ภูเขาแห่งศรัทธา : โคยะซัง

ภูเขาแห่งศรัทธา : โคยะซัง

ตามรอยเส้นทางแสวงบุญ ศูนย์กลางนิกายชินกงของแดนอาทิตย์อุทัย

โคยะซัง คือ ชื่อเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงสุดในเทือกเขา 8 ลูก ที่ถูกเปรียบเปรยเป็นเหมือนดอกบัวพ้องกับความเชื่อและศรัทธาต่อพุทธนิกายวัชรยานหรือ ชินกง (Shingon) ในภาษาญี่ปุ่น สถิตยบนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และยังคงเป็นศูนย์รวมทางจิตวิญญานของเหล่าผู้ศรัทธา มานานนับพันปี เป็นเส้นทาง และสถานที่แสวงบุญอันศักดิ์สิทธิ์แห่งเทือกเขาคิฉิ

เมื่อราว 1200 ปีก่อน (ปี ค.ศ.804 ) สมัยราชวงศ์ถังหนุ่มวัย 20 ปี ชื่อ คูไค (Kukai) ได้ออกบวช และเดินทางข้ามทะเลจากญี่ปุ่นไปยังเมืองซีอาน ประเทศจีนได้ปฏิบัติธรรมและศึกษาพุทธสายวัชรยาน ซึ่งเน้นการวิปัสสนาเพียงลำพัง และเข้าถึงพระธรรมเฉพาะตัวเองจากพระอาจารย์เคกะ ต่อมาพระคูไค ได้รับตำแหน่งพระวัชรธราจารย์องค์ที่ 8 และได้รับฉายาว่า “โคโบไดฉิ”ที่นำพุทธนิกายวัชรยานจากจีนมาเผยแพร่ในญี่ปุ่น และเลือก เขาโคยะ (โคยะซัง-ซัง San ภาษาญี่ปุ่นแปลว่าภูเขา) เป็นสถานพำนักและปฏิบัติธรรม

ระหว่างวันที่ 2 เมษายน-31 พฤษภาคม 2558เป็นช่วงเวลาสำคัญของศาสนิกชนชินกง จากทั่วญี่ปุ่น และ พุทธสายวัชรยานจากทั่วโลก ที่จะเดินทางมา“แสวงบุญ” ในสถานที่ ศูนย์กลางอายุพันปีแห่งนี้ใน

วันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา คณะสื่อมวลชนจากไทยได้โอกาสไปเยี่ยมชมและได้เห็นกิจกรรมทางศาสนาสะท้อนความงาม และมิติทางศาสนาของญี่ปุ่น

การได้ชมพิธีกรรมของพระสงฆ์และศาสนิกชนที่จาริกมายังวัดโคยะซัง ไดฉิ เคียวไก วัดใหญ่ศูนย์กลาง ของนิกายชินกงของแดนอาทิตย์อุทัย ต่อหน้ามหาวิหารสีแดงสด ดันโจ การัน (Danjo Garan) ในเขตเมืองโคยะซัง ซึ่งยังเต็มไปด้วยพลังของศรัทธา

เข้าวัด-นอนวัด

สำหรับผู้มาเยือนที่จะดั้นด้นขึ้นไปวัดดังกล่าว อาจเรียกได้ว่าเป็นการท่องเที่ยวเชิงพุทธ ซึ่งคราวนี้ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จัดโดย การท่องเที่ยวแห่งเมืองวากายามะ ร่วมกับ สายการบิน ไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ พาไปสัมผัส นอกจากการสูดอากาศบริสุทธิ์ การชื่นชมความงามของดอกไม้บนยอดเขาและทิวทัศน์ต้นสนซีดาร์สูงเสียดฟ้า ในมุมเงยคอตั้งบ่า

ในเมืองโคยะซัง มีวัดพุทธจำนวน 52 แห่ง ที่เปิดเป็น “ที่พัก” (temple lodge) ให้ฆราวาสจากทุกศาสนามาสัมผัสประสบการณ์รื่นรมย์ในความเรียบง่าย ห้องพักในแบบเรียวกัง ปูฟูก ฟุตงนอนพื้นบนเสื่อทาทามิประตูกระดาษสาบานเลื่อน

สองชั้น ที่เปิดทะลุห้องนอนไปถึงระเบียงด้านหลังมี สวนญี่ปุ่น ตะเกียงหิน กับพุ่มดอกไม้ และสวนหินเล็กๆ บอนไซต้นเตี้ย

พุ่มไม้ดอกเตี้ยๆ อวดดอกสีชมพูเฉดม่วง ในปลายฤดูหนาวเข้าฤดูใบไม้ผลิ

พระลูกวัด ที่เป็นพระวัยรุ่นตอนปลายจนถึงอายุต้นยี่สิบ ได้ทำหน้าที่ “บริกร” ดูแลผู้มาเยือน ตั้งแต่ ขั้นต้อนรับเข้าที่พัก การจัดหารองเท้าสวมใส่ในอาคารและการบริการเสิร์ฟอาหารมื้อค่ำ จนถึงการยกกระเป๋า เดินทางส่งแขกออกจากที่พัก

ในระหว่างมื้อค่ำที่ห้องอาหารแบบนั่งพื้นบนเสื่อทาทามิ พระลูกวัดสองรูป ได้ทำหน้าที่ เสิร์ฟชาร้อนๆ ตักข้าวสวยญี่ปุ่น และชวนพูดคุย พร้อมทั้งเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย เช่น ความสำคัญของการใช้ตะเกียบคีบอาหาร พระลูกวัดท่านนั้นได้เอ่ยคÌำถาม

แปลกใจคนไทยใช้ตะเกียบได้อย่างคล่องแคล่ว เมื่อรับทราบที่มาของความคุ้นเคยกับตะเกียบของชาวไทยแล้ว พระหนุ่มก็เล่าสาระสำคัญของการทานอาหารมื้อค่ำ ที่เป็นบริการเหมาในราคาห้องพักคืน ละ 12000 เยน (อาหารสองมื้อ เช้า-เย็น) อาหารมื้อค่ำ ที่เรียกว่า อาหารโชจิน (อาหารมังสวิรัติ) นี้ เป็นอาหารของพระผู้ถือศีล ไม่มีการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต จึงประกอบด้วยผัก และเต้าหู้จากถั่วเหลืองเป็นหลัก

เริ่มแรกของการเป็นพระ ต้องฝึกใช้ตะเกียบคีบอาหารให้คล่องแคล่ว และสรวม” พระลูกวัด ท่านนั้น เล่า

การใช้ตะเกียบอย่างสรวมไม่เพียงแต่เป็นรวบรวมสมาธิ แต่ยังแสดงความเคารพและชื่นชมต่ออาหารที่เราทาน แม้อาหารจะเป็นมังสวิรัติ ไม่มีเนื้อสัตว์ แต่พืชก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เราควรเคารพเช่นกัน”

อาหารโชจิน ไม่ต่างจากอาหารสุขภาพที่กำลังเป็นเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ และ “เต้าหู้งาขาว” กลายเป็นเมนูที่รสชาติดี ไม่มีกลิ่นหืนแบบเต้าหู้ถั่วใดๆ ที่เคยทานมาด้วย

วัดพุทธนิกายชินกง ไม่กีดกันฆราวาสออกจากเขตวัด พระสงฆ์ในนิกายนี้สามารถแต่งงานได้ แต่การพบปะระหว่างเพศตรงข้าม ยังต้องมีการสำรวมเช่นกัน

หลังจากมื้อค่ำพระลูกวัดเชิญชวนให้ผู้มาเยือน ร่วมกิจกรรม “ไม่เสียเงิน” อย่างการฝึกคัดพระธรรมบท เป็นการใช้พู่กันคัดลอกพระธรรมบท ปรัชญาปรมิตาหทัยสูตร (The Heart Sutra) ซึ่งใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง

การคัดลอกพระธรรมบทนี้ เป็นกุศโลบายในการฝึกสมาธิและทให้ได้อ่านพระธรรมบท ช่วยให้จิตใจปลอดโปร่ง

เนื่องจากพระธรรมบท เป็นอักขระภาษาจีน อาจจะยากสำหรับคนต่างชาติอยู่บ้าง

อีกหนึ่งกิจกรรมระหว่างการค้างแรมในวัด คือ การร่วมฟังสวดมนต์ตอนเช้า เวลา 06.00-07.00 น. พระญี่ปุ่นสวดภาษาสันสกฤต ก่อนการรับประทานอาหารเช้า

หัวใจสคัญของการมาพักในวัด ไม่เพียงเป็นการเรียนรู้ เปิดประตูพาคนแปลกหน้ามาอยู่ใต้ชายคาศาสนา แต่สำหรับบหลายคน มันกลายเป็น แหล่งพักกายพักใจ เติมพลังให้ชีวิตอันเหนื่อยล้าอีกครั้ง

ท่านเจ้าอาวาส ประจำ วัด Hongakuin หนึ่งใน52 วัด ที่พักดังกล่าวเรียกรวมในภาษาญี่ปุ่นว่า ชูกูโบ (Shukubo หรือ temple lodge) โดยคนที่มาพักพิงในวัด จะทานอาหารเจ ฟังสวดมนต์เช้า และเข้านอนก่อนเที่ยงคืน สัมผัสความสงบ

ของพื้นที่แห่งนี้ ไม่เพียงเป็นคนที่ศรัทธาในพุทธศาสนาเท่านั้น แต่มีคนรุ่นใหม่ไม่น้อยที่หลีกหนีความเครียดในชีวิตประจำวัน และวิถีในเมือง มาอาศัย ธรรมชาติเยียวยา

คนที่มาที่นี่ บางทีมาพร้อมกับความเจ็บปวดหรือบอบช้ำในชีวิตมา การที่เขาได้มาค้างแรมในสถานที่ได้พักใจ และได้ทานอาหารที่ดี ธรรมชาติช่วยเยียวยาเขาได้ มีหลายคนที่มาโคยะซังเพื่อการฟื้นฟู” คูมิโกะ แห่งการท่องเที่ยววากายามะ บอกเล่าถึงคำกล่าวของท่าน เจ้าอาวาสวัด Hongakuin ซึ่งท่านได้ทำหน้าที่เจ้าบ้าน ส่งแขก ในช่วงเช้าของวันเช็คเอาท์ พร้อมรอยยิ้มเปี่ยมเมตตา และคำขอบคุณ

ชิมิโกะซัง สาวญี่ปุ่นวัยราว 50 หนึ่งในแขกที่มาค้างแรมวัดนี้ ได้สนทนากับผู้เขียน ในตอนแช่ออนเซนร่วมกันว่า เธอกับสามีมาจากเมืองทางตอนเหนือของโตเกียว เดินมายังโคยะซัง เพื่อการพักผ่อน และสักการะสุสานเก่าแก่อายุพันปีของผู้ก่อตั้งนิกายนี้ด้วย

แต่ปัจจัยสคัญของการมาที่นี่คือ ธรรมชาติ

ช่วงค่ำระหว่างห้าโมงเย็นถึงสี่ทุ่มแต่ละวัน บริเวณห้องพักจะเปิดห้องอาบน้ำรวม มีบ่อออนเซน ภายในอาคาร แยกชาย-หญิงให้บริการด้วย

สุสานพันปี ศรัทธายังสว่างสไว

ธรรมชาติในภูเขาโคยะ ที่ตระหง่านท่ามกลางเขาสูง 8 ลูก เขียวขจีด้วยไม้สน และหนึ่งในจุดที่เป็นที่ชื่นชมธรรมชาติ และสัมผัสศรัทธาแห่งจิตวิญญาณได้อย่างประหลาด คือ สุสาน อุคุโนะอิน ซึ่งเป็นพื้นที่พำนักชั่วนิรันดร์ของท่าน โคโบไดฉิ

 หลังจากเดินเท้าจากประตูทางเข้าสุสานอุคุโนะอิน ระยะทาง 1.9 กิโลเมตร ผ่าน “สถูป” รูปปั้นต่างๆ รวม2 แสนองค์ ย้อนยุคจากพันปีที่แล้วมาถึงยุคปัจจุบัน ที่เป็น “สุสาน” ทั้งของบริษัทเอกชน ซึ่งทางวัดได้ประมูลขายให้อัญเชิญดวงวิญญาณของบุคคลเหล่านั้นมาสิงสถิตย์อยู่ในบริเวณนี้ได้ แต่ปลายทางลึกเข้าไปในทิวสนซีดาร์อายุร้อยกว่าปี สูงเสียดฟ้านั้น เป็น สุสานของท่านโคโบไดฉิ

ศาสนิกชนสูงวัยจำนวนมาก ในชุดพิเศษนุ่งขาว ห่มขาว จับไม้เท้าตะกายบันไดหินขึ้นไปสักการะอุคุโนะอิน อันเป็นอนุสรณ์สถาน หลบเร้นในป่าสนอายุร้อยปี เพื่อจุดธูปจุดเทียน บูชา ณ สถานที่ที่พวกเขาเชื่อว่า ท่าน โคโบไดฉิ พระผู้ก่อตั้งยังสถิตย์อยู่ที่นั่นและเข้าสู่สมาธิชั่วนิรันดร์ ทอดร่างอมตะ อยู่หลังศาลไม้หลังเก่าแห่งนั้น และพวกเขาจะสวดมนต์บูชาดวงวิญญาณ

ของท่าน เพื่อเป็นสิริมงคล

สุสานโคโบไดฉิ (Kobodaichi Musoleum)เป็นศาลไม้หลังเก่าหลังเล็ก แทรกตัวอยู่ในทิวสนซีดาร์ต้นมหึมา ผู้ที่จะเข้าไปถึง ต้องเดินข้าม สะพานศักดิ์สิทธิ์สะพานอิชิโนะฮาฉิ” ข้ามลำธารสายเล็ก ไปสู่สุสานโคโบไดฉิ และ อาคารโทโรโด (Torodo) หรือตึกแห่งดวงประทีป ที่มีโคมไฟหรือตะเกียงโบราณแขวนจากเพดานนับหมื่นดวง ภายในศาลาที่มีภาพวาดของท่านโคโบไดฉิประดับผนัง มีผู้ศรัทธาตั้งแต่จักรพรรดิ์ญี่ปุ่นเมื่อพันปีก่อน จนถึงเจ้าเมืองยุคโชกุน ตระกูลโตกุงาว่าครองดินแดน จนถึงยุคปัจจุบัน

โดย คูมิโกะ ให้ข้อมูลว่า ตะเกียงที่แขวนในตึกแห่งแสงไฟนี้ หนึ่งดวงมีราคา 1 ล้านเยน สำหรับผู้มีจิตศรัทธา และรายได้นั้น

เข้าสู่มูลนิธิของนิกายชินกงนั่นเอง

สำหรับนักท่องเที่ยว จุดที่ข้ามจากสะพาน อิชิโนะฮาฉิ ไปถึง สุสานโคโบไดฉิ เป็นจุดห้ามถ่ายรูป

พิธีกรรมก่อนข้ามสะพานไปสักการะสุสานโคโบไดฉิ ยังมีจุดที่มีรูปปั้นจิโซ หรือ พระโพธิสัตว์พิทักษ์เด็กปางต่างๆ เรียกว่า มิซูมุเคะ จิโซ (MizumukeJizo) ตั้งเรียงรายให้ผู้ศรัทธา สรงน้ำ ถือเป็นการกรวดน้ำเพื่ออนุโมทนาบุญให้กับบรรพบุรุษของแต่ละคน

ศาสนากับคนญี่ปุ่น เป็นการผสมผสานระหว่างชินโต และ ชินกง มีทั้งพระ(วัด)และ (ศาล)เจ้า ในวิถีชีวิตประจำวันของพวกเขา

ถ้าคุณถามคนญี่ปุ่นว่า เขาเป็นพุทธกันหรือเปล่า เขาก็จะทท่า อืม.(ลังเล) ไม่รู้สินะ แต่ศาสนาจะเข้ามามีส่วนในไลฟ์สไตล์ของเขา อย่างเวลาที่มีลูก พ่อแม่จะพาไปไหว้ศาลเจ้าของชินโต เพื่อขอพรเทพเจ้าให้เด็กเติบโตแข็งแรง แล้วเวลาที่เราตาย เราจะไปทบุญที่วัดพุทธ เพราะมีความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย แบบนี้เป็นต้น” คูมิโกะ ชิมาโมโต้ เจ้าหน้าที่ Wakayama

Tourism Federation อธิบาย

โคยะซัง มีสถานะเป็นเมือง และเมืองโคยะ ซัง ได้รับการประกาศให้เป็น มรดกโลกลำดับที่ 12ของญี่ปุ่น เมื่อเดือนกรกฏาคมปี ค.ศ.2004 อยู่ในเขตปกครองของจังหวัด วากายามะ เป็นเมืองเก่าแก่และเป็นที่ตั้งของ “ศูนย์กลาง” พุทธศาสนาสาย

วัชรยานหรือ พุทธชินกง ในประเทศญี่ปุ่น โดยจังหวัดวากายามะอยู่ทางภาคตะออกเฉียงใต้ของเกาะฮอนชูติดกับจังหวัดโอซากา และจังหวัดนารา