ไปเก็บดอกไม้ที่ "ผาหมอน"

เดี๋ยวนี้การท่องเที่ยวโดยชุมชน(Community Based Tourism : CBT)เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ย
โดยผู้ชื่นชอบกิจกรรมเชิงวิถีวัฒนธรรม มีหลายพื้นที่เปิดชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ บ้างก็ประสบความสำเร็จ บ้างก็แทบล้มละลาย เพราะการจัดการท่องเที่ยวไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
บ้านผาหมอน ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่จัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนมีส่วนร่วม มองจากสภาพพื้นที่แล้วมีศักยภาพมากพอที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติได้ เพราะผาหมอนมี "นาขั้นบันได" ที่เป็นทัศนียภาพในฝันของนักเดินทาง ซึ่งการทำนาขั้นบันไดนั้นแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาในการจัดการน้ำที่มีมาแต่โบราณ นอกจากนี้ยังมี "ดอยผาหมอน" ที่อยู่เคียงคู่กับดอยอินทนนท์มานาน "แปลงดอกไม้เมืองหนาว" เป็นอาชีพเสริมที่ทำให้ชาวบ้านที่นี่ลืมตาอ้าปากได้ ส่วน "น้ำตก" รอบๆ ชุมชนและอุทยานฯ ก็มีให้เลือกชื่นชมมากมาย
ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยความที่เป็นชุมชนปกาเกอะญอที่มีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังตั้งรกรากอยู่ ณ ที่ตั้งปัจจุบันมานานกว่า 136 ปี ทำให้บ้านผาหมอนมีเสน่ห์ที่น่าสนใจในแง่วิถีชีวิตและวัฒนธรรม แน่นอนว่า การท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมเหมาะกับหมู่บ้านกลางหุบเขาแห่งนี้ที่สุด
เอ่ยถึงปกาเกอะญอ กลิ่น "มุซาโตะ" ก็ลอยมาแต่ไกล หากใครเคยเดินทางเข้าไปเที่ยวในชุมชนของชาวปกาเกอะญออยู่บ้าง อาจพอรู้ว่า มุซาโตะคือน้ำพริกปกาเกอะญอที่ถือเป็นอาหารประจำบ้าน แต่เมื่อมีแขกเข้ามาเยี่ยมเยือนถึงเรือนชาน ชาวบ้านก็จะเพิ่มเมนู "ข้าวเบ๊อะ" ที่เป็นข้าวต้มจนเละ ใส่ผักและเนื้อสัตว์ที่มีลงไป เรียกว่าได้สารอาหารกันอย่างครบถ้วนเลยทีเดียว
จะว่าไป การจัดการท่องเที่ยวของบ้านผาหมอนเริ่มต้นมานานเป็น 10 ปีแล้ว แต่ถ้าถามนักท่องเที่ยวทั่วไปอาจไม่ค่อยมีคนรู้จักนัก ที่เป็นแบบนี้เพราะชุมชนผาหมอนต้องการทำการท่องเที่ยวแบบค่อยเป็นค่อยไป รับนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่มที่รักธรรมชาติและสนใจวิถีชีวิตอย่างแท้จริง นอกจากนี้สิ่งอำนวยความสะดวกที่หมู่บ้านมี ไม่ว่าจะเป็นที่พัก หรือร้านอาหาร ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวได้ เพราะบ้านผาหมอนมีที่พัก 2 แห่ง คือ Bamboo Pink House กับบ้านหลังใหม่ที่เพิ่งเปิดให้บริการมาได้ราวปีเศษ ซึ่งทั้ง 2 แห่งนั้นชุมชนบริการจัดการในรูปของสหกรณ์
นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติอาจตกหลุมรักที่นี่ได้ง่ายๆ เพราะนอกจากจะเดินชมวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของชาวบ้าน การได้ออกกำลังกาย เดินสำรวจความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้เมืองไทยกับไกด์ท้องถิ่น ก็ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจ แต่ถ้าอยากไปไกลกว่าก้าวเท้าเดิน บ้านผาหมอนก็มีกิจกรรมปั่นจักรยานท่องเที่ยวให้ได้ทดสอบกำลังน่องกัน
แปลงดอกไม้เมืองหนาว โดยเฉพาะ "กุหลาบ" ถือเป็นแหล่งรายได้หลักของชาวบ้านผาหมอน ซึ่งสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์เข้ามาส่งเสริมให้ชาวบ้านผาหมอนปลูกดอกไม้เพื่อส่งเข้าไปใช้ในพระราชวัง รวมทั้งจำหน่ายเป็นไม้เมืองหนาวระดับคุณภาพด้วย นั่นทำให้ชาวบ้านเกือบทั้งหมดมีแปลงดอกไม้เป็นของตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่ตั้งใจสืบทอดอาชีพจากครอบครัวโดยไม่สนใจความวุ่นวายจากโลกภายนอก
การท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมจะพัฒนาไปในทิศทางที่เหมาะสม นักท่องเที่ยวต้องเข้าใจและให้ความเคารพต่อสถานที่นั้นๆ ด้วย เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้เกิดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง







