อันเดรอา โบเชลลี ผู้เชื่อมผสานโลกป๊อป-โอเปรา

Exclusive Interview ของ Andrea Bocelli สำหรับการมาเยือนไทย ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น !!
ด้วย "ค่าตัว" ที่สูงเสียจนยากจะได้เห็นการแสดงของเขาเกิดขึ้นในเมืองไทย แต่แล้วความฝันของมิตรรักแฟนเพลงชาวไทยกำลังจะกลายเป็นจริง เมื่อนักร้องโอเปราเสียงเทเนอร์ อันเดราอา โบเชลลิ (Andrea Bocelli) พร้อมด้วยศิลปินรับเชิญ วงออร์เคสตรา และวงคอรัส มีกำหนดการเปิดแสดงคอนเสิร์ต A Magical Night With Andrea Bocelli ขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน 2558 เวลา 20.00 น. ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์
ก่อนที่เหตุการณ์ครั้งสำคัญนี้จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า อันเดรอา โบเชลลิ ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟ สำหรับ "จุดประกาย" เป็นกรณีพิเศษ
ต่อจากนี้ คือความคิดอ่าน และความรู้สึกของเขาที่ส่งตรงถึงแฟนเพลงในประเทศไทยโดยเฉพาะ
ในฐานะนักร้องโอเปรา คุณรู้สึกอย่างไรกับดนตรีป๊อป และคุณปรับเปลี่ยนแนวการร้องของคุณกับเพลงป๊อปได้อย่างไร
ผมเริ่มต้นจากการเป็นนักร้องโอเปรา ผมศึกษาการเป็นนักร้องเสียงเทเนอร์อย่างเคร่งครัดมาตลอด แต่เริ่มมีชื่อเสียงเมื่อเริ่มดนตรีป๊อป ดนตรีทุกประเภทมีความลุ่มลึกของมันเอง มันมากกว่าแค่ความแตกต่างระหว่างดนตรีป๊อปกับดนตรีคลาสสิก ผมศึกษาและลองสัมผัสทั้งสองประเภท ด้วยความตั้งใจและใส่คุณภาพเข้าไปมากที่สุด
แน่นอนว่า ผมโชคดีที่เกิดในทัสคานี ถิ่นกำเนิดดนตรีโอเปราเมื่อกว่าสี่ศตวรรษมาแล้ว และที่นี่ยังเป็นบ้านเกิดของนักประพันธ์เพลงอย่างปุชชินี (Puccini) และมัสคาญี (Mascagni) ผมปลื้มปิติที่ได้เปิดเผยผลงานดนตรีชั้นยอดของบ้านเกิดให้โลกได้รับรู้
แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นการปฎิเสธดนตรีป๊อปที่ทำให้ผมตื่นเต้นและประทับใจ ทั้งในฐานะผู้ถ่ายทอดและผู้รับฟัง โอเปราเป็นดนตรีที่ซับซ้อน ทั้งคนฟังและคนร้องต้องตั้งใจเป็นอย่างมาก ในขณะที่การร้องต้องเป็นไปอย่างนุ่มนวลคล้ายเสียงกระซิบของเด็กน้อย โอเปราถือเป็นศิลปะที่ต้องอาศัยปฏิภาณเป็นอย่างมาก ถ้าเปรียบเทียบกับอาหาร เพลง (ป๊อป) ก็เหมือนกับขนมหวาน ทำง่าย และสนุก อร่อยได้ทันที แต่ต้องค่อยๆ ทานอย่างละเลียด เพราะเดี๋ยวจะอิ่มเสียก่อน แต่สำหรับโอเปราแล้ว เรื่องเช่นนี้ไม่มีทางเกิดขึ้น
ผมขอปิดท้ายด้วยการระลึกถึงความยิ่งใหญ่ของนักประพันธ์เพลงในศตวรรษที่ 19 ผู้ซึ่งรังสรรค์เพลงป๊อปด้วยภาษาถิ่น มีหลายกรณีที่เพลงโอเปราพัฒนามาจากทำนองที่เข้มข้นที่สุดของบทเพลงป๊อป สำหรับดนตรีคลาสสิก มีหลายบทเพลงเป็นที่นิยมข้ามกาลเวลา ในทางกลับกัน สำหรับดนตรีป๊อปก็มีหลายบทเพลงที่ยอดเยี่ยม จนกลายเป็นดนตรีคลาสสิกได้....นี่ไม่ใช่แค่การเล่นคำนะ
นักร้องเสียงเทเนอร์คนไหนบ้างที่มีอิทธิพลต่อวิธีการร้องของคุณ และคุณคิดว่าใครจะมาสืบทอดศิลปะแขนงนี้
“พระเอก” คนแรกของผม เมื่อตอนผมอายุ 5 หรือ 6 ขวบ คือนักร้องเสียงเทเนอร์ที่ชื่อ เบเนียมิโน จีญี (Beniamino Gigli) ซึ่งลุงของผมชื่นชมมาก จากนั้นผลก็เริ่มตกหลุมรักน้ำเสียงของมาริโอ เดล โมนาโค (Mario del Monaco) , เอ็นริโค คารุโซ (Enrico Caruso) , จูเซ็ปเป ดิ สเตฟาโน (Giuseppe di Stefano) , ออเรเรียโน แปร์ติเล (Aureliano Pertile) และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฟรังโก คอเรลลี (Franco Corelli) คนสุดท้ายนี่เป็นนักแสดงนำใน “colpo di fulmine” ซึ่งเป็นคนจุดประกายโชคชะตาของผม เป็นจังหวะชีวิตที่สำคัญ โทนเสียงที่ยอดเยี่ยมของเขานำผมก้าวไปสู่การฝึกฝนเพื่อเข้าสู่อาชีพนักร้องเสียงเทเนอร์ ผมยังสวมกางเกงขาสั้นอยู่เลยตอนที่โอเรียน่าพี่เลี้ยงของผมให้แผ่นเสียงแผ่นแรกของนักร้องดังแก่ผมมา ตอนนั้น เขาแสดงโอเปราเรื่อง “อันเดรีย เชนิเยร์” (Andrea Chenier) ของอุมแบร์โต จอร์ดาโน (Umberto Giordano) ไม่ต้องสงสัยเลย นับตั้งแต่นั้นเขาก็เป็นขวัญใจผมมาตลอด และผมไม่เคยนึกฝันเลยว่า วันหนึ่ง ฟรังโก คอเรลลี นักร้องในดวงใจจะยอมตกลงเป็นครูของผม ผู้ซึ่งผมได้ฝึกฝนด้วย จนมีทักษะที่สมบูรณ์แบบ
นักร้องเสียงเทเนอร์และเพื่อนที่ยอดเยี่ยมอีกคนหนึ่ง คนที่ผมได้เรียนรู้จากเขามากมายตอนที่ผมเข้าสู่อาชีพนี้แล้วคือ ลูเชียโน ปาวาร็อตติ (Luciano Pavarotti) ผมไปหาเขาสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงหลายปีมานี้ และในการพบกันทุกครั้งของเรากลายเป็นช่วงเวลาที่ผมได้ฝึกเสียงและทักษะการร้อง ผมจำได้ว่าไปเยี่ยมเขาที่นิวยอร์ค ตอนที่เขาป่วยหนักแล้ว เราคุยกันยืดยาวอย่างสนุกสนานด้วยเรื่องโปรดของเราเหมือนเคย นั่นก็คือเรื่องเสียงและการตีความ ผมต้องขอบคุณเขาอย่างสุดซึ้งที่คอยให้คำแนะนำที่ยอดเยี่ยมแก่ผมมาเสมอ
สำหรับนักร้องหน้าใหม่ มีมากมายหลายคนจริงๆ คนหนุ่มที่ร้องเสียงเทเนอร์ มีพรสวรรค์ และก้าวเข้าสู่โลกแห่งละครโอเปรา แม้จะมี “ดาว” ที่โดดเด่นเจิดจรัสไม่มากนัก แต่ในเรื่องคุณภาพทางวิชาชีพของศิลปินรุ่นใหม่นั้น ในภาพรวมผมมองว่าดีขึ้นมากในช่วงหลายปีหลัง
ทราบมาว่านี่คือครั้งแรกที่คุณจะแสดงในเมืองไทย ไม่ทราบว่าคุณรู้สึกอย่างไร
ผมรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขครับ จะเรียกว่าผมรอคอยให้วันแสดงมาถึงก็ได้ครับ แม้ว่าจะมีเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่ผมจะได้มีประสบการณ์การเปิดการแสดงครั้งแรก มันจึงเข้าใจได้ง่ายใช่ไหมครับว่า ผมจะสั่นและตื่นเต้นกว่าปกติแค่ไหน ในขณะเดียวกัน ใจผมก็เต้นเชียวละครับ ด้วยความที่ผมเป็นคนอารมณ์อ่อนไหว ผมจะรู้สึกถึงสภาวะเคร่งเครียดก่อนขึ้นเวทีเสมอ นอกจากนี้ ยิ่งนานปีผ่านไป ความคาดหวังของผู้ชมก็สูงขึ้นครับ ผมจึงประสบกับความเครียดเล็กๆ น้อยๆ อันเป็นผลมาจากความต้องการแสดงให้ได้ดีถึงความคาดหวังของผู้ชม ควบคู่ไปกับความกังวลว่าจะทำได้ไม่ถึงระดับที่เรียกได้ว่าดีที่สุดครับ
ผมคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสรุปใจความสั้นๆ ให้คุณมองเห็นว่าผมรู้สึกทึ่งในประเทศไทยมากเพียงใด ประเทศของคุณเป็นดินแดนที่รักษาวัฒนธรรมและอารยธรรมแต่โบราณ ที่สื่อถึงจิตวิญญาณของชาติไว้ได้อย่างน่าฉงน อีกทั้งยังมีงานศิลปะตระการตาและความสวยงามของธรรมชาติ ซึ่งทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จากเรื่องราวต่างๆ ที่ผมฟังจากเพื่อน ผมเชื่อว่าชาวอิตาเลียนและชาวไทยสามารถเข้ากันได้ดี ด้วยอุปนิสัยที่อ่อนไหวต่อสิ่งรอบตัวได้ง่ายเช่นเดียวกัน รวมถึงใจที่รักในงานศิลปะและความสวยงามตามธรรมชาติ วัฒนธรรมอิตาเลียนและวัฒนธรรมไทย ต่างทิ้งรอยประทับที่ไม่อาจลบเลือนไว้ให้แก่มนุษยชาติ ด้วยวิธีการในแบบของตน การได้รับโอกาสให้มาเยือนเมืองไทยจึงทำให้ผมได้มีส่วนในการเขียนบันทึกทางวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศผ่านความงดงามของดนตรี
ขอให้คุณกล่าวถึงคอนเสิร์ต A Magical Night With Andrea Bocelli ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
คอนเสิร์ตนี้มีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอการแสดงที่มอบช่วงเวลาอันเปี่ยมไปด้วยความสุข ทั้งแก่จิตใจและสัมผัสทางการรับฟังดนตรี ทางผมและทีมงานตั้งใจส่งผ่านอารมณ์ในการแสดงและซึมซับอารมณ์ของผู้ชมไปพร้อมกัน ผ่านท่วงทำนองดนตรีที่น่าค้นหาและชิ้นงานดนตรีที่เรารัก ทางผมและทีมงานได้ทุ่มเทเพื่อเนรมิตค่ำคืนอันน่าจดจำให้แก่ผู้ชม สำหรับผมแล้ว การแสดงต่อหน้าผู้คนคือพื้นฐานของงานสายอาชีพและชีวิตส่วนตัวด้านดนตรีของผม ช่วงเวลาการแสดง จึงนับเป็นการจุดพลังชีวิตให้แก่ตัวผมด้วย ในโอกาสนี้ ผมมีความสุขและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้แสดงเพื่อเฉลิมฉลองวาระวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเมื่อทราบว่ารายได้จากคอนเสิร์ตที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพฯ แล้ว ผมยิ่งรู้สึกปีติเป็นสองเท่า
คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อได้ทราบว่าแฟนเพลงชาวไทยชื่นชมผลงานของคุณ และรอคอยการแสดงของคุณมานานหลายปีแล้ว
จะเรียกว่าผมโชคดีก็ว่าได้ครับ เนื่องจากเป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่ผลงานของผมได้รับการชื่นชมในประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากประเทศของตัวเอง ซึ่งผมจะละเลยเสียไม่ได้ และยังรู้สึกตื้นต้นกับความรักที่ได้รับ ทางเดียวที่ผมจะสามารถตอบแทนสิ่งนี้ได้ หรือมอบคืนความเอื้อเฟื้อของแฟนๆ ได้ ก็คือการแสดงบนเวทีที่ดีที่สุด และการทุ่มเทเพื่อมอบช่วงเวลาแห่งความสุขให้แก่ผู้ที่ให้เกียรติเลือกเสียงเพลงของผม เป็นส่วนหนึ่งของบทเพลงประกอบชีวิตของพวกเขา ผมหวังว่าเพื่อนๆ ชาวไทยจะได้รับความรู้สึกขอบคุณจากผม และผมสัญญาว่าผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อตอบแทนความกรุณาของทุกท่าน
ไฮไลท์พิเศษของคอนเสิร์ต ?
บทเพลงที่บรรเลงด้วยเครื่องดนตรี หรือ เรเพอร์ทัวร์ (repertoire) ส่วนใหญ่ในคอนเสิร์ตนี้ เรียบเรียงขึ้นสำหรับนักร้องเสียงสูงชายอิตาเลียน (Italian tenor) ซึ่งทั้งหมด ล้วนเป็นท่วงทำนองที่ทำให้ผมตื่นเต้นทุกครั้งที่ขับร้อง การแสดงในช่วงแรกจะเป็นกลุ่มเพลงเรเพอร์ทัวร์แบบโอเปรา จากนั้นจะเป็นบทเพลงโรแมนติก และเพลงยอดนิยมอื่นๆ ที่ผู้ชมคาดหวังจะได้ฟัง ซึ่งแน่ใจได้เลยครับว่าผมจะไม่ทำให้ทุกท่านผิดหวัง
เช่นเดียวกับการแสดงหลายๆ ครั้ง คือนอกจากผมแล้ว บนเวทียังมีเพื่อนศิลปินท่านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนรักของผมอย่าง เดวิด ฟอสเตอร์ ร่วมด้วยแคทเธอรีน แม็คฟี (Katherine MacPhee) แจ็กกี อีแวนโค (Jackie Evancho) หรือจะเป็นนักร้องเสียงโซปราโนชาวคิวบา มาเรีย อะเลย์ดา (Maria Aleida) และคู่หูมือกีตาร์มืออย่าง คาริสมา (Carisma) นอกจากนี้ ผมยังมีความสุขที่จะได้แสดงร่วมกับเพื่อนศิลปิน
อีกท่านคือ คาร์โรล เบอร์นินี (Carlos Bernini) ในค่ำคืน “Magical Night” ที่กรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นโอกาสพิเศษ เนื่องจากเราจะถือโอกาสฉลองวาระแห่งมิตรภาพและการร่วมงานที่ยาวนานกว่าสามสิบปี ตั้งแต่ผมยังเป็นนักศึกษาภาควิชากฎหมาย และเป็นเพียงเด็กหนุ่มซึ่งมีความใฝ่ฝันจะเป็นนักร้อง โดยในตอนนั้น ผมได้ตัดสินใจกลับมาเรียนเปียโนตามหลักวิชาอีกครั้ง ภายใต้การแนะนำของครูหนุ่มผู้หนึ่งที่มีส่วนช่วยขัดเกลาความสามารถของผมเป็นระยะเวลาหลายปี ซึ่งครูผู้นั้นก็คือคาร์โลนี่เอง คาร์โลไม่เพียงสามารถก้าวไปเป็นวาทยากรประจำวงออร์เคสตรา แต่ยังเป็นนักเปียโนที่ผมเชื่อมือมากที่สุด และเป็นศิลปินที่ร้องเพลงคู่กับผมในคอนเสิร์ตนับร้อยๆ ครั้งทั่วโลกมาแล้ว
ในโอกาสที่คุณ และเดวิด ฟอสเตอร์ จะขึ้นแสดงบนเวทีคอนเสิร์ตที่เมืองไทยเป็นครั้งแรก ลองเล่าให้เราฟังสักนิดว่าเขาเป็นอย่างไร
การจับมือกับเดวิด ฟอสเตอร์ ผู้เป็นทั้งโปรดิวเซอร์ ผู้เรียบเรียงดนตรีและนักเปียโน คือการฝึกฝนและทดลองครับ การร่วมงานกันของเราเกิดขึ้นเมื่อคราวที่บันทึกเสียงเพลง “The Prayer” ซึ่งการร่วมงานของเรา มาจากความรู้สึกยกย่องและชื่นชมในผลงานของกันและกันโดยแท้จริง เมื่อไม่กี่วันมานี้ เราได้ทำงานด้วยกันอีกครั้ง ในการผลิตผลงานเพลงป๊อปอัลบั้มใหม่ที่จะออกวางจำหน่ายก่อนสิ้นปีนี้ ฟอสเตอร์ มีพรสวรรค์ในเชิงลึกทางด้านดนตรีที่น่าทึ่ง เขาเป็นคนที่สามารถใช้สัญชาตญาณได้อย่างยอดเยี่ยม และยากที่จะหาใครเทียบได้ในบทเพลงเรเพอร์ทัวร์ที่ได้รับมอบหมายให้แสดง
นอกจากนี้ เขายังเป็นคนที่ทำงานด้วยแล้วมีความสุข และยังเป็นคนเฟรนด์ลีอีกด้วย สำหรับผมแล้ว เดวิดเป็นบุคคลไม่ธรรมดา ความรู้สึกที่ไวต่อเสียงดนตรีในระดับโดดเด่น ทำให้เขาเข้าใจได้โดยสัญชาตญาณว่า ผู้ชมคาดหวังอะไรจากการแสดง ซึ่งผมคิดว่าหาใครเทียบได้ยากครับ โดยรางวัล “แกรมมี อวอร์ด” จำนวนมากที่เขาได้รับมา คือสิ่งที่พิสูจน์ได้อย่างดี เดวิด จึงเป็นทั้งศิลปินที่ยิ่งใหญ่และเพื่อนรักของผม ทุกครั้งที่ขึ้นเวทีด้วยกัน เราจะทำงานประสานกันได้เป็นอย่างดี และเหนืออื่นใด เราสนุกที่ได้ทำมัน
ในส่วนของแคทเธอรีน แม็คฟี และแจ็กกี อีแวนโค เป็นอย่างไร
ศิลปินทั้งสองมีพรสวรรค์ระดับสูง เป็นพลังที่ธรรมชาติมอบให้โลก ทั้งสองท่านคือองค์ประกอบที่แตกต่าง ด้วยเสียงร้องอันไพเราะและมีพรสวรรค์ด้านการตีความทางดนตรีที่เก่งกาจ อย่างที่คุณทราบครับว่า แคทเธอรีนคือผู้ชนะในรายการ “American Idol” ในขณะที่แจ็กกีก็คว้ารางวัลในรายการ “America’s got talent” พวกเขาจึงเป็นแบบอย่างของดาวดวงใหม่ที่สุกสกาวที่สุด และสะท้อนให้เห็นชัดเจนในระดับนานาชาติว่า รายการประเภท “talent shows” สามารถค้นหาศิลปินหน้าใหม่ที่จะใช้รายการนี้เป็นโอกาสทองในการทำผลงานให้เป็นที่รู้จัก ทั้งยังใช้การประกวดสะท้อนให้ผู้อื่นได้เห็นว่าพรสวรรค์ของคนเรานั้นหลากหลายและกว้างไกลเพียงใด เพื่อให้สังคมได้ประจักษ์ถึงความสามารถของศิลปินรุ่นใหม่
สุดท้ายนี้ คุณมีอะไรจะกล่าวกับแฟนเพลงชาวไทยบ้าง
ผมขอกล่าวคำขอบคุณสำหรับความชื่นชมและไว้วางใจที่มีให้ ผมขอกอดทุกๆ ท่านด้วยความขอบคุณและรอคอยให้ถึงช่วงเวลาที่เราจะได้พบกัน ซึ่งเราจะร่วมกันเฉลิมฉลองความงดงามของดนตรี ซึ่งเปรียบเสมือนเสียงสะท้อนของจิตใจ เป็นดั่งภาษาสากลที่เหนือกว่าภาษาใดๆ ดนตรีจะสื่อสารแห่งสันติสุขอันชัดเจน ตลอดจนความเป็นพี่น้องของชาวโลก เพียงเปิดหัวใจและความคิด
......................................................
หมายเหตุ : บัตรคอนเสิร์ตราคา 12,000 บาท และ 25,000 บาท รวมถึงโต๊ะกาล่า ดินเนอร์ โต๊ะละ 1.5 ล้านบาท จำหน่ายหมดลงแล้ว ยังพอมีบัตรให้จับจองกันคือโต๊ะกาล่าดินเนอร์ ราคาโต๊ะละ 1 ล้านบาท สำหรับ 8 ที่นั่ง สำหรับผู้ที่รวมกลุ่มได้ไม่ครบ 8 ที่นั่ง สามารถแบ่งเป็นกลุ่มย่อยได้ สอบถามโทร 08 1820 8910 และ 08 5395 4245 ในเวลา 09.00-20.00 น.







