ลูกยาง (LUKYANG)

งานออกแบบผลิตภัณฑ์และทำธุรกิจด้วยคอนเซปต์ 'พอเพียง-ไม่ยึดติด' ของ วีรพล วงศ์เทวัญ
สิ่งต่างๆ ถูกสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าการใช้งานจะถูกจำกัดตามวัตถุประสงค์นั้น ลูกยาง-วีรพล วงศ์เทวัญ หยิบจับสิ่งต่างๆ มาออกแบบสร้างสรรค์การใช้งานในรูปแบบใหม่เป็นผลงานของ ลูกยาง (LUKYANG)
“ ..เป็นคนที่ชอบออกแบบของอะไรอยู่แล้ว จบดีไซน์มาแล้วก็ชอบออกแบบผลิตภัณฑ์ ลองออกแบบเล่นๆ ดูครับ ใช้ในชีวิตประจำวัน หยิบนู่นหยิบนี่มาออกแบบไป วันหนึ่งเหมือนของที่ออกแบบไปมีคนอยากได้ มีเพื่อนอยากได้ ก็เลยลองทำขายดู ซึ่งของที่ทำเป็นของแนวอีโค-ดีไซน์ (ECO Design) อยู่แล้ว คือเราใช้วัสดุที่มีอยู่แล้วทั่วไปมาออกแบบ (Redesign) ใหม่ เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่” คุณวีรพล เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของ ‘ลูกยาง’
งานออกแบบของลูกยางมีการใช้วัสดุที่หลากหลาย อาทิ หญ้าเทียม หลอดทดลองวิทยาศาสตร์
“ตัวแรกที่เริ่มวางขายเป็นกระเป๋า เอาหญ้าเทียมมาทำเป็นกระเป๋า ตามคอนเซปต์เลยคือ เราไปดึงวัสดุที่เขามีใช้อยู่แล้วมีขายอยู่แล้วในอุตสาหกรรมมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งยังไม่มีใครเอาไปทำด้วย และเป็นการช่วยระบายสต็อก (Stock) เขาด้วย
จากนั้นค่อยๆ เอาของที่เราทำใช้มาพัฒนา เริ่มเอาพวกหลอดทดลองวิทยาศาสตร์มาทำเป็นปากกา ใช้หลอดที่เขามีขายอยู่แล้ว เป็นหลอดใหม่ มาทำเป็นปากกา ใช้เศษไม้ที่เหลือจากอุตสาหกรรม เป็นเศษไม้ที่เขาทำเฟอร์นิเจอร์แล้วมันเหลือ เราก็เอามาทำเป็นปลอกปากกา คือทุกชิ้นเราไม่ต้องไปผลิตชิ้นใหม่เลย เราเอาที่มีอยู่แล้วมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่” คุณวีรพล บอก
ของใช้ในชีวิตประจำวันที่คุณวีรพลออกแบบยังรวมไปถึงของใช้ในครัว
“บิกเกอร์ (Beaker) เราก็เอามาดีไซน์เป็นชุดอุปกรณ์ใส่อาหาร ใส่เกลือพริกไทย ใส่เครื่องปรุงต่างๆ ตัวขวดเป็นแก้วมันมีคุณสมบัติใส่อาหารได้อยู่แล้ว และเป็นขวดใหม่ ไม่ได้เป็นขวดที่เอากลับมาใช้ใหม่ (Reuse) ดีไซน์ให้มันเกิดฟังก์ชันในการใช้งาน.. หรือหลอดทดลองใส่ลูกอมก็ดีไซน์ฝาให้เป็นจานไปด้วย ใช้เก็บในตัวด้วยและสามารถเอามาใส่กินระหว่างดูทีวีอะไรแบบนี้ได้ด้วย ในตัวเดียวกัน”
แนวคิดในการนำวัสดุที่ถูกสร้างมาเพื่อการใช้งานแบบหนึ่งมาออกแบบเป็นของใช้ที่ดูไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันนี้ คุณวีรพล อธิบายว่า
“จริงๆ เป็นคนที่ไม่ยึดติดกับวัสดุอะไรเลย อย่างที่บอกว่าเราใช้วัสดุที่มีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการยึดติดกับวัสดุเช่นมันจะต้องเป็นผ้า เป็นหนัง หนึ่งมันเดิมๆ ซ้ำกับตลาด สองคือสำหรับตัวเองมันมีเซนส์ (Sense) บางอย่างที่มันยังไม่คลิกพอ ยังไม่ใช่ โดยส่วนตัวชีวิตประจำวันเราเห็นอะไรแล้วเราจะมีเซนส์บางอย่างที่ เอ้ย อันนี้มันน่าสนใจ มันน่าจะเอามาทำอะไรได้ ไปเจอหญ้าเทียมก็คิดว่าด้วยวัสดุของเขายืดหยุ่น ค่อนข้างเหนียวและหนา ก็เลยเอามาทำกระเป๋าดู”
ล่าสุด คุณวีรพล ได้รับรางวัลจาก โครงการรางวัลสินค้าไทยที่มีการออกแบบดี หรือ Design Excellence Award (DEmark) จากงานออกแบบ ‘ปฎิทินปลูกผัก’
“ที่บ้านจะปลูกต้นไม้อยู่แล้ว พ่อแม่จะปลูกผักกินเอง ไม่ได้ปลูกจริงจังนะครับ แต่ว่าปลูกแค่เหมือนปลูกให้พอไม่ต้องไปซื้อก็ได้ รีบๆ เราก็สามารถเอามาใช้ได้อะไรแบบนี้ มันเหมือนเป็นไลฟ์สไตล์ไปแล้ว พอดีช่วงปลายปีอยากทำปฏิทินก็คิดว่าจะทำอย่างไรดีให้คนใช้สามารถมีประสบการณ์ร่วมไปด้วย เหมือนเล่นกับปฏิทินไปได้ มีความสุขไปด้วย
ลองมาคิดดูว่าปฏิทินมีจุดเด่นอะไร ฟังก์ชันมันคืออะไร ฟังค์ชั่นคือบอกเวลา บอกวัน ซึ่งหลายๆ คนก็จะใช้ปฏิทินเป็นตัวกำหนดวัน หรือบางทีก็ใช้เป็นการเคาท์ดาวน์อะไรแบบนี้ เห็นว่าปฏิทินสามารถตั้งเวลาได้เราก็เลยเอาผักมาใส่ดู เพราะเวลาเราปลูกผัก สมมติเราปลูกเดือนที่หนึ่งไปแล้ว มันอาจจะงอกจะโตขึ้นมายังกินไม่ได้ เดือนที่สองเรามีผักอีกชนิดหนึ่ง ถ้าเขาปลูกขึ้นมันก็จะขึ้นมาได้อีก เดือนที่สามปลูกอีก เดือนที่หนึ่งอาจจะได้กินแล้ว มันจะไล่ไปเรื่อยๆ จนครบปีเราอาจมีผักได้กินไปเรื่อยๆ ทั้งปี เผลอๆ อาจจะเหลือถึงปีหน้าด้วย เพราะผักบางอย่างเช่นพริกเป็นพืชล้มลุกที่สามารถอยู่ได้นาน อย่างกระหล่ำปลีเป็นพืชล้มลุกอาจจะได้กินแค่ครั้งเดียว มันจะสลับกันไป ถ้าเราปลูกทั้งหมดนะ” คุณวีรพล บอก
“ตอนคิดก็พยายามดูว่าผักชนิดไหนมันเหมาะสมกับเดือนไหน ผักชนิดนี้เหมาะที่จะปลูกฤดูไหน ซึ่งปริมาณเมล็ดที่ใส่ให้ก็ไม่ได้เยอะ นิดเดียว คือเราโฟกัสที่คนเมืองมากกว่า เพราะฉะนั้นเขาคงไม่มีพื้นที่มากพอที่จะปลูกอะไรได้เยอะขนาดนั้น ก็ใส่ไปแค่นิดเดียว และเผื่อไว้ คือจริงๆ เมล็ดที่อยู่ในซองสามารถใช้ได้หลายครั้งถ้าเราปลูกทีละนิด แต่ถ้าเราปลูกหมดเลยเราก็จะได้กินทีเดียว อาจจะกินไม่หมด ถ้าปลูกได้นะครับ (หัวเราะ) ใช้หลักการพอเพียงมากกว่า เหมือนเราช่วยเหลือตัวเองไปด้วย”
รางวัลนี้ไม่ใช่รางวัลแรกของคุณวีรพล ก่อนหน้านี้คุรวีรพลได้รับรางวัลจากการประกวดออกแบบ อาทิ 2008 D'MOND YOUNG DESIGNER DYDA6, 2009 S T O U : PACKAGING DESIGN AWARD, 2011 DEGREE SHOW, 2013 PET HOUSE DESIGN CONTEST :PETPLE MAGAZINE, 2013 BRIDGESTONE LIFESTYLE IDEA CONTEST
“วงการดีไซน์ไม่มีตัวอะไรมาวัดว่าหรือการันตีได้ว่างานออกแบบเราหรือของคนอื่นมันดีหรือไม่ดี มันไม่เหมือนการทำข้อสอบที่มันจะต้องมีถูกผิด งานประกวดพวกนี้จะช่วยให้เราวัดได้ว่าเราออกแบบมาโอเคไหม ถ้าเขาเห็นว่าเราออกแบบมาโอเคก็เขาจะให้เรา เป็นตัวการันตีเหมือน ISO 9000 อะไรพวกนั้น และทำให้เราเจอคนมากขึ้น ได้เจอคนที่ทำงานประกวดด้วยกัน เกิดเครือข่ายขึ้นมา”
ความสนใจในการออกแบบอีโค ดีไซน์ คุณวีรพล บอกว่า
“จริงๆ ตั้งแต่เริ่มเรียนเลย เข้าปีหนึ่งเป็นช่วงแรกๆ ที่เขารณรงค์เรื่องการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาจารย์สอนเรื่องอีโคทำให้เราเห็นว่ามันเป็นอะไรที่ไม่ใช่เทรนด์ แต่มันยั่งยืนกว่า.. เราก็ทำอะไรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมดีกว่า คือคนอื่นจะผลิตอะไรก็ให้เขาผลิตไปเพราะมันมีอยู่แล้ว เขาได้ใช้จริงๆ มันมีคุณภาพ ของเราเรื่องวัสดุอาจจะสู้เขาไม่ได้แต่เราใช้แนวคิดของเรา มันมีอายุการใช้งาน ใช้วัสดุเท่าที่มีในระบบ คือเราให้เขาผลิตไปแล้วเราก็ใช้สิ่งที่มีอยู่แล้วมาทำเป็นผลิตภัณฑ์
อีกอย่างด้วยตัวแบรนด์เป็น Product Lifestyle ครับ ไม่ได้มีความจำเป็น คือไม่ใช้ก็สามารถอยู่ได้ เลยไม่คิดที่จะทำอะไรที่ต้องผลิตออกมาเยอะ เอาเท่าที่มี.. ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ได้ตามเทรนด์มาก.. ไม่เชิงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรอก แต่ว่ามันควรจะมีเหตุผลว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และมันจะจบตัวมันไปได้อย่างไร เหมือนปฏิทินทั่วๆไปแค่บอกวันและพอหมดปีก็ทิ้ง แต่เราไปใส่ฟังก์ชันว่าให้มันสามารถไปใช้งานต่อได้ บางคนเขาอาจจะไม่ได้ปลูกผักสามเดือนก็ได้ครับ เพราะเขารอหมดปี ลูกค้าบางคนยังไม่ได้แกะเลย เขาอยากให้หมดปีก่อนค่อยแกะ มันยืดอายุการใช้งานไปได้อีก เวลาเราสร้างเราก็ควรจะปิดให้เขาด้วยว่าเขาควรจะจบอย่างไร”
คุณวีรพล ดำเนินธุรกิจของ ‘ลูกยาง’ บนพื้นฐานของคำว่า ‘พอเพียง’
“เราค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่น เพราะเราไม่ได้ขายของทั้งปี จะผลิตออกมาแค่ช่วงหนึ่่ง อาจจะเป็นช่วงเทศกาลหรือโอกาสพิเศษแล้วก็ขายแค่ช่วงนั้นช่วงเดียว พอของหมดก็คือหมด แล้วเดี๋ยวเวียนกลับมาขายอีกรอบหนึ่ง ประมาณนั้นครับ
ตัวผมเองยึดแนวพอเพียง ถ้าเราผลิตมากเราก็ต้องเก็บสต็อก กังวลเรื่องระบายสินค้าอย่างไร คือเราต้องบริหารตลอดเวลา แต่ถ้าเราคิดมาแล้วว่าเราจะผลิตเท่านี้ กลุ่มลูกค้าเรามีประมาณเท่านี้ แล้วเราผลิตมาให้พอเพียงกับเขา เราก็จะได้กำไร ต้นทุนกับรายได้มันได้อยู่แล้วกำไร เพียงแต่มันไม่ได้ขายตลอด แค่ช่วงเดียวแล้วได้มาก้อนเดียว ถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ก็ไม่ได้เรียกว่ารายได้ดี แต่ถ้ามีคนมาถามว่ารายได้ดีไหม เราก็จะบอกว่ามันก็ดีนะ มันขายหมดน่ะ มันได้กำไร มันไม่ได้ขาดทุน”
นอกจากงานออกแบบของ ‘ลูกยาง’ คุณวีรพล ยังทำงานออกแบบในฐานะ Design Service ทั้งการสร้างแบรนด์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงงานด้านภาพลักษณ์ของแบรนด์
“ ..ตัวผลิตภัณฑ์เราเป็นคนชอบของใช้ คือชอบทำอยูแล้วและเราอยากจะแชร์สิ่งที่เราทำให้คนอื่น ให้เขาเกิดแรงบันดาลใจ (Inspire) ด้วย.. ส่วน Design Service พอผมไปเรียนธุรกิจ (Business) มา ผมมีความรู้สึกว่าถ้าเราทำธุรกิจได้แล้วเราทำไปทำไมถ้าเราทำได้แค่คนเดียว ถ้าเราเอาสิ่งที่เรารู้ทั้งดีไซน์ทั้งธุรกิจมาช่วยคนอื่นมันจะทำให้ระบบเศรษฐกิจดีขึ้น เลยอยากช่วยผู้ประกอบการด้วยครับ” คุณวีรพล กล่าว
“ผู้ประกอบการรายเล็กๆ จะไม่ค่อยนึกถึงว่าดีไซน์มีความสำคัญ มันค่อนข้างจะมีความสำคัญมากเพราะมันทำให้ลูกค้าเห็นภาพลักษณ์ของเขา.. ผมเคยออกแบบเป็น ‘หนังปลากรอบ’ เขาขายตลาดล่างมากเลย เขามาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี คือเขาจะขายตลาดล่างนั่นล่ะ ผมเลยมานั่งดูว่า เราจะทำอย่างไรให้แบรนด์ของเขาสามารถขายได้ดีขึ้น ตอนที่เขาเอาบรรจุภัณฑ์ (Packaging) ตัวเก่ามาให้คือเขาให้คนอื่นทำมาแล้วแต่รู้สึกว่ามันไม่ค่อยโอเค เขาเป็นคนรุ่นเดียวกับผม คือมองอะไรใหม่ๆ
..โจทย์เขาให้มาว่า พิมพ์แค่สีเดียว ต้นทุนค่อนข้างต่ำ ผมเลย Rebrand ให้หมด ลงไปดูว่าตลาดเขาหนังปลากรอบเป็นแบบไหน จะไปขายอย่างไร ผมเห็นว่าในตลาดค่อนข้างจะเหมือนกันหมด แต่ละคนจะคิดแต่ว่าทำอย่างไรจะทำให้มันดูถูก ให้เขากับคนที่จะซื้อ แต่ผมกลับมองอีกอย่างหนึ่งว่าเราไปแย่งซีน (Scene) เขาดีกว่า ในเมื่อเราพิมพ์ได้แค่สีเดียวก็เลือกสีให้มันเหมาะสม ผมใช้สีขาวเพราะเป็นสีที่ดูสะอาด และมันไปขับสีของตัวหนังปลากรอบออกมา กลายเป็นว่าหนังปลากรอบจะเด่นขึ้น พอไปวางคู่กับพวกคู่แข่งเจ้าอื่นเป็นใสๆ มีสีส้มสีอะไรแบบนี้ กลายเป็นของเขาเด่นกว่า พวกแม่ค้าพวกร้านอาหารก็อยากจะเอามาลองมากกว่า มันดูน่าจับน่าใช้ ถึงมันจะดูแพงขึ้นไปหน่อยหนึ่ง แต่จริงๆ มันก็เท่าเดิม คือมันแค่ดูดีขึ้น แต่ทุกอย่างเหมือนเดิม ก็ทำให้เขาขายได้ดีขึ้น เพราะความที่มันไม่เหมือนใคร”
ร้าน ‘Ami Bakery Cafe เป็นอีกหนึ่งการออกแบบของคุณวีรพล
“อย่างร้านนี้ค่อนข้างเรียบ (Simple) มากๆ ด้วยชื่อด้วยอะไรไม่มีอะไรเป็นเอกลักษณ์ เจ้าของร้านอยากได้น่ารัก หวานๆ ก็เหมือนทั่วๆ ไป ผมพยายามจะหาอะไรที่เป็นลูกเล่น (Gimmick) อย่างเช่นเอาเขียงมาทำเป็นเมนู เพราะมันยังไม่มีใครเอามาทำตรงนี้ เอามาเป็นลูกเล่นเล็กๆ ให้ใครมาร้านนี้แล้วเจออันนี้เขาก็จะนึกถึงว่า ถ้าเป็นร้านนี้มันจะมีเขียงที่เป็นเมนู พยายามสร้างเอกลักษณ์ให้”
วันนี้อาจเรียกได้ว่า ‘ลูกยาง’ เพิ่งเริ่มต้นออกเดิน สำหรับเส้นทางข้างหน้า คุณวีรพล บอกว่า
“ ..Design Service ยังคิดว่าอยากจะช่วยผู้ประกอบการ ยิ่งเป็นรายเล็กๆ ยิ่งชอบ เพราะเขาขาดความเข้าใจทางด้านนี้ รายเล็กๆ อนาคตเขาจะสามารถโตเป็นรายใหญ่ได้..
แนวทางผลิตภัณฑ์ของตัวเองก็เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและธุรกิจค่อนข้างจะยึดหลักพอเพียง พอประมาณดีกว่า ไม่อยากเข้าไปสู่ตลาดที่มีการแข่งขันเยอะๆ ..ถ้าเราทำมาเยอะเราก็จะลำบาก ต้องเก็บสต็อก ต้องพยายามที่จะทำทุกอย่าง ซึ่งจะตามมาด้วยความกดดัน แล้วเราจะรู้สึกว่าสิ่งที่เราทำไม่มีความสุขแล้ว ถ้าเราค่อยๆ ทำ เราจะสบายใจมากกว่า.. ”
หมายเหตุ
LUK YANG
-http://www.lukyang.com/
-https://www.facebook.com/LUKYANGDESIGN







