Hijab Lifestyle การเปิดออกของไลฟ์สไตล์"สำรวม"

           ความอื้ออึงจากเวทีรันเวย์ New York Fashion Weeks ที่แบรนด์ต่างๆ เล่นกระแสของ Hijab ในโลกมุสลิมนั้น ยังไม่ทันจะจางลง...

           เทรนด์ของ "ฮิญาบ" ก็เข้มข้นขึ้นและถูกสนใจจริงจัง เมื่อแบรนด์ต่างๆ จากหลายแวดวง หันมาให้ความสำคัญ และ "เข้าหา" ด้วยวิธีการที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น ไนกี้ ออกแคมเปญน่าสนใจอย่าง Pro Hijab จนกวาดตลาดไปไม่น้อย หรือในอุตสาหกรรมใหญ่ๆ อย่าง "ฮอลลีวู้ด" ตัวละครที่ต้องสวมฮิญาบ ก็มีความสำคัญในหนังมากขึ้น พวกเธอไม่ต้องคอยสวมผ้าคลุม และไม่พูดอะไร

   อย่างไม่ย่นย่อ, ถ้าแปลแบบตรงๆ และไม่ซับซ้อน ฮิญาบแปลว่า "การปิดกั้น" และมีสัญลักษณ์คือ ผ้าที่คลุมใบหน้าลงมาจนถึงหน้าอก (ส่วนใครจะจริงจัง หรือไปตามวาระประเพณีแบบใด ขึ้นอยู่กับระดับการคลุมผ้า) จริงๆ แล้ว ฮิญาบคือ "ความงดงาม" เพราะความหมายลึกซึ้งลงไปคือ การปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง เพื่อให้สังคมตระหนักรู้ พูดง่ายๆ คือ ความหมายหรือนัยยะของฮิญาบ ลุ่มลึกมากกว่าที่ผู้คนไปเข้าใจว่า ปิดหน้าเพื่อไม่ให้ใครเห็นใบหน้า

           หรือนัยหนึ่ง - คือการสำรวม

 

           เทรนด์ของฮิญาบ ไม่ถึงขนาดเกาะ ขี่ มากับขบวนทัพของ "มุสลิม ไลฟ์สไตล์" ที่นิตยสาร Time ฉบับพิเศษทำออกมาแถมเมื่อ 5 ปีก่อน ฮิญาบคือส่วนหนึ่งของโลกมุสลิม แต่มีความเป็นอัตลักษณ์เข้มข้นในตัวเอง จริต (manner) ของฮิญาบ มีเสน่ห์ที่การปกปิดและปิดกั้น ซึ่งก็ "สอดคล้อง" กับการตลาด เทรนด์ใหม่ๆ ที่อะไรๆ ทำความเข้าใจได้ยาก ก็มักมีคนสนใจ (พม่าคือเคสที่ชัดเจนเมื่อ 7-8 ปีก่อน)

            รูปลักษณ์ เนื้อหาและภาพมายาคติของฮิญาบ ทำให้วัฒนธรรมนี้ พัฒนาตัวเองกลายมาเป็น popular culture ที่แวดวงต่างๆ นำมา adapt และปรับใช้ จนรุนแรงที่สุดในช่วงเวลานี้

 

             ยกตัวอย่างเช่น ในกิจกรรมของ Generation Y ในมาเลเซีย ...จากที่เด็กๆ เคยแต่งตัวเป็น superhero ชื่อดังจากหนังและการ์ตูนต่างๆ ปีนี้ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา งานคอสเพลย์ประจำปี ตัวละครที่ป๊อปสุด ถูกถ่ายรูปสุดคือ แคแรคเตอร์ในหนังในซีรีส์ที่แต่งตัวด้วย "ฮิญาบ" (เช่น เจ้าหญิงคีด้า ซึ่งเป็น icon เบาๆ ของดิสนีย์)

 

            ในรันเวย์ของ NY แฟชั่นเซ็ท ยกโขยงกันนำเสนอแฟชั่นแบบฮิญาบ, ในแวดวงของ Sport Marketing แบรนด์หลายๆ สำนักยื่นพีชชิ่ง ขอออกแบบเสื้อผ้ากีฬาต่างๆ ให้กับทีมกีฬา หรือนักกีฬาอื่นๆ (athletes) เพื่อแข่งขันฟุตบอลโลกและโอลิมปิก 

             ยังไม่หมดแค่นี้ ในซีรีส์และหนัง ในวรรณกรรมและยูทูป มีการนำเอาเรื่องราวของ ไลฟ์สไตล์ฮิญาบไปผสมผสานแบบแฟชั่นและเรียกยอดคนดูคนอ่านตามออนไลน์ แทบจะมากที่สุดในบรรดา popular culture ช่วงหลังๆ และขณะที่เขียนต้นฉบับอยู่นี้ มีข่าวว่าวัฒนธรรมของเล่น กำลังจะสานต่อ นำไปทำเป็นตัวการ์ตูนต่างๆ โดยใส่ฮิญาบ

             เทรนด์ของการสำรวมและปกปิด แม้กระทั่งปิดกั้นนั้น สะท้อนจริตของการตลาดยุคใหม่ ที่เข้าไปหยิบใช้พอดีอย่างหนึ่ง นั่นคือ อะไรที่ไม่ชัดเจน "มีเสน่ห์"

             สิ่งนี้บางคนเรียกมันว่า Neo-Noir Cultural คืออะไรที่ "คลุมเครือ" มักมีเสน่ห์ยั่วยวนทางจิตใจมากกว่าสิ่งที่ชัดเจนเกินไป หรืออย่างน้อยๆ ไม่มีอะไรให้น่าค้นหา ฮิญาบนั้นคือความดีงามและความงดงาม ทว่า แก่นสารหรือสารัตถะสำคัญ ยังอยู่ที่การสำรวม มากกว่าเปิดออก...

 

                           เมื่อสำรวมและต้องปกคลุม ประเพณีนี้จึงมีแง่มุมน่าสนใจโดยตัวมันเอง ถึงขนาดที่ไม่นานมานี้ แบรนด์เท่ๆ ในอดีตอย่าง Hummel ถึงขนาดออกแบบชุดเตะบอลที่มาพร้อมที่สวมศีรษะของนักฟุตบอล เพื่อให้ทีมต่างๆ ที่มาจากโลกมุสลิมได้สวมใส่อย่างสบายใจ (อัฟกานิสถานคือหนึ่งในทีมที่ใช้บริการของ Hummel)

             แต่ไม่ใช่ว่า ใครต่อใครจะสามารถนำเอา "ฮิญาบ" ไปตีความได้อย่างถูกต้อง มิวสิควิดิโอเพลงของบางวงที่เคยไปเผยแพร่ภาพใน MTV ก็เคยถูกสังคมของมุสลิมวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงถึงความไม่เหมาะสม เพราะไม่จะเปิดมากแค่ไหน ที่สุดก็ต้องมีอาการ "สำรวม"

 

             เทรนด์หรือไลฟ์สไตล์ของ ฮิญาบ สะท้อนการตลาดและสัจธรรมอย่างหนึ่งว่า เมื่อต้องไปเดินทางไปสู่พื้นที่ของ Pop Culture ประเพณีต่างๆ ที่เคย "เคร่งขรึม" ก็ไม่อาจ "สำรวม" ได้แบบเก่า....

             เพราะแม้แต่ความบันเทิงที่เจี้ยวจ๊าวที่สุดอย่างงาน "คอสเพลย์" ประจำปี

             ฮิญาบก็ยังอยู่ในงานนั้น ด้วยคาแรคเตอร์ของ Hijabi