Pampelle เสน่ห์จากคอร์ซิกา...สู่เมืองไทย

ดินเนอร์มื้อสำคัญหรือมื้อที่เป็นทางการสไตล์ฝรั่งเศส คนฝรั่งเศสจะให้ความสำคัญกับมื้ออาหาร ตั้งแต่เรียกน้ำย่อยไปจนกระทั่งคอร์สสุดท้าย โดยเฉพาะการเรียกน้ำย่อยแบบฝรั่งเศส (French Apéritif) ด้วยเครื่องดื่ม "แพมเพลล์" (Pampelle)
การเรียกน้ำย่อยแบบฝรั่งเศส (French Apéritif) มีความสำคัญไม่แพ้รายการอื่น เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่จะได้ต้อนรับแขก เป็นการแสดงให้เห็นว่าเจ้าของบ้านยินดีที่ได้พบแขกอีก ขณะเดียวกันก็เป็นการรอแขกที่ยังเดินทางมาไม่ถึง จะมีการเสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหารเบา ๆ เรียกน้ำย่อย พร้อมกับใช้โอกาสนี้แนะนำแขกที่ยังไม่รู้จักกัน อาหารเรียกน้ำย่อยเรียกว่า แอปเปอร์ไทเซอร์ ( Appetizer) ส่วนเครื่องดื่มเรียกว่า อาเปริตีฟ (Apéritif)
Apéritif เป็นคำฝรั่งเศส มาจากคำลาติน Aperire แปลว่า เปิด (To Open) หมายถึงการเปิดหรือเริ่มมื้ออาหาร ก่อนจะถึงอาหารมื้อใหญ่ อาจจะเสิร์ฟกับอาหารเบา ๆ เช่น มะกอก ชีส ขนมปังกรอบ ฯลฯ ขณะที่คำแสลงในภาษาฝรั่งเศสของ Apéritif คือ “อาเปโฮร” (Apéro) หมายถึงอาหารที่กินในตอนบ่ายแก่ หรือก่อนมื้อค่ำ
Aperitif Francais
Apéritif ปรากฏขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.1796 ที่เมืองตูรินหรือโตริโน (Turin / Torino) เมืองหลวงของแคว้นเพียดมอนต์ (Piedmont) แหล่งผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมของประเทศอิตาลีเมื่อ อันโตนิโอ เบเนเดตโต คาร์ปาโน (Antonio Benedetto Carpano) ค้นพบแวร์มุธ (Vermouth) โดยใช้ไวน์ขาว เติมด้วยสมุนไพร และเครื่องเทศที่สไปซี่ กว่า 30 ชนิด ก่อนจะผลิตออกมาขายในอีกทศวรรษต่อมา ภายใต้ชื่อมาร์ตินี (Martini) ชินซาโน (Cinzano) รอสซี (Martini & Rossi) คัมปารี (Campari) และกันชิอา (Gancia) ฯลฯ แต่ Apéritif มาได้รับความนิยมในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เริ่มจากในยุโรป และในช่วงทศวรรษ 1900 ก็ได้รับความนิยมในสหรัฐด้วย
ขณะที่บางตำราบอกว่า Apéritifs ก่อกำเนิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 5 หลังจากที่ Diadochos แห่ง Photiki นักบวชในศาสนาคริสต์ กล่าวว่า "People who wish to discipline the sexual organs should avoid drinking those artificial concoctions which are called 'aperitifs'—presumably because they open a way to the stomach for the vast meal which is to follow."
Apéritif เป็นที่รู้จักในฝรั่งเศสในช่วงปี 1846 หลังจากที่ โจเซฟ ดูบงเนต์ (Joseph Dubonnet) เภสัชกรชาวฝรั่งเศส สร้างสรรค์เครื่องดื่มที่มีไวน์เป็นเบสแล้วใส่สมุนไพร เครื่องเทศต่าง ๆ โดยมีส่วนผสมของควินิน (Guinine) ที่ใช้สำหรับต่อต้านโรคมาเลเรียเป็นหลัก จากนั้นนำไปกลั่น ก่อนจะมีการเพิ่มเติมสมุนไพรและเครื่องเทศบางอย่างลงไปอีก เพื่อลดความขมจัดจ้านของควินิน และได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน มีเรื่องเล่าว่าทหารกองกำลังผสมของฝรั่งเศสที่ไปรบในแอฟริกาตอนเหนือเคยใช้ดูบงเนต์ทากันยุงด้วย ขณะที่ผู้หญิงดื่มแล้วช่วยในการบำรุงเลือดลม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบำรุงเลือดในช่วงที่มีประจำเดือน
Pampelle Tonic
กล่าวเฉพาะในฝรั่งเศสมีเครื่องดื่มประเภท Apéritif มากมายขึ้นอยู่กับภูมิภาค (Region) เช่นปาสตีส์ (Pastis) ที่มีชะเอมเทศ ( Anise) เป็นส่วนผสมหลักนิยมทางตอนใต้ของประเทศ ขณะที่กาลวาดอส์ (Calvados) ที่ทำจากแอปเปิ้ลนิยมในแคว้นนอร์มังดี (Normandy) ทางเหนือของประเทศ ส่วนในแคว้นอัลซาส (Alsace) ทางอีสานของฝรั่งเศสนิยมดื่มสปาร์คกลิ้งที่ชื่อ เกรมองต์ ดัลซาส (Crémant d'Alsace) นอกนั้นยังมีหลายอย่าง เช่น ชอมปาญ (Champagne), คอนยัค (Cognac), อาร์มาญยัค (Armagnac), เคียร์ (Kir), ไวน์ขาว, ไวน์แดง ฯลฯ
อย่างไรก็ตามมีอีกหนึ่ง Apéritif ของฝรั่งเศสซึ่งน่าจะเป็นของใหม่ในเมืองไทย เพราะเพิ่งมีการนำเข้าและเปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว ขณะที่ถิ่นฐานแหล่งกำเนิดในฝรั่งเศสก็น่าสนใจเพราะไม่ได้อยู่บนผืนแผ่นดินใหญ่แต่เป็นเกาะ นั่นคือ แพมเพลล์ (Pampelle) จากเกาะคอร์ซิการ์ (Corsica) ซึ่งแม้จะเป็นของฝรั่งเศสแต่ก็มีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และอะไรหลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวเนื่องกับอิตาลี จนมีผู้กล่าวว่า
“คอร์ซิกา เกาะที่เป็นฝรั่งเศสโดยสัญชาติ เป็นอิตาลีโดยมรดกสืบทอด และเป็นอิสระโดยสำนึก”
เกาะคอร์ซิกา ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
แพมเพลล์ (Pampelle) เป็นวัฒนธรรมการดื่มที่แพร่หลายมากที่สุดในประเทศฝรั่งเศส และอิตาลี โดยมีพื้นฐานวัตถุดิบหลักคือไวน์ขาว สมุนไพร และเครื่องเทศ เป็นเครื่องดื่มเก่าแก่จัดอยู่ในประเภทฟอร์ติไฟด์ ไวน์ (Fortified Wine) แต่แพมเพลล์เพิ่มความพิเศษและถือเป็นเอกลักษณ์ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์คือ มีส่วนผสมของเกรพฟรุต (Grapfruit) แถมยังเป็นเกรพฟรุต ออร์แกนิค ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี และมีสีแดงทับทิม เป็นสปิริตที่มีสีสันสดใส ผสมกับรสขมที่ลงตัว ดื่มแล้วไม่รู้จักเบื่อ
Pink Grapfruit
เกรพฟรุตนี้จะนำมากลั่นอย่างพิถีพิถันที่ในโรงกลั่นตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชาฮรองต์ (Charente) ในเมืองคอนยัค (Cognac) แหล่งกลั่นบรั่นดีชื่อดังทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส นอกจากเกรพฟรุตที่เป็นวัตถุดิบสำคัญยิ่งแล้ว ยังมีผลไม้และพืชผักจากทั่วโลก เช่น ส้มยูซุ (Yuzu) จากญี่ปุ่น, ส้มเซดรัต (Cedrat) หรือส้มโอมือจากฝรั่งเศส, ส้ม Bigarade จากเฮติ คล้าย ๆ ส้มซ่าของไทยมีรสขมนิด ๆ ตามด้วยควินิน, ดอกเจนเทียน บิตเตอร์ (Gentian Bitters) และที่ขาดไม่ได้คือโอ เดอ วี (Eau de vie) เหล้ากลั่นจากองุ่น เป็นต้น เมื่อทุกอย่างลงตัวจึงบรรจุขวด พร้อมประทับตราของ Damselfly ถือเป็นผลิตภัณฑ์พื้นเมืองที่ได้รับการอนุรักษ์
ส้มยูซุ
ส้ม Bigarade
ส้ม Cedrat
gentian bitters
คอร์ซิกา (Corsica) ที่คนฝรั่งเศสเรียกว่า กอร์ส (Corse) เป็น 1 ในแคว้น 18 แคว้นของประเทศฝรั่งเศส เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นลำดับที่ 4 ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (รองจากเกาะซิซิลี ซาร์ดิเนีย และไซปรัส) ตั้งอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางทิศตะวันตกของประเทศอิตาลี ทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส และทิศเหนือของซาร์ดิเนีย มีทะเลลิกูเรียน (Ligurian) กั้นกลางระหว่างแผ่นดินใหญ่
ผมไปคอร์ซิกา 3 ครั้ง ครั้งล่าสุดบินจากเมืองนีซ (Nice) ไปลงที่สนามบินบาสเตีย (Bastia) ทางเหนือของเกาะใช้เวลาประมาณ 1 ชม.นิด ๆ ไม่ได้ลงที่สนามบินเมืองอาแฌกซิโอ (Ajaccio) ที่เป็นเมืองหลักของเกาะ ซึ่งสนามบินบาสเตียนั้นโด่งดังมากเมื่อประมาณ 2 - 3 ปีที่แล้ว ที่เกิดเหตุยิงหัวหน้าแก๊งมาเฟียตายที่นี่ ส่วนครั้งแรกผมไปด้วยเรือ SNCM จากเมืองมาร์กเซย์ (Marseilles) ทางใต้ของฝรั่งเศสซึ่งห่างจากคอร์ซิกาประมาณ 390 กม. นอกจากฝรั่งเศสแล้วยังสามารถข้ามไปจากอิตาลีก็ได้มีท่าเรือเยอะ ใช้เวลาน้อยกว่าเพราะคอร์ซิกาอยู่ใกล้อิตาลีมากกว่าฝรั่งเศส
เกาะคอร์ซิกาเคยเป็นที่อาศัยในช่วง 9 ปีแรกของชีวิต นโปเลียน โบนาปาร์ต (Napoleon Bonaparte) จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ปัจจุบันบ้านหลังนั้นมีชื่อว่า เมซง โบนาปาร์ต (Maison Bonaparte) และผมได้ลิ้มรส Pampelle ครั้งแรกในชีวิตก็ที่เมืองหลวง Ajaccio นี่เอง ณ ริมชายหาดที่งดงาม รสชาติเหมือนดื่มน้ำสมโอ ขม ๆ หอม ๆ กินกับแฮมหมูป่าของเขาอร่อยดี แฮมหมูป่ากับชีสนมแกะของเกาะนี้อร่อยมาก
จักรกฤต เบเนเดทตี้ กรรมการผู้จัดการ อิตาเลเซียเทรดดิ้ง และแพทริค บอร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง Think Brands ผู้ให้กำเนิด PAMPELLE
ในวันที่เปิดตัวในเมืองไทย บริษัท Italasia Trading (Thailand) Co.,Ltd. ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเมืองไทย ได้แนะนำค็อกเทลสูตรพิเศษ ซึ่งเวลาที่ซื้อเขาจะมีรูปและสูตรค็อกเทล 4 สูตร แขวนไว้ที่คอขวดด้วย ให้ท่านไปทำดื่มกัน โดยค็อกเทลที่แนะนำในวันเปิดตัวประกอบด้วย
1) Pampelle Grapefruit Spritz เครื่องดื่มที่ช่วยเติมความสดชื่น ส่วนผสมคือ parts Pampelle / 3 parts Prosecco / 1 part Parrier Sparkling Water เสิร์ฟด้วยแก้วไวน์ ตกแต่งด้วยเกรพฟรุต ออร์แกนิคสีแดงทับทิมสไลซ์
French Negroni
2) Pampelle & Tonic ค็อกเทลรสหวานอมเปรี้ยว ให้ความสดชื่น ส่วนผสมคือ 1 part Pampelle ท็อปด้วยโทนิคจาก Fentimans พร้อมตกแต่งด้วยเกรพฟรุตออร์แกนิคสีแดง ทับทิมสไลซ์
3) Pampelle Grapefruit Negroni เพิ่มมิติความนุ่มลึกของ Negroni ด้วยรสสัมผัส ของเกรพฟรุต รสชาติหวานเจือขม เข้มข้นแต่ก็ยังมีความนุ่มนวลลงตัว ส่วนผสมคือ 1 part Pampelle / 1 part Gin / 1 part Vermouth Blanc (sweet) เสิร์ฟด้วยแก้วทัมเบลอร์ หรือ Rocks Glass ตกแต่งด้วยเปลือกเกรพฟรุตออร์แกนิคสีแดงทับทิม
Pampelle เป็นเครื่องดื่มมีสีสัน ทรงเสน่ห์ และเป็นวัฒนธรรมการดื่มแห่งเกาะคอร์ซิกา ประเทศฝรั่งเศส ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับอากาศและบรรยากาศเมืองไทย..







