คุยกับ Mr. Gay World Thailand คนล่าสุด ที่ทำให้มุมมองของคุณต่อความเป็นเกย์เปลี่ยนไป
เราอาจจะเคยรู้จักเวทีประกวดมามากมาย แต่เชื่อเถอะว่าเวทีประกวด Mr. Gay World Thailand คือเวทีที่ไม่มีใครเหมือน
หนึ่ง...นี่คือเวทีประกวดไม่กี่แห่งที่เราจะเห็นหนุ่มหน้าตาและบุคลิกดีมากมาย ในขณะที่น่าจะเป็นที่เดียว (แหละมั้ง) ที่พวกเขาเหล่านั้นล้วนประกาศกันชัดๆว่าตัวเองเป็นเกย์...ต่างจากเวทีประกวดผู้ชายแบบอื่นที่มักลงท้ายด้วยคำว่า Man หากแต่ผู้สมัครประกวดกับรู้อยู่แก่ใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น
สอง...นี่ไม่ใช่เวทีซึ่งวัดกันที่ความดูดีเพียงเท่านั้น หากแต่ผู้ที่จะชนะเวที Mr. Gay World Thailand ซึ่งจะได้รับสิทธิไปประกวดในเวทีระดับโลกอย่าง Mr. Gay World ต้องมีโปรเจคซึ่งเชื่อมโยงประเด็น LGBT (lesbian, gay, bisexual, and transgender) เข้ากับสังคม เราจึงเห็นหัวข้ออย่างเรื่องความเท่าเทียม การยอมรับในตัวตน การเรียกร้องข้อจำกัดเรื่องเพศสภาพ พ.ร.บ.ความเท่าเทียมระหว่างเพศ การตรวจหาเชื้อ HIV และอีก ฯลฯ ที่ถูกขับเคลื่อนจากบรรดาผู้สมัคร
ไม่ว่าที่มาและผลลัพธ์จากนี้จะเป็นเช่นไร แต่สายวันหนึ่งเมื่อไม่กี่วันก่อน เราได้เจอกับ ทอย ภัครพงษ์ ขวยเขิน ผู้ชนะ Mr. Gay World Thailand 2018 โดยที่เขา บอกว่า การประกวดปีล่าสุดที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่สัปดาห์นี้ ชูแนวคิด “proud to begay” ซึ่งหมายถึงความภูมิใจที่จะเป็นตัวของตัวเอง การได้รับการยอมรับความเป็นตัวตน และแนวคิดที่ว่านี้ก็ช่างสอดคล้องสิ่งที่ตัวเขาเป็นและอยากจะบอกกับทุกๆคน
ความหลากหลายของเกย์
ผมมาประกวดที่นี่เพราะเราติดตามข่าวสารในวงการมาตลอด และเห็นว่าเวทีนี้ไม่เหมือนใคร เพราะเขาไม่ได้มองเรื่องหน้าตาเป็นหลัก แต่มองถึงบุคคลที่เป็นผู้นำชุมชนและสร้างสังคมของ LGBT ให้ดีขึ้น ทั้งในเรื่องสิทธิเสรีภาพ สุขภาพ การได้รับการยอมรับจากสังคม และ 15 คนที่มาประกวดในรอบสุดท้ายนี้ ก็ล้วนมีความหลากหลาย เห็นได้จากตลอดช่วงที่เก็บตัวเราก็เห็นความแตกต่างในกลุ่มเกย์ด้วยกันเอง เช่น มีเกย์ที่ไว้ผมยาว มีเกย์ที่มาจากภาคเหนือและพูดภาษาถิ่น และเขาก็ภูมิใจที่จะแสดงออกถึงความเป็นตัวเองของตัวเอง ผมเองก็เป็นเกย์ที่ดูสาว เพราะเราก็แสดงออกในสิ่งที่ตัวเองเป็น ซึ่งนี่คือความหลากหลายที่เวทีประกวดแห่งนี้ต้องการ ผมโชคดีที่เรียนมาทางนิเทศศาสตร์จึงมีทักษะเรื่องการสื่อสาร มีแนวคิดที่จะทำแคมเปญเพื่อสังคม LGBT อยู่บ้าง แต่จากนี้ก็ต้องทำการบ้าน ฝึกฝนตัวเองให้มากขึ้น เพื่อไปประกวด Mr. Gay World ที่ประเทศแอฟริกาใต้ ในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้
ยุติการคุกคาม CYBER
โปรเจคที่ผมเสนอในการประกวดครั้งนี้และเป็นเรื่องที่สนใจคือ LGBT CYBER HARASSMENT หรือ “การเปลี่ยนการคุกคามทางเพศเป็นค่านิยมที่ดีต่อเพื่อนร่วมโลก” ซึ่งแนวคิดนี้มาจากการที่ปัจจุบันทุกคนเข้าถึงโซเชียลเน็ตเวิร์คได้ ซึ่งผลดีของมันก็ทำให้เรารู้จักกัน เห็นกันและสร้างสัมพันธ์กันได้ง่ายขึ้นกว่าในอดีต แต่อีกด้านหนึ่งความง่ายที่จะสร้างมิตรภาพได้นี่ ก็จะทำให้คนเกลียดกันง่ายขึ้นได้เช่นกัน บางคนก็เกลียดกันเพียงแค่เห็นรูป เห็นการโพสต์สเตตัส กลายเป็นตัดสินกันเพียงแค่เห็นในโซเชียลมีเดีย จะเรียกว่าเป็น First Impression ได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ เพราะเราเองก็ที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ทุกวันนี้เราเห็นคนด่ากันผ่านการคอมเมนต์ในโซเชียล ซึ่งการด่าทอหรือเกลียดกันนี้ถ้าไม่หยุดยั้ง มันก็มีโอกาสจะยกระดับความรุนแรง เช่น การละเมิด หรือคุกคามอื่นๆ เช่น อาจจะทำร้ายกัน หรือถ้าเจอก็จะชี้หน้าด่ากัน ทั้งๆที่จุดเริ่มมาจากเรื่องในโซเชียล
เรากำลังอยู่ในสังคมที่โซเชียลมีเดียมีผลมากๆ ซึ่งมันก็ดำเนินไปเรื่อยๆ และในมุมมองของผมการใช้โซเชียลมีเดียในระยะนี้เป็นเรื่องที่ต้องระวัง เราผ่านระยะแรกที่การมีโซเชียลมีเดียทำให้คนอยากเป็นเน็ตไอดอล ทำให้ผู้คนทำทุกวิถีทางที่จะให้มีคนติดตาม ได้ยอด Like มาแล้ว แต่ต่อจากนั้นเมื่อคุณเป็นไอดอลแล้ว คุณก็ง่ายที่จะถูกคุกคาม คุณอาจจะโพสต์รูปหนึ่งแล้ว เจอด่า “ไม่สวยเลยถ่ายมาได้ไง” หรือไม่ก็ “อีนี้มั่นหน้าจัง” หนักเข้าก็ด่าแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ไม่ใช่แค่เกย์นะ เพศอื่นๆก็มี เวลามีใครสวยๆหล่อๆโพสต์รูปตัวเอง หรือทำอะไรเข้าหน่อย ก็จะเจอคำพูดที่มันฟังดูไม่ค่อยดี ซึ่งถ้ามันบ่อยเข้า อีกหน่อยจะกลายเป็นความเคยชิน ถูกมองกลายเป็นเรื่องธรรมดาไป
อย่างที่ผมเจอบ่อยที่สุดก็น่าจะเป็นเวลาที่เขาโพสต์รูปชุดว่ายน้ำหรือชุดออกกำลังกาย แล้วก็จะถูกคนด่าเสียๆ หาว่าโพสต์เพื่อหาคู่บ้าง โพสต์ยั่วคนอื่นบ้าง ทั้งๆที่ในความจริงมันเป็นเพียงความภาคภูมิใจในร่างกายของตัวเอง เขาออกกำลังกายและคิดว่าตัวเองดูดีและภูมิใจตรงนั้น เขาก็ถ่ายรูปแล้วโพสต์ ไม่ใช่การโชว์เพื่อนำไปสู่ความต้องการอื่น การทำซิกซ์แพ็คไม่ได้ง่ายนะ เมื่อเขามี เขาก็อยากจะโชว์ความภูมิใจของเขา ผมมองว่าจะว่าใครก็ต้องดูการกระทำด้วย ดูว่าเขาทำเพื่ออะไร เป็นคนแบบไหน ไม่ใช่มองด้านเดียว แล้วสุดท้ายก็มองว่าเขาผิด ทั้งยังไม่รู้จักกันเลย ผมอยากทำเรื่องนี้เพราะคิดว่ามันมีประโยชน์ในอนาคต เพราะถ้าเรามีค่านิยมที่ดี เราจะตัดปัญหาการคุกคามคนที่มีความแตกต่างจากเราได้
เกย์สาวที่ถูกเหยียดหยาม
เชื่อไหมครับ หลังจากที่ผมรับตำแหน่งนี้ มีหลายสายโทรมาหาผู้จัดการการประกวดเพื่อตำหนิว่า “คุณจะเอาคนแบบนี้ เป็นผู้ชนะการประกวดไม่ได้” แล้วก็ต่อว่าผม ว่าผมสาว อ้วน หน้าตาก็งั้นๆ ไม่มีซิกส์แพ็ค
เราพยายามเข้าใจนะว่าเราอาจจะไม่ใช่เกย์ในแบบที่เขาอยากเห็น เป็นเกย์ที่ไม่แมน เงียบๆ ขรึมๆ แบบที่เขาอยากให้เป็น แต่มันก็อธิบายได้ว่าในความเป็นจริงคนที่เป็นเกย์ก็ยังเหยียดกันเอง มันเลยกลายเป็นความเหลื่อมล้ำว่าเกย์ที่เป็นรุก ต้องอยู่สูงกว่าฝ่ายรับเสมอ คนที่ “แมน” ต้องอยู่เหนือกว่า “สาว” เสมอไป ภาพลักษณ์ของเกย์จึงต้องเงียบๆ ขรึมๆ เป็นเกย์รุกที่ดูแมนๆ อย่างเดียวแล้วบุคลิกแบบนี้ถึงจะเหมาะสมที่จะได้รับรางวัล ทั้งๆที่คำว่า “เกย์” เนี่ยไม่ว่าจะแมน จะสาว ยังไงเขาก็คือ เกย์ และเขายังเป็นเพื่อนของเราไม่ว่าจะรู้จักหรือไหม ทุกคนคือเพื่อนกัน ไม่มีใครอยากโดนว่าบนทางโลกออนไลน์
ถ้าครั้งหนึ่งคนที่เป็น LGBT จะถูกสังคมมองว่าเป็นคนส่วนน้อย เป็นคนที่ถูกกีดกัน ซึ่งนำมาสู่การเรียกร้องให้มีกฎหมายแต่งงานของคนเพศเดียวกัน การรับรองบุตรบุญธรรม เราก็ควรจะให้ความสำคัญกับเรื่องการให้เกียรติกันมากขึ้น ต้องเคารพสิทธิของคนทุกชีวิตไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม เพื่อที่จะไม่ให้มีการดูถูกว่าเป็นเพศไหน และเกย์เองก็ไม่ได้มีแค่เกย์แบบที่เป็นแมน แต่ยังมีเกย์สาวซึ่งเขาก็มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเป็น
ความเป็นเกย์จึงมีความหลากหลายซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเคารพซึ่งกันและกัน มากกว่าตำหนิเพียงเพราะความแตกต่าง