ไทย HAPPY THAIS ภาพสะท้อนความสุขแบบไทยๆ

ไทย HAPPY THAIS ภาพสะท้อนความสุขแบบไทยๆ

มาพบกันหน้ากระจกฮอลลีวูด! มาจ้องดู ‘เงาสะท้อนของวันวาน’ และ ‘ร่องรอยของอนาคต’

8

ได้เวลาที่กรุงเทพฯจะสุขสะพรั่งด้วยพลังอาร์ตใน เทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ “บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2018” ที่เริ่มต้นแล้วตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคมไปจนถึง 3 กุมภาพันธ์ปีหน้า แกลลอรีหลายๆแห่งในกรุงเทพฯก็ร่วมแสดงพลังสร้างสรรค์ด้วยการจัดกิจกรรมทางศิลปะอย่างคึกคัก

นัมเบอร์วัน แกลลอรี ร่วมส่งความสุขแบบไทยๆด้วยการนำเสนอ ไทย HAPPY THAIS นิทรรศการชุดล่าสุดของ สุธี คุณาวิชยานนท์ ศิลปินทัศนศิลป์ระดับอินเตอร์ ที่ชวนให้เราได้ยิ้มไปกับความเป็นไทยที่ละลายความขัดแย้งได้อย่างอยู่หมัด

4

นิทรรศการครั้งนี้จับจองทุกพื้นที่ในแกลลอรี ตั้งแต่ห้องโถงด้านหน้าที่มีวอลเปเปอร์รูปทหารหนุ่มสูงราว 170 ซม.ยืนเข้าแถวกันสุดลูกหูลูกตา แต่ดูสิพวกเขากำลังส่ง “ยิ้มสยาม”และ ยกมือ “ไหว้” อย่างสวยงาม

ผนังในห้องโถงด้านในด้านหนึ่ง เป็นภาพพิมพ์บนแคนวาสแสดงภาพทหารหญิงส่งยิ้มสยามและยกมือไหว้อย่างสวยงาม ยืนเข้าแถวซ้อนกันราวกับเป็นกองทัพน้อยๆ ในขณะที่ผนังฝั่งตรงข้ามเป็นภาพพิมพ์บนแคนวาสเช่นกัน ปรากกฎรูปนักการเมืองในเครื่องแต่งกายคุ้นตาที่มักสวมแจ็กแก็ตเข้าคู่กับการรคล้องพวงมาลัยพวงโต ยืนไหว้และส่งรอยยิ้มเป็นแถวเป็นแนวเช่นกัน

5

7

10

มองไปผนังด้านในสุดเป็นทีมตำรวจในอากัปกริยาเช่นเดียวกัน แหงนไปมองภาพพิมพ์บนระเบียงเป็นขบวนของเหล่าข้าราชการชายและหญิงที่ยืนเข้าแถวเรียบร้อยพร้อมยกมือไหว้และยิ้มสยาม

อากัปกริยาของรอยยิ้ม และการไหว้ของบุคคลในเครื่องแบบที่มีจำนวนมากและซ้ำๆกันไปหมด เป็นพลังบางอย่างที่ผู้ชมสัมผัสได้อย่างชัดเจน ศิลปินอยากบอกอะไรกับผู้ชมกันนะ

1

สุธี หัวหน้าภาควิชาทฤษฎีศิลป์ คณะจิตรกรรม ประติมกรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวว่า “อยากเสนอภาพความสุขของคนไทย เอกลักษณ์ไทย การไหว้ และรอยยิ้ม รู้สึกจริงๆว่าคนไทยเป็นคนมีความสุข แม้ว่าบางทีเราอาจยากลำบากมีปัญหาแต่เรายังยิ้มได้ ยังมีความสุขได้ งานชุดนี้ไม่ได้ทำแค่มิติเดียวว่าคนไทยยิ้มมีความสุขแต่ใส่ประเด็นบางอย่างเข้าไปด้วยเหมือนกัน

เพราะว่าภาพที่นำมาใช้เป็นข้าราชการเป็นส่วนใหญ่ มีนักการเมืองด้วย ประเทศไทยแต่ไหนแต่ไรก็ถูกขับเคลื่อนด้วยข้าราชการ มีทั้งดีและไม่ดี แต่คนไทยก็มีความสุขกันได้ แม้ว่าจะถูกปกครองด้วยข้าราชการ จนบางคนกล่าวว่าเป็นรัฐข้าราชการ”

9

ส่วนการสร้างงานที่จงใจสร้างภาพซ้ำๆขึ้นมานั้น ศิลปินอธิบายว่า “ในสังคมไทยจะอบรมสั่งสอนให้อยู่ในระเบียบ ห้ามแตกแถว ต้องคิดเหมือนๆกัน ต้องทำตัวอย่าแหกคอก รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ปลูกฝังมา โดยเฉพาะในโรงเรียน ระบบราชการ มีการฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด เรื่องความเป็นส่วนตัว ความเป็นปัจเจกอาจน้อยหน่อย จึงนำเสนอออกมาในภาพบุคคลยืนเรียงแถวหน้าตาเหมือนกันไปหมด

ภาพเหล่านี้เราจะเห็นตอนทหารเข้าแถว ตรวจแถว นักเรียนเข้าแถว เป็นภาพที่ชอบนะประทับใจในเชิงความงาม เวลาดูแล้วตะลึงในเชิงพลังของภาพ พอเป็นอย่างนี้แล้วเหมือนกับว่าทุกคนเหมือนกัน ความแตกต่างระหว่างคนจะไม่มี ต้องรวมกันเป็นหมู่เพื่อให้เป็นเอกภาพ จึงขาดอิสระ ความเป็นตัวของตัวเองน้อย

ในอีกมุมหนึ่งทหารที่มีภาพลักษณ์เข้มแข็งเมื่อมาอยู่ในท่าไหว้และมีรอยยิ้ม เป็นอะไรที่ขัดแย้งกัน รู้สึกว่ามีพลังอีกแบบมายืนกันเต็มพรึดบ่งบอกบุคลิกไทย คือแบบไทยๆยังอ่อนหวาน ตำรวจข้าราชการมีมุมอ่อนหวานแบบไทยๆใส่ลงไป ”

สำหรับในงานศิลปะแล้ว ศิลปินทิ้งประเด็นไว้ให้ผู้ชมได้คิดต่อว่า อยากจะให้เป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างนี้ต่อไป หรือว่าควรจะออกนอกแถวไปบ้าง กล่าวได้ว่าเป็นผลงานที่เปิดมุมมองให้คิดเพื่อที่จะไปค้นหา “ความจริง” หรือ “คำตอบ” ซึ่งแปรผันไปตามสถานการณ์ วัน เวลา ในผลงานที่ติดตั้งในห้องติดกันที่มีชื่อว่า ชะโงกดูเงา (Gaze the Looking Glass)

3

กระจกเงาประดับไฟแบบเดียวกับกระจกในห้องแต่งตัวของดาราฮอลลีวู้ด ติดตั้งเรียงรายซ้ำๆ(อีกแล้ว)กันเต็ม 3 ผนัง บนโต๊ะแทนที่จะมีเครื่องสำอางกลับกลายเป็นแผ่นป้ายที่มีตัวหนังสือทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ส่วนใหญ่จะอ่านออกได้เมื่อนำไปส่องที่กระจก

“โดยหลัก พูดถึงความจริงซึ่งเราคิดว่า ความจริงมีหลายมุมหลายด้าน ความจริงไม่ค่อยตายตัว มีความลื่นไหลไปตามเวลา วัฒนธรรม บริบท สนใจเรื่องทำนองนี้มาตลอด “ความจริงคืออะไร” การรับรู้ความจริง ขึ้้นอยู่กับมุมมอง ต้องมองหลายๆด้าน

บางทีต้องกลับหัวกลับหางกลับด้านจะเห็นความจริง โบราณบอกว่าถ้าอยากเห็นผีให้ก้มหัวมองลอดหว่างขา อาจจะสื่อถึงว่าจะมองอะไรก็ควรจะมองหลายๆด้าน ในเชิงความหมายน่าสนใจเหมือนคนโบราณจะบอกว่าถ้าเราอยากเห็นความจริงเราอย่ามองด้วยสายตาปกตินะ ต้องก้มกลับหัวดูบ้าง มองในมุมที่ผิดปกติ ไม่คุ้นเคย เราอาจเห็นความจริงอะไรบางอย่าง”

นอกจากจะชวนคิดไปกับข้อความบนป้ายที่มีทั้งตัวหลังสือกลับด้าน ที่บางป้ายพลิกไปพลิกมาเจอคำในคู่ตรงข้ามอยู่บนแผ่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น democracy กับ tyrant หรือ Hero กับ Fascism

โต๊ะเครื่องแป้งในห้องแต่งตัวแบบฮอลลี้วู้ดนี้ยังเล่นกับความหมายในภาษาอังกฤษของคำว่า

Vanity ที่มีความหมายว่า โต๊ะเครื่องแป้งสำหรับแต่งหน้า กับอีกความหมายที่ว่า ไร้สาระ ไร้แก่นสาร อนิจจัง

2

“เป็นคำทางศาสนาคริสต์ ในคัมภีร์ไบเบิ้ลบอกว่า Vanity of vanities; all is vanity เป็นการเล่นคำที่ย้ำว่าชีวิตนี้เป็นอนิจจัง ไร้สาระ ไร้แก่นสาร เราคิดว่าน่าสนใจดี การส่องกระจกในที่นี้นอกจากอ่านตัวหนังสือกลับด้านแล้วยังได้ค้นพบสัจธรรมบางอย่างด้วย”

ศิลปินทิ้งท้ายด้วยคำถามว่า “อะไรเอ่ย ? คือร่องรอยของอนาคต อะไรเอ่ย? คือเงาสะท้อนของวันวาน”

คำตอบง่ายๆ “ คือตัวเราในวันนี้นั้นไง”

หมายเหตุ : นิทรรศการ ไทย HAPPY THAI จัดแสดงที่นัมเบอร์วัน แกลลอรี 6-27 ตุลาคม จันทร์ – เสาร์ 11.00-19.00 น. โทร. 08 3445 8333