'ดีเจภูมิ'ยุติให้ข้อมูลสธ.กลางคัน ระบุถามชี้นำ

'ดีเจภูมิ'ยุติให้ข้อมูลสธ.กลางคัน ระบุถามชี้นำ

"ดีเจภูมิ"ยุติให้ข้อมูลสธ.กลางคัน ระบุถามชี้นำ ไม่เกี่ยวประเด็นโพสต์รูปเบียร์ในไอจี หวั่นถูกโยงกระทบบุคลอื่น หากจำเป็นพร้อมสู้ชั้นศาล

สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นายภูมิใจ ตั้งสง่า หรือดีเจภูมิ พร้อมทนายความส่วนตัวเดินทางเข้าให้ข้อมูลต่อเจ้าพนักงานตามพรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กรณีโพสต์ภาพถ่ายคู่เบียร์ยี่ห้อหนึ่งลงในอินสตราแกรม(ไอจี)ส่วนตัว ซึ่งเข้าข่ายตามมาตรา 32 ของพรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ฐานความผิดเกี่ยวกับการโฆษณา 

นายภูมิใจ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าให้ข้อมูลสธ.ว่า มีความพร้อม 100% ในการเข้ามาให้ข้อมูลต่อเจ้าพนักงาน และไม่มีความกังวลใจต่อเรื่องนี้ กิจกรรมที่เข้าร่วมนั้นเป็นแคมเปญน้ำดื่ม ไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากเห็นว่ามีความผิดก็ยอมรับ แต่ส่วนตัวเห็นว่ากฎหมายตัวนี้ยังเป็นสีเทา ไม่มีความชัดเจนมากพอที่จะบอกได้ว่าแบบไหนผิด แบบไหนถูกทำให้เกิดความเข้าใจผิด เช่น ถ้าเห็นแค่ขวดไม่เห็นโลโก้ ผิดหรือไม่ ถ้าดื่มน้ำผลไม้ปั่นจะมองว่าเป็นการดื่มไวน์หรือไม่ ถ้าถ่ายรูปแล้วติดภาพรถขนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขับผ่าน แบบนี้จะถือว่าผิดหรือไม่ ตรงนี้ยังไม่มีความชัดเจนเลย ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ไม่วามารถตอบแทนประชาชนได้ว่าทราบเรื่องกฎหมายนี้หรือไม่ แต่ส่วนตัวเองก็ยังไม่ทราบถึงกฎหมายดังกล่าวแต่อย่างใด

"เป็นคนชักชวนเนย เนโกะจั๊มเข้าร่วมโพสต์ภาพจริง แต่แคมเปญ 90 องศาเป็นน้ำดื่มของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน)จริง ส่วนตัวแล้วทำงานกับบริษัทนี้มานาน มีหลายกิจกรรมที่ตนเข้าร่วม ประกอบกับส่วนตัวเป็นคนโพสต์ชอบดื่มและเป็นที่มีภาพลักษณ์ของการสังสรรค์อยู่แล้ว ภาพเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ยอมรับว่าทำไปตามคำชักชวนของเพื่อนที่ทำงานในบริษัทดังกล่าว แต่ไม่ได้รับค่าจ้างในการโพสต์ภาพโชว์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนที่กลุ่มนักสืบพันทิปตั้งข้อสังเกตโพสภาพโชว์ขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พร้อมกันกับดาราศิลปินคนอื่นนั้น ที่มีภาพปรากฏในแคมเปญน้ำดื่ม ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตกันไปเอง"นายภูมิใจ กล่าว

ดีเจภูมิ ให้สัมภาษณ์หลังเข้าให้ข้อมูลสธ.ว่า การให้ข้อมูลก็ตอบไปตามความเป็นจริง แต่หลายคำถามไม่เกี่ยวกับประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าว เกรงว่าถ้าให้ข้อมูลไปแล้วจะกลายเป็นการปรักปรำตนเองจึงขอยุติการให้ข้อมูล เช่น ถามถึงภาพหนึ่งที่ปรากฏในเวบไซต์หนึ่งนานมาแล้วว่าตนเป็นคนโพสต์หรือไม่ ซึ่งตนก็จำไม่ได้แล้วว่าเป็นภาพอะไรอย่างไร หากพนักงานเจ้าหน้าที่จะเรียกเข้ามาให้ข้อมูลอีกก็คงต้องพิจารณาก่อน ถ้าเรื่องนี้ต้องขึ้นสู่ชั้นศาลจริงตนก็โอเค และปรึกษาทนายความก่อน

นายพิสุทธิ์ รักวงษ์ ทนายความส่วนตัวดีเจภูมิ กล่าวว่า ภูมิได้เข้าให้ถ้อยคำโดยให้ข้อมูลไปบางส่วนแล้วต้องยุติการให้ข้อมูลครั้งนี้ เนื่องจากเรื่องที่เจ้าพนักงานซักถามไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ปรากฏตามข่าว ไม่ได้สอบถามในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับอินสตาแกรม อีกทั้ง คำถามเป็นลักษณะคำถามปลายปิดที่ถามในประเด็นอื่น ซึ่งเราไม่มีข้อมูล และเกรงว่าจะเป็นเข้าไปเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นจำนวนมากที่ไม่เกี่ยวกับการโพสต์ในอินสตาแกรม ซึ่งภูมิได้รับคำถามที่ไม่เหมือนกับศิลปินดารา 4 คนที่เข้าให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา

"ภูมิได้ชี้แจงเรื่องทั่วๆไป โดยผู้ที่มาร่วมในการซักถามจะมีตัวแทนจากอัยการด้วย ทั้งนี้คำถามส่วนใหญ่เป็นคำถามปลายปิด ที่ให้ตอบว่าใช่ หรือไม่ใช่ ไม่ได้เปิดโอกาสให้มีการอธิบาย และคำถามที่ใช้ผมเห็นว่าจะก่อให้เกิดผลกระทบกับบุคคลอื่นให้ได้รับความเสียหาย เช่น ถามถึงการที่มีภาพถ่ายที่ปรากฎบนเว็บหนึ่งว่าเป็นคนโพสต์ภาพนั้นใช่หรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่นานมาแล้ว และไม่เกี่ยวกับกรณีที่มีการโพสต์ภาพคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ครั้งนี้เลย บางคำถามเป็นคำถามที่ควรใช้ในชั้นศาล ไม่ควรใช้ในชั้นเจ้าพนักงาน"นายพิสุทธิ์กล่าว

ด้าน นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมกาควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า คำถามที่ใช้ถามดีเจภูมินั้นเหมือนกับคนอื่นๆ บางคำถามคณะกรรมการฯ ร่วมออกแบบด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าพนักงานสอบถามข้อมูลบางส่วนแล้วทนายความส่วนตัวได้สะกิดดีเจภูมิแล้วขอพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว จากนั้นก็ขอยุติการให้ข้อมูล ถือเป็นสิทธิของดีเจภูมิที่สามารถทำได้ถ้าหากคิดว่าจะกลายเป็นหลักฐานมัดตัวเอง หรือคนอื่นๆ แต่ที่น่าเสียดายที่เจ้าตัวทิ้งโอกาสในการชี้แจงเรื่องราวต่างๆ ไป อย่างไรก็ตาม จากหลักฐานที่มีอยู่ในตอนนี้ถือว่าสามารถดำเนินการส่งฟ้องได้เลย ดังนั้น ถ้าเลือกไม่อธิบายก็ส่งฟ้องตามขั้นตอนปกติ