากขึ้นแล้วยังไม่มีใครสามารถแย่งความรู้ไปจากเราอีกด้วย Buffet ยังแนะนำให้ลงทุนในตัวเองด้วยการพัฒนาความสามารถในการสื่อสาร เพราะมันจะทำให้เราสามารถแชร์ไอเดียและสร้างสัมพันธ์ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้อื่น และทำให้คนอื่นเข้าใจสิ่งที่เราต้องการจะสื่อมันจะช่วยเพิ่มคุณค่าของตัวเราเองได้อีกไม่ต่ำกว่า 50% เลยทีเดียว นอกจากนี้ ก็ควรดูแลตัวเอง ดูแลร่างกายและจิตใจให้ดีเพราะคนเรานั้นมีร่างกายและจิตใจเดียวเท่านั้น ไม่เหมือนรถยนต์ที่มีอะไหล่เปลี่ยนได้เสมอ​​

3.เป็นเพื่อนกับคนที่เก่งและดี 

การอยู่กับคนที่ดีและเก่งกว่าตัวเราเองหรือกลุ่มคนที่Buffettเรียกว่า “High Grade People” จะทำให้เราเรียนรู้และเริ่มปฏิบัติตัวเหมือนคนเหล่านั้นในทางกลับกันหากเรามัวหลงอยู่กับคนที่มีพฤติกรรมแย่กว่าตัวเราเอง ยิ่งนานไปเราก็จะยิ่งถูกดึงลงไปในทางที่แย่ลงเช่นเดียวกันดังคำพูดที่ว่า“ตัวคุณในวันนี้คือค่าเฉลี่ยของคน 5 คนที่คุณใช้เวลาด้วยมากที่สุด”

4.ทำงานให้กับคนที่เรานับถือ 

Buffett แนะนำให้ทุกคนเริ่มการทำงานกับคนที่เรา นับถือ เราไม่จำเป็นต้องทำงานกับเขาไปตลอดชีวิต แต่การเริ่มทำงานกับคนที่เรานับถือและยกย่องจะช่วยกำหนดแนวทางในการทำงานที่ดีให้กับเราแม้ว่าในอีก10ปีข้างหน้างานของเราอาจจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่โอกาสในการเรียนรู้จากคนที่เรานับถือจะมีคุณค่ากับเราไปตลอดและถึงแม้“เงิน”จะเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการเลือกงาน แต่อย่าให้เงินมาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของการเลือกงานอย่างเดียวเท่านั้น

5.อย่าสนใจเสียงรบกวน 

Buffett บอกว่าไม่มีใครรู้อย่างแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกว่าตลาดหุ้นจะเคลื่อนไปในทิศทางไหน เพราะทุกๆ อย่างนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยในอนาคต ดังนั้นกลยุทธ์ในการลงทุนที่ดีที่สุดคือการทำตามแผนที่วางไว้อย่างรอบคอบและอย่าสนใจเสียงรบกวนรอบข้าง “เมื่อนักลงทุนส่วนใหญ่กำลังโลภ จงระมัดระวังตัวแต่เมื่อใดที่นักลงทุนส่วนใหญ่ตื่นกลัวก็จง“โลภ”และช่วงนี้เป็นเวลาที่นักลงทุนควรรอคอย” ประโยคนี้เป็นคำแนะนำที่Buffetย้ำไม่ให้ นักลงทุนฟังเสียงรอบข้างมากเกินไปอยู่เสมอ

6.ความสำเร็จไม่ได้วัดด้วยเงิน 

แม้ว่าจะเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกมาตลอดเวลาหลายปี แต่สำหรับBuffettแล้ว ความร่ำรวยไม่ใช่ตัวชี้วัดความสำเร็จในชีวิตเขามองว่าการทำตนให้ได้รับความรักจากคนที่ใกล้ชิดสำคัญยิ่งกว่าเงินหลายเท่า และการได้รับความรักแบบไร้เงื่อนไข(Unconditional Love)นั้นเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของคนเรา

เงินไม่ใช่ตัวความสุข แต่เป็นสะพานไปสู่ความสุข ตราบที่เจ้าของเงินรู้จักใช้เงินให้เป็นประโยชน์และรู้จักแสวงหาสิ่งที่เป็นความสุขของชีวิตอย่างแท้จริง