ปริศนา “เส้น-สี” ซ่อน “สุข”

ปริศนา “เส้น-สี” ซ่อน “สุข”

ถ้าจะมี “สิ่งใดสิ่งหนึ่ง” หยุดความคิดให้เราอยู่กับตัวเองได้บ้าง คุณอยากจะลองนั่งนิ่งๆ แล้วอยู่กับตัวเองเงียบๆ ดูมั้ย

ลวดลายที่ปรากฏอยู่บนกระดาษแผ่นนั้นเป็นลายเส้นสีดำที่ค่อนข้างซับซ้อน ทว่า สวยงาม หญิงสาวมองดูภาพเนิ่นนาน ก่อนจะค่อยๆ เลือกสีที่ชอบแล้วบรรจงแต้มลงไปตามช่องว่างจนภาพทั้งภาพดูมีสีสัน และกลายเป็นผลงานศิลปะที่น่าพึงพอใจ

รูปแบบของงานศิลปะอาจมีหลากหลาย แต่วินาทีนี้คงต้องยกให้ “Adult Coloring Book” หรือ “สมุดภาพระบายสี” ที่พ่วงคำว่า “สำหรับผู้ใหญ่” เป็นงานอดิเรกที่อยู่ในกระแสความนิยมปัจจุบัน เพราะไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้น แต่ผู้คนทั้งโลกหันมาใช้สมุดภาพระบายสีในการสร้างสมาธิและผ่อนคลายความเครียดกันอย่างคึกคัก

จะว่าไป สมุดภาพระบายสีไม่ใช่สิ่งใหม่ แล้วทำไมเพิ่งจะได้รับความนิยม หรือเพราะผู้คนเริ่มรู้สึกว่าถูกครอบงำจากเทคโนโลยีมากเกินไป จึงมองหากิจกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยพาตัวเองออกไปจากโลกไอทีได้ แล้วสมุดภาพระบายสี “สำหรับผู้ใหญ่” ก็เข้ามาในจังหวะที่เหมาะเจาะพอดี

เครียดมั้ย เหนื่อยหัวใจหรือเปล่า ถ้าคุณกำลังรู้สึกแบบนั้น แนะนำให้วางสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแป้นคีย์บอร์ดไว้ที่ไหนสักที่ แล้วหันมาจับ “สี” เพื่อระบาย “สุข” ไปพร้อมๆ กัน

 

นิ่งหยุดกับสมุดภาพ

 “ปัจจุบันเราจับปากกาน้อยมาก ใช้แต่คอมพิวเตอร์ ใช้แต่โทรศัพท์มือถือ พอเรามีโอกาสได้จับสี ก็เหมือนกับเราได้มาฝึกมือใหม่ แล้วค่อยๆ จดจ่ออยู่กับภาพที่อยู่ตรงหน้า” จุฑามาศ วิภาสประทีป เจ้าของธุรกิจส่วนตัว บอก

เวลาเหนื่อยๆ เครียดๆ หลายคนเลือกเปิดหน้าต่างออกไปมองท้องฟ้า หรือบ้างก็เดินเข้าไปหาความร่มรื่นในสวนสีเขียว เพราะพวกเขารู้ดีว่า ธรรมชาติรอบๆ ตัวช่วยบรรเทาความรู้สึกที่ว่านั้นได้ดี แต่ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เลือกทำงานศิลปะ แล้วใช้ “เส้น-สี” เหล่านี้เยียวยาหัวใจ จุฑามาศเป็นหนึ่งในนั้น เธอเลือกระบายสีในช่วงเวลาที่รู้สึกว่า สมองล้าเกินจะทน

“ก่อนหน้านี้เราเคยอ่านสกู๊ปของต่างประเทศมาเหมือนกันเกี่ยวกับงานศิลปะบำบัด หรือ Art Therapy ก็ยังคิดว่าไม่น่าจะจริงมั้ง ก็เลยไม่ได้สนใจอะไร แต่พอมาเห็นสมุดภาพระบายสีสำหรับผู้ใหญ่ของโจฮันนาก็ชอบมาก เพราะมีรายละเอียดเยอะ เรื่องของเส้น ลาย สวยดีก็เลยลองระบายดู หลังจากระบายมาเกิน 3 เดือน ปรากฏว่าเรานิ่งได้จริงๆ ไม่ได้แปลว่าเราเป็นคนนิ่งขึ้นนะ แต่หมายถึงเราอยู่นิ่งๆ ได้นานขึ้น จดจ่ออยู่กับบางสิ่งได้นานขึ้น อดทนอยู่กับสถานการณ์ที่ไม่ชอบ หรือคนที่เราไม่ชอบได้มากขึ้น”

โจฮันนาที่จุฑามาศหมายถึง คือ โจฮันนา บาสฟอร์ด (Johanna Basford) ศิลปินชาวสกอตแลนด์ ที่เปิดโลกใหม่ให้กับงานภาพวาดระบายสีจากผลงาน “สวนปริศนา” หรือ Secret Garden ซึ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อปี 2556 จนถึงตอนนี้มียอดขายได้เกือบ 7 ล้านเล่มทั่วโลก (ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ The Time ฉบับวันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2558) และติดอันดับหนังสือขายดีที่ 1 ในเมืองไทยติดต่อกันนานถึง 5 เดือน (ข้อมูลจากร้านหนังสือบีทูเอส ช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม-กันยายน 2558)

คิม จงสถิตย์วัฒนา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท นานมี บุ๊คส์ จำกัด ที่ได้รับลิขสิทธิ์พิมพ์ “สวนปริศนา” ในฉบับภาษาไทย เล่าว่า งานของโจฮันนาได้รับความสนใจเพราะเป็นลายเส้นที่แปลกใหม่ แถมยังเป็นสมุดภาพสำหรับผู้ใหญ่โดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันมีผลงานจากนักเขียนอีกมากมายที่ออกมาในลักษณะนี้ จนทำให้สมุดภาพระบายสีสำหรับผู้ใหญ่ได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ

“วิทยาศาสตร์การแพทย์ ดนตรี ศิลปะ เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการบำบัดความเครียด แต่มันก็เหมือนมีกำแพงบางอย่าง เช่นบางคนไม่มีเงินไปรักษากับแพทย์ หรือไม่ใช่ทุกคนจะเล่นดนตรีได้ แต่งเพลงได้ การสร้างศิลปะจากศูนย์ก็เป็นสิ่งที่น่ากลัว เพราะเราไม่เคยทำ เพราะฉะนั้นการซื้อสมุดภาพมาระบายสีจึงเป็นศิลปะที่ทำได้ง่ายที่สุด”

คิม บอกว่า ศิลปะจะอยู่กับเราในช่วงวัยเด็ก เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้วมักหายไป ทำให้หัวใจขาดสีสันและความเบิกบาน

“จริงๆ คิมมาลองทำก็ตอนที่มี Secret Garden นี่แหละ ซึ่งปกติคิมเป็นคนค่อนข้างสมาธิสั้น อันนี้ก็จะช่วยผ่อนคลาย ฝึกสติ แล้วมันช่วยเราเรื่องการวางแผนด้วย เพราะแต่ละรูปที่เราจะลงสีเราต้องวางแผนจะใช้สีแบบไหน โทนสีอะไร อีกอย่างที่ได้คือการไม่ยอมแพ้ เพราะการระบายสีเชื่อมโยงกับ AQ (Adversity Quotient : ความฉลาดในการแก้ไขปัญหา) เมื่อเราเจอกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เราจะไม่ยอมแพ้และพยายามคิดแก้ปัญหาให้ได้ เหมือนงานที่ออกมาบางทีเห่ยมาก เราก็แก้มือใหม่ เหมือนแก้เกม”

ผู้บริหารแห่งนานมีบอกว่า 10 ปีมานี้เทรนด์การดูแลจิตวิญญาณ การดูแลจิตใจ หรือการฝึกสติมาแรงมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นโยคะ การนั่งสมาธิ แต่ก็อีกนั่นแหละ ไม่ใช่ทุกคนจะนั่งสมาธิได้ จึงมีกิจกรรมอื่นๆ ที่จะช่วยให้จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นการฝึกสติให้อยู่กับตัวเอง

เสริมความคิดนี้ด้วยทัศนะของ ลดาวัลย์ น้อยแสน แม่บ้านสาวที่ชีวิตทุกวันวุ่นอยู่กับการเลี้ยงลูก พอมีจังหวะได้พักก็มักจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่ามีอะไรเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลบ้าง สุดท้ายก็เครียดตามข่าวไปโดยไม่รู้ตัว

“เราคิดว่าชีวิตมันไม่สงบเลยเพราะเราเล่นเฟซบุ๊ค หรืออ่านข่าวในไลน์ ในทวิตเตอร์ บางทีมันมีเรื่องทำให้เราทุกข์ร้อนใจกับปัญหาต่างๆ ที่อ่านเจอ ก็บั่นทอน จนกระทั่งลูกเข้าโรงเรียน ก็มีเวลามาร้านหนังสือมากขึ้น เราไปสะดุดตากับสมุดภาพระบายสีซึ่งอยู่บนชั้นหนังสือแนะนำ ชื่อ “สีสันพรรณพฤกษา” ปกสวยมาก แล้วเราเป็นคนชอบดอกไม้ ชอบธรรมชาติ เลยซื้อมาระบาย ทีนี้พอว่างปุ๊บจะหยิบสมุดมาระบายสีแทนการเล่นโทรศัพท์ เราจะเลือกที่เงียบๆ ไม่มีเสียงโทรทัศน์ ปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด แล้วอยู่กับการระบายสีจริงๆ มันทำให้ชีวิตช้าลง ในด้านความคิดเราได้ไตร่ตรองมากขึ้น มีสติมากขึ้น เพราะตอนระบายเราจะไม่ชอบให้สีเลอะออกนอกเส้น เลยต้องมีสมาธิกับตรงนี้” ลดาวัลย์ อธิบายแบบนั้น

 

ความลับในเส้น-สี

หลายคนบอกว่า ระบายสีแล้วมีสมาธิมากขึ้น แต่อธิบายไม่ได้ว่าเพราะอะไร ซึ่งหากลองสังเกตในสมุดภาพระบายสี จะพบว่ามีความลับบางอย่างซ่อนอยู่

ภาพส่วนมากที่ปรากฏอยู่ในสมุดมักจะมีรูปวงกลม ซึ่งในวงกลมนั้นจะแทรกซ่อนไว้ด้วยรูปเรขาคณิตต่างๆ รวมถึงภาพธรรมชาติ ดอกไม้ ใบไม้ สิงสาราสัตว์ และภาพที่ปรากฏรวมเป็นวงกลมนั้นมีศัพท์แสงที่เรียกรวมกันว่า “มานดาลา” (Mandala)

ครูเอ๋-อรุโณทัย ไชยช่วย นักการศึกษาเพื่อการเยียวยา และเจ้าของผลงาน “Mandalas แบบฝึกสมาธิและความอดทน สำหรับอายุ 5-99 ปี” เคยอธิบายไว้ในหนังสือของเธอว่า มานดาลา เป็นคำในภาษาอินเดียโบราณที่หมายถึง “วงกลม” หรือ “ศูนย์กลาง” ภาพวาดวงกลมนี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในปัจจุบันเราเองก็อยู่กับวงกลมเหล่านี้ทุกวันแต่อาจไม่ได้สังเกต ไม่ว่าจะเป็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดอกไม้ หรือต้นไม้ นอกจากนี้ในทุกๆ วัฒนธรรม วงกลมนั้นยังเป็นสัญลักษณ์สำหรับวงจรชีวิต

“การระบายสีภาพมานดาลาจะช่วยให้เด็กมีสมาธิดีและยาวนานขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้เด็กมีความอดทนในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างรอบคอบด้วย”

ในทิเบตและภูฏาน มานดาลาเป็นจิตรกรรมตันตรยานชั้นสูงแขนงหนึ่งที่รับอิทธิพลมาจากศาสนาฮินดูว่าด้วยเรื่องของภูมิจักรวาล มานดาลาจึงเป็นส่วนหนึ่งของปรัชญาการถ่ายทอดพระธรรม ด้วยสัญลักษณ์ของรูปเรขาคณิตซึ่งแสดงถึงภูมิจักรวาล ผ่านเส้นและสีอันสลับซับซ้อน แฝงความหมายทั้งรูปธรรมและนามธรรม โดยใช้ควบคู่ไปกับคำว่า “โพธิ” ที่หมายถึงการตื่น การบรรลุธรรม

เพราะฉะนั้นเมื่อจิตใจจดจ่ออยู่กับภาพมานดาลา ซึ่งมีองค์ประกอบเป็นธรรมชาติในรูปต่างๆ ก่อเกิดการรับรู้ทางความคิดที่มุ่งไปสู่จุดศูนย์กลางของภาพ ที่เป็นการทำงานสอดประสานกันของประสาทตา และสมองทั้งซีกซ้ายและซีกขวา ทำให้เกิดสมดุล ส่งผลให้เกิดสมาธิได้โดยง่าย

ไม่เพียงแค่รูปทรงมานดาลาเท่านั้น แต่ “สี” ที่ใช้ในการระบายภาพยังมีผลเกี่ยวเนื่องต่ออารมณ์ ความรู้สึก และสภาพจิตใจ ทำให้เกิดความผ่อนคลายขณะทำงานศิลปะด้วย

“เราชอบสีนะ เพราะมันมาจากอารมณ์ของเรา” อมรรัตน์ หมุดทอง เจ้าของธุรกิจส่วนตัว บอก ก่อนจะเสริมว่า การเลือกสีให้สัมพันธ์กับภาพเป็นความสนุกอย่างหนึ่ง ซึ่งช่วยให้เกิดความท้าทาย และเมื่อภาพสำเร็จออกมาแล้วสวยงามสมความตั้งใจก็จะยิ่งมีความสุข

“บางภาพเราจินตนาการถึงสีของทุ่งดอกไม้ อย่างทุ่งแซฟฟรอนที่เราคิดถึง สีที่ระบายก็จะกลายเป็นสีทุ่งแซฟฟรอนที่เราเคยเห็น หรืออย่างบางภาพเรารู้สึกมีความหวัง ความฝัน สีที่ใช้ก็จะกลายเป็นโทนสีชมพู สีม่วง คือรูปภาพและสีมันสะท้อนอารมณ์ ความคิดถึง ความฝัน และอื่นๆ ในตัวเราได้อีกมากมาย” อมรรัตน์ สรุป

ด้าน คิมซ็อนฮย็อน ผู้บุกเบิกงานศิลปะบำบัดในเกาหลีใต้ และผู้เขียนสมุดภาพระบายสีสำหรับผู้ใหญ่ “ความฝัน” (Dream) อธิบายถึงพลังสีบำบัดว่า พลังสีบำบัดคือการใช้สีผ่อนคลายอารมณ์และความเครียด พลังแห่งสีสะท้อนความรู้สึกของแต่ละคนออกมาอย่างหลากหลายขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจในขณะนั้น

“การใช้สีช่วยบำบัดความเครียดได้ ตัวอย่างเช่น การใช้สีโทนเย็นจะช่วยให้จิตใจสงบ บรรเทาความหดหู่และความเครียดได้ หากเลือกใช้สีโทนร้อนจะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 ทำให้รู้สึกสดชื่น มีพลัง กระตือรือร้น และกระฉับกระเฉง”

นักเขียนชาวเกาหลีใต้ยังระบุอีกว่า มีงานวิจัยอายุเฉลี่ยระหว่างศิลปินกับคนทั่วไป พบว่า ศตวรรษที่ 19 ศิลปินมีอายุยืนยาวกว่าคนทั่วไปถึง 20 ปี ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เหล่าศิลปินอายุยืนมาจากงานศิลปะของพวกเขานั่นเอง

เมื่อมนุษย์เริ่มสร้างสรรค์งานศิลปะ สมองจะหลั่งสารโดพามีน(Dopamine) ออกมา ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่หลั่งตามปกติขณะทำกิจวัตรประจำวัน เมื่อศิลปินได้สัมผัสสีและเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อมือเป็นประจำ จึงช่วยกระตุ้นสมองให้หลั่งสารโดพามีนออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังช่วยกระตุ้นสมองซีกซ้ายด้วย อาจกล่าวได้ว่ากิจวัตรของศิลปินมีส่วนขช่วยให้เกิดความสมดุลระหว่างสมองซีกซ้ายกับซีกขวา ซึ่งเป็นเคล็ดลับที่ช่วยให้อายุยืน

 

ยาดีบำบัดใจ

อย่างไรก็ดี การระบายสีที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้อาจช่วยเรื่องของการสร้างสมาธิ และผ่อนคลายความตึงเครียดได้ แต่ไม่ใช่ “การบำบัด” ในทัศนะของการแพทย์มนุษยปรัชญา

“การบำบัดคือต้องรู้ว่าป่วยอะไรจึงเข้าสู่กระบวนการบำบัด” ครูมอส-อนุพันธุ์ พฤกษ์พันธ์ขจี จิตรกรและนักศิลปะบำบัด ผู้ก่อตั้ง 7 Arts Inner Place หรือสตูดิโอศิลปะด้านใน บอกแบบนั้น ก่อนจะอธิบายให้ฟังว่า การระบายสี หรือ painting นำมาใช้ในงานศิลปะบำบัดอย่างไร แต่สมุดภาพที่เห็นนั้นเป็น Coloring หรือการลงสี ไม่ใช่การระบายสี เพราะฉะนั้นจึงไม่เรียกว่า การบำบัดด้วยการใช้สี

ในแง่ของนักศิลปะบำบัดไม่ได้มองว่าการลงสีว่ามีความหมายไปในเชิงบวกหรือลบ แต่ถ้าต้องการให้ใครคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในช่วงที่ติดขัดอะไรบางอย่าง อยู่ในสภาวะตึงเครียด หรือไม่สมดุล ได้หลุดพ้นจากสิ่งนั้น ครูมอสแนะนำว่า ควรให้สีเคลื่อนที่เข้าหากันแบบไม่มีกรอบ อย่างที่เรียกว่า “การระบายสี” จึงได้รับพลังของสีอย่างเป็นธรรมชาติ

“การระบายสี สามารถทับสีกันได้หลายๆ ครั้ง เพื่อเกิดความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เป็นความสัมพันธ์แบบธรรมชาติ สมมติเรามองท้องฟ้าตอนเย็น พระอาทิตย์กำลังจะตก สีกำลังผสานเป็นส้ม แดง เป็นลักษณะของ “สีหายใจได้” คือสีที่กำลังเคลื่อนที่ไปหาอีกสีหนึ่งอย่างกลมกลืนกัน”

ครูมอส บอกว่า งานของการบำบัดคือพยายามให้สีหายใจได้ จึงควรใช้พู่กันและสีน้ำเพื่อความชุ่ม เกิดความสัมพันธ์กับระนาบ ดังนั้นสีจึงมีชีวิตชีวา และเคลื่อนที่ได้

“สีทำงานกับ heart แต่เส้นทำงานกับ head เวลาทำงานกับความสมดุลเราควรทำงานกับ heart มากๆ คนปัจจุบันไม่สบายใจ เราต้องการ heart ที่ flow ไม่ได้เน้นทำงานกับ head งานบำบัดของมนุษยปรัชญาเราพูดถึง “หัวใจ” มาก เพราะคนยุคนี้ไม่ค่อยให้ความสำคัญ จะคิดที่หัว แต่จริงๆ เราต้องการหัวใจที่เบิกบาน”

สมุดภาพระบายสีที่กำลังได้รับความนิยมอยู่นี้ ครูมอสบอกว่า ช่วยให้มีสมาธิ นั่นก็เพราะ “การลงสี” ทำงานสัมพันธ์กับ “การจดจ่อ” เป็นหลัก

“มันเป็นส่วนหนึ่งของหนังสือที่ให้คนจดจ่ออยู่กับตัวเองในยุคปัจจุบัน แทนที่จะไปทำอย่างอื่น ปัจจุบันผู้คนหาวิธีจดจ่ออยู่กับตัวเอง ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็อาจมีกิจกรรมสร้างสรรค์อย่างอื่นที่จดจ่ออยู่กับตัวเอง แต่ยังไม่ใช่สิ่งที่จะเรียกว่า “การบำบัด” ครูมอสสรุป

ไม่ว่าจะเป็นศิลปะเพื่อการบำบัด เยียวยา หรือว่าผ่อนคลาย แต่ถ้าได้ลงมือปฏิบัติเองแล้ว มักให้ผลลัพธ์ที่ดีเสมอ เพราะอย่างน้อยเราก็ได้อยู่กับตัวเอง และมีความสุขที่ได้อยู่กับธรรมชาติ

แม้จะเป็นธรรมชาติที่ซุกซ่อนอยู่บนแผ่นกระดาษก็ตามที