ศราวุฒิ อารีย์'เราไม่ได้เกลียดยิว'

ปมความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลนไตน์ มีเรื่องใดซ่อนเร้นอยู่บ้าง ลองอ่านบทวิเคราะห์จากนักวิชาการคนนี้
เมื่อสื่อกระแสหลักนำเสนอภาพเด็กๆ นอนจมกองเลือดเสียชีวิตในฉนวนกาซา ปาเลสไตน์ คนทั้งโลกก็จับจ้องไปที่ตะวันออกกลาง พร้อมๆ กับคำถามว่า
"ความรุนแรงเกิดขึ้นที่นั่นอีกแล้วหรือ"
"ทำไมปัญหาในดินแดนแถบนี้ไม่คลี่คลายซะที "
ฯลฯ
"ในมุมของผม ฉนวนกาซาไม่ได้สำคัญ เป็นดินแดนทุรกันดาร ไม่ค่อยมีทรัพยากร " ดร.ศราวุฒิ อารีย์ รองผู้อำนวยการ ศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าให้ฟัง
ถ้าอย่างนั้น ความสำคัญของฉนวนกาซาอยู่ที่ไหน...
นักวิเคราะห์และนักวิชาการในโลกมุสลิมเชื้่อสายอินเดียคนนี้ จบปริญญาเอกมหาวิทยาลัยมุสลิมอาลีฆัร ประเทศอินเดีย ด้านรัฐศาสตร์เอเชียตะวันตกศึกษา และกำลังจะมีผลงานหนังสือ สารานุกรมตะวันออกกลาง บอกว่า เพราะอิสราเอลต้องการกำจัดขบวนการฮามาสในฉนวนกาซา แม้ฮามาสจะสู้ไม่ได้ แต่ทำไมพวกเขายังสู้ต่อไป....นั่นเป็นอุดมการณ์ของมุสลิมยุคใหม่ที่ต่างจากมุสลิมชาตินิยมดั้งเดิม
อาจารย์ศราวุฒิ ย้ำว่า มุสลิมไม่ได้เกลียดยิว แต่ต้องการต่อต้าน นโยบายขยายดินแดนของอิสราเอล เพราะที่ผ่านมาสร้างความยากลำบากให้คนปาเลสไตน์ และเป็นความยากลำบากที่เกินจะทนแล้ว เพราะคนในฉนวนกาซาถูกปิดล้อม และประชาคมโลกก็ไม่ได้สนใจ
ถ้าอย่างนั้นมีอะไรซ่อนอยู่ในฉนวนกาซา....
ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ เป็นปัญหาที่มีมานาน แล้วปัญหาใหม่ตอนนี้คือเรื่องใด
ปัญหาเก่า คือ ความขัดแย้งระหว่างอาหรับกับยิว อาหรับกับอิสราเอล ทำสงครามมาหลายครั้งหลายคราว ส่วนปัญหาใหม่คือ รัฐอาหรับต่างๆ ไม่สามารถเป็นปากเป็นเสียงให้ปาเลสไตน์ อียิปต์ก็ทำสนธิสัญญาสันติภาพกับอิสราเอล จอร์แดนก็คล้ายๆ อียิปต์ ซีเรียเกิดสงครามการเมือง อิรักแตกแยกอยู่ภายใต้ตะวันตกตั้งแต่สงครามอ่าวเปอร์เซีย ปรากฎการณ์ใหม่ในวันนี้ ก็คือ การลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยตนเองของชาวปาเลสไตน์
ผมมองว่าดินแดนปาเลสไตน์ในอนาคตจะเปลี่ยนไปมากกว่านี้ สหประชาชาติเคยแบ่งดินแดนระหว่างรัฐปาเลสไตน์กับอิสราเอลคนละครึ่ง ก่อนที่มตินี้จะถูกจัดการ ก็เกิดสงคราม อิสราเอลชนะสงคราม รุกคืบไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเกิดสงครามปี 1967 อิสราเอลสามารถยึดครองดินแดนโลกอาหรับเกือบทั้งหมด เพราะฉะนั้นสหประชาชาติจึงออกมติว่า ดินแดนในส่วนที่อิสราเอลยึดครองในวันนี้ที่เป็นของปาเลสไตน์ ไม่ใช่ดินแดนของอิสราเอล สหประชาชาติให้อิสราเอลถอนทหารออก แต่อิสราเอลไม่ถอนออกไป ขบวนการฮามาสจึงบอกว่า ให้ถอนทหารก่อน ค่อยเจรจากัน เพราะการเจรจาในทุกวันนี้มีฐานะไม่เท่าเทียมกัน ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายยึดครอง อีกฝ่ายเป็นฝ่ายถูกยึดครอง จึงเกรงว่าฝ่ายยึดครองจะฉวยโอกาส และท้ายที่สุดไม่สามารถตั้งรัฐปาเลสไตน์ที่เป็นอิสระได้ หากถามว่า ณ วันนี้่ ดินแดนปาเลสไตน์อยู่ตรงไหนบ้าง มีสองส่วนคือ ดินแดนฉนวนกาซาติดกับอียิปต์ เวสต์แบงก์ติดกับจอร์แดน มีพื้นที่เแค่ 22 เปอร์เซ็นต์ของปาเลสไตน์ในอดีต
ปาเลสไตน์ค่อนข้างโดดเดี่ยว?
ปัญหาปาเลสไตน์ถูกโดดเดี่ยวจากประเทศแถบอาหรับมานานแล้ว ประเทศที่เป็นปากเป็นเสียงให้ปาเลสไตน์คือ อิหร่าน ทำให้ช่วงที่ผ่านมาอิสราเอลขัดแย้งกับอิหร่าน และหนึ่งในปัญหาความขัดแย้งคือ ปัญหาปาเลสไตน์ สิ่งที่เปลี่ยนไปในวันนี้ อิสราเอลต้องมาต่อสู้กับกองกำลังขบวนการที่ไม่ใช่รัฐและไม่สามารถเอาชนะได้ อิสราเอลต่อสู้มาตลอด ครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม นับตั้งแต่ขบวนการฮามาลชนะการเลือกตั้งในปาเลสไตน์ปี 2006 ซึ่งการต่อสู้แบบนี้ไม่เหมือนในอดีตที่เป็นสงครามในรูปแบบ แต่นี่เป็นสงครามจรยุทธ์ เหมือนที่อิสราเอลรบในเลบานอน เป็นสงครามไม่มีรูปแบบ ทั้งๆ ที่ชาวเลบานอนเสียชีวิตเยอะ แต่เป้าหมายของอิสราเอลทำไม่สำเร็จ ไม่สามารถทำร้ายเลบานอนได้หมด นั่นถือว่าพ่ายแพ้
ประชาคมโลกต่างมองว่า อิสราเอลได้เปรียบในทุกด้าน ?
ขบวนการฮามาสในปาเลสไตน์ แม้จะยิ่งจรวดเข้าไปในอิสราเอลเยอะ แต่ไม่สามารถสังหารคนยิวได้เลย และเป้าหมายของอิสราเอล คือ กำจัดขบวนฮามาส กองกำลังหัวรุนแรง พวกเขาไม่อยากให้ขบวนการฮามาสปกครองฉนวนกาซา เพราะกลุ่มนี้เข้มแข็งมากขึ้น ไม่สามารถโค่นล้มได้ ในขณะเดียวกันภาพลักษณ์ของอิสราเอลต่อสายตาชาวโลกก็ดูไม่ดี หนึ่งในสี่ของคนปาเลสไตน์ที่เสียชีวิตเป็นเด็ก และผู้หญิง และสิ่งที่อิสราเอลทำไม่สำเร็จคือ พยายามโดดเดี่ยวฉนวนกาซา นับตั้งแต่ฮามาสเข้าไปยึดครองฉนวนกาซา อิสราเอลปิดล้อมฉนวนกาซา ไม่ให้สินค้าอาหาร ยา เข้าไปได้สะดวก คนในกาซาทุกข์ทรมานมาก ขบวนการฮามาสเข้าไปจัดระเบียบการปกครองในกาซา สามารถทำให้บ้านเมืองสงบลงได้ จึงได้ใจประชาชน ถึงแม้ประชาชนยากลำบากทางเศรษฐกิจ
ทำไมฉนวนกาซาเป็นปัญหาหลักในความขัดแย้ง
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองย้อนไปที่ความแตกต่างระหว่างชาติพันธุ์และศาสนา แต่ผมมีสมมติฐานที่แตกต่าง ผมคิดว่า มุสลิมเองยอมรับทั้งชาวยิวและชาวคริสเตียน ถือว่า เป็นชาวคีมภีร์เหมือนกัน ทั้งสามศาสนามีต้นกำเนิดจากแหล่งเดียวกัน หลายคำสอนคล้ายกันมาก การนับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน ผมคิดว่า ความขัดแย้งด้านศาสนาไม่ใช่สาเหตุ เรื่องชาติพันธุ์เอง อาหรับกับยิวก็เป็นชาติพันธุ์ไซไมต์เหมือนกัน เรื่องชาติพันธุ์เป็นเรื่องเล็ก
แต่ปัญหาใหญ่ที่นำไปสู่ความขัดแย้งคือ การช่วงชิงดินแดน ก่อนปี1948 อิสราเอลจะตั้งรัฐ ดินแดน 90 เปอร์เซ็นต์เป็นของปาเลสไตน์ และไม่ถึง10 เปอร์เซ็นต์เป็นชาวยิวและชาวคริสเตียน ซึ่งอยู่รวมกันปกติสุข แต่เมื่อมีการเคลื่อนไหว เชิญชวนชาวยิวในยุโรปกลับมาสู่รัฐของชาวยิวในปาเลสไตน์ ก็เกิดปัญหา และอีกปรากฎการณ์ที่นาซีฆ่าชาวยิว ทำให้ยิวอพยพเข้ามาในปาเลสไตน์ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในการปกครองของอังกฤษ อังกฤษก็ไฟเขียว เมื่อเข้ามามากขึ้นก็เป็นความขัดแย้งกับคนถิ่นเดิม
เหตุที่ยิวกับอาหรับเกลียดชังกันมากมาย เพราะอะไร
ยิวกับอาหรับไม่ได้เกลียดกัน ในประวัติศาสตร์โลก ถ้าชาวยิวถูกกดขี่ข่มแหง แหล่งสุดท้ายที่ชาวยิวจะเข้ามาอยู่ก็คือ อาณาจักรของอิสลาม เพราะพวกเขารู้ว่า สันติและปลอดภัย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ ตอนที่ยิวถูกกดขี่ข่มแหงในยุโรป จึงอพยพมาอยู่ในอาณาจักรมุสลิมของสเปน อันนี้มีประวัติศาสตร์ชัดเจน แล้วไม่มีความเกลียดชังของยิวกับมุสลิม หรือยิวกับอาหรับ แต่ความโกรธแค้นเกิดขึ้นในช่วงหลัง ตอนที่ชาวยิวที่มีอุดมการณ์มาตั้งรัฐในปาเลสไตน์ มีแนวคิดที่จะครอบงำโลกอาหรับในปัจจุบัน ชาวอาหรับที่ถูกขับไล่ออกจากบ้านจึงโกรธแค้น มีการโจมตีกันสามครั้งแล้ว อิสราเอลอ้างว่า ฮามาสใช้จรวดโจมตี ครั้งนี้ก็เหมือนกัน วัยรุ่นอิสราเอลถูกลักพาตัว แล้วฆาตกรรมในเวสแบงก์ อิสราเอลอ้างว่า กลุ่มฮามาสเป็นคนทำ ทั้งๆ ที่ฮามาสปฎิเสธว่าไม่ได้ทำเรื่องนี้
ทำไมกองกำลังกลุ่มฮามาสค่อนข้างเข้มแข็ง
ปี2006 มีการเลือกตั้งในปาเลสไตน์ จิมมี่ คาร์เตอร์ บอกว่า เป็นการเลือกตั้งที่โปร่งใสที่สุดในตะวันออกกลาง ฮามาสชนะการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ ชาวปาเลสไตน์เป็นประชากรกลุ่มที่มีความรู้มากที่สุดในโลก ถ้าเทียบจำนวนคนรู้หนังสือกับพลเมืองของประเทศนั้นๆ คนปาเลสไตน์จบปริญญาเอกเยอะมาก เพราะฉะนั้นคนเหล่านี้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ แต่ทุกข์ยากมานานช่วงการยึดครองของอิสราเอล ซึ่งคนปาเลสไตน์รู้อยู่แล้วว่า ถ้าเลือกกลุ่มฮามาสที่ตะวันตกหมายหัวว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ผลจะเป็นอย่างไร แต่พวกเขาก็เลือกฮามาส มันเป็นปรากฎการณ์ที่แปลก แสดงให้ถึงความเข้มแข็งของกลุ่มฮามาส และไม่ใช่แค่ความเข้มแข็งเท่านั้น แต่เป็นเทรนการเมืองในตะวันออกกลาง ทุกวันนี้่กระแสชาตินิยมอาหรับแบบเดิมกำลังเสื่อม ผู้นำเผด็จการหลายกลุ่มถูกโค่นล้ม ทั้งในอียิปต์ ตูนีเซีย และลิเบีย ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นการต่อสู้ระหว่างขบวนการที่นิยมแนวทางอิสลามกับกลุ่มกระบวนการที่่ยึดถือแนวทางชาตินิยมในอาหรับ
ฺกลุ่มฮามาสเป็นคนรุ่นใหม่ในการปฎิรูปสังคมที่ใช้ทั้งความรุนแรงและไม่รุนแรง ?
จะบอกว่าเป็นคนรุ่นใหม่ก็ไม่เชิง เพราะคนอย่างเชคอะฮฺมัด ยาซีน ซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาที่ลุกขึ้นมาต่อต้านอิสราเอลครั้งแรก และถูกสังหารไปแล้ว เป็นผู้ก่อตั้งฮามาสในปาเลสไตน์ เป็นคนที่อาวุโสมาก มีแนวคิดแน่วแน่ เขาบอกว่า เราไม่ได้เกลียดชังชาวยิว แต่สิ่งที่เราไม่พอใจคือ ชาวยิวเข้ามาขับไล่พวกเราออกจากดินแดน จริงๆ แล้วขบวนการฮามาสในปาเลสไตน์ไม่ได้เริ่มจากจับอาวุธต่อสู้ แต่เคลื่อนไหวจากการสร้างเครือข่ายสังคม มีองค์กรบริจาคการกุศล มีโรงเรียน โรงพยาบาลที่เป็นองค์กรช่วยเหลือทางสังคม แต่พวกเขาต้องจับอาวุธขึ้นต่อสู้
ฮามาสเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ ผมเข้าใจว่า ปี 1987 ซึ่งปีนั้นชาวปาเลสไตน์รู้สึกผิดหวังกับขบวนการฟาตะห์ (กลุ่มที่เริ่้มต้นอุดมการณ์ชาตินิยมในปาเลสไตน์) และรัฐอาหรับที่เคยเป็นปากเสียงก็ไม่ได้ช่วยแล้ว ปัจจุบันปาเลสไตน์พยายามต่อสู้ทั้งการทหาร การทูต เมื่อไม่ประสบความสำเร็จ ประชาชนธรรมดาๆ ก็เลยลุกฮือขึ้นมา ใช้ก้อนหินต่อสู้กับรถถังอิสราเอล นั่นคือ จุดกำเนิดขบวนการฮามาส
คนทั้งโลกเห็นจากสื่อว่า ฮามาสเป็นกองกำลังที่ใช้ความรุนแรง ?
เพราะประชาคมโลกถูกครอบงำจากสื่อตะวันตก ถ้าเราดูข้อมูลจริงๆ อิสราเอลจ้างบริษัทเอกชน 6-7 แห่งทำโฆษณาสร้างภาพลักษณ์ สำนักงานข่าวกระแสหลักก็อยู่ภายใต้อิทธิพลล็อบบี้ยิสต์ ในวันนี้ภาพที่เราเห็นคือ อิสราเอลทำอะไรก็ไม่ค่อยผิด แม้ภาพจะฟ้อง สื่อกระแสหลักสามารถฉายภาพอธิบายให้คนเข้าใจว่า นี่เป็นการตอบโต้ของอิสราเอลต่อฮามาส จริงๆ แล้วไม่ใช่ ฮามาสไม่สามารถสู้กับอิสราเอลได้เลย ในอดีตอิสราเอลเป็นพระเอกตลอด แต่วันนี้กระแสเปลี่ยน
ถ้าอ่านในโลกออนไลน์ เราจะเห็นว่า ยังมีคนคิดว่า มันเป็นสงคราม เป็นการตอบโต้ของอิสราเอล ถึงแม้คนจะสงสารคนปาเลสไตน์ แต่ก็มองว่า อิสราเอลต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย คนไม่ทราบว่า อิสราเอลปิดล้อมฉนวนกาซา ทำให้คนหนึ่งล้านห้าแสนที่อยู่ตรงนั้นทุกข์ทรมาน
ชาวโลกไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เรารู้ก็คือ ฮามาสปฎิเสธข้อตกลงหยุดยิ่ง ซึ่งทำให้ฮามาสกลายเป็นโจรในสายตาประชาคมโลก ก่อนหน้าที่รัฐบาลอียิปต์กับรัฐบาลอิสราเอลจะทำข้อตกลงการหยุดยิ่ง โดยไม่ได้ประสานกับขบวนการฮามาส ซึ่งฮามาสไม่รู้เรื่องเลย ต่อมาสื่อกระแสหลักก็กระจายข่าวว่า ฮามาสปฎิเสธข้อตกลงหยุดยิ่ง ทั้งๆ ที่ฮามาสอธิบายว่า ไม่ได้ไปร่วมอยู่ในข้อตกลง ทั้งๆ ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้
มีการใช้สื่อเป็นเครื่องมือเหมือนเช่นที่หลายประเทศใช้ ?
ข่าวที่ออกมาเป็นความจริงครึ่้งเดียว อย่างข่าวที่ว่าฮามาสปฎิเสธข้อตกลงหยุดยิ่ง ทำไมไม่ทำข้อตกลงหยุดยิ่งถาวร นี่คือ ข้อเรียกร้องของฮามาส แต่ข้อเรียกร้องเหล่านี้ไม่ได้ถูกสื่อกระแสหลักนำเสนอ
ทำไมฉนวนกาซาสำคัญนัก
ในมุมผม ฉนวนกาซ่าไม่ได้สำคัญ เป็นดินแดนทุรกันดาร ไม่ค่อยมีทรัพยากร น้ำก็ไม่ค่อยมี เป็นดินแดนที่มีคนอยู่หนาแน่นมากที่สุดในโลก รอบๆ ฉนวนกาซาที่เป็นทะเล อาจมีก๊าซธรรมชาติ เป็นทรัพยากรที่ผมคิดว่ามีอยู่ทั่วไปในโลกอาหรับ บางคนก็วิเคราะห์ว่า อิสราเอลต้องการครอบครองก๊าซธรรมชาติ แต่ผมคิดว่า อิสราเอลไม่จำเป็นต้องถล่มกาซา เพื่อก๊าซธรรมชาติ เพราะอิสราเอลมีทางเลือกอื่นๆ ในการนำมาซึ่งก๊าซธรรมชาติ นอกจากนี้สหรัฐอเมริกายังช่วยอิสราเอลปีละห้าพันล้านเหรียญ ซึ่งเป็นเงินช่วยเหลือมากที่สุดในโลก อเมริกาช่วยอาฟริกาทั้งทวีปยังน้อยกว่าช่วยอิสราเอลประเทศเดียว ดังนั้นเรื่องพลังงานไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ผมคิดว่าเหตุผลเดียวที่อิสราเอลเข้ามาที่ฉนวนกาซาคือ กดดันฮามาส อิสราเอลมีนโยโบายขยายดินแดนไปเรื่อยๆ ถ้าวันนี้เราไปดูรัฐธรรมนูญอิสราเอล เราจะเห็นว่าไม่มีนโยบายกำหนดพื้นที่แน่นอน แล้วดินแดนที่อิสราเอลบอกว่า เป็นดินแดนพันธสัญญาที่พระเจ้ามอบให้ ไม่ใช่ดินแดนในปาเลสไตน์เท่านั้น ยังนับรวมตั้งแต่แม่น้ำไทกริส ยูเฟรทีส ซึ่งก็คือ อิรัก
ทั้งๆ ที่ดินแดนฉนวนกาซาเล็กนิดเดียว (370 ตารางกิโลเมตร) ?
ในปี 1948 ผู้นำอิสราเอลคนแรกก็ยอมรับว่า อิสราเอลใช้วิธีการสร้างความหวาดกลัว เพื่อให้คนปาเลสไตน์อพยพไปอยู่ที่อื่น และเราก็เห็นว่าชาวปาเลสไตน์อพยพไปอยู่ประเทศอื่นสองล้านกว่าคน
กลุ่มอาหรับมีสิทธิจะคว่ำบาตรอิสราเอลไหม
กลุ่มอาหรับถ้าไม่เป็นเครื่องมือตะวันตก ก็ไร้เรี่่ยวแรง อิรักเกิดความวุ่นวายภายในประเทศ ซีเรียมีแสนยานุภาพมากที่สุดในตะวันออกกลาง แต่ณ วันนี้ เกิดสงครามกลางเมือง หลายประเทศในตะวันออกกลางเกิดความวุ่นวาย กลุ่มประเทศอ่าวเปอร์เซีย หรือรัฐเล็กๆ ในอ่าวเปอร์เซีย ก็เป็นสมุนของอเมริกา ต้องเดินตามนโยบาย ดังนั้นไม่มีพลังขับเคลื่อนต่อกรกับอิสราเอล
อิหร่านก็ดูมีศักยภาพ ?
อิหร่านก็ดูเข้มแข็ง แต่มีข้อจำกัดหลายเรื่อง อิหร่านเป็นศูนย์กลางมุสลิมชีอะห์ ซึ่งมหาอำนาจพยายามใช้เป็นเครื่องมือให้อิหร่านกับซาอุดิอาระเบียต่อสู้กัน เพราะฉะนั้นวันนี้อิหร่านทำอะไรลงไป ก็จะถูกประนามว่า ทำไปเพื่อเผยแพร่ลัทธิชีอะห์ ท้ายที่สุดก็ถูกต่อต้านโดยมุสลิมสุหนี่ เวลาเกิดความขัดแย้ง มหาอำนาจก็จะทำให้พลังของอิหร่านหรือโลกมุสลิมอ่อนลง นอกจากใช้เครื่องมือข่าวสารยังใช้การปกครอง อเมริกายึดครองอิรักตั้งแต่ปี 2003 สิ่งที่อเมริกาทำก็คือ ตั้งอีกกลุ่มที่แตกต่างต่อสู้กัน ในภาคใหญ่อเมริกาปลดอำนาจมุสลิมสุหนี่ในอิรัก แล้วยกสถานะมุสลิมชีอะห์ปกครอง ท้ายที่สุดเกิดการแตกแยกต่อสู้กัน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีความขัดแย้งกัน
ในภูมิภาคตะวันออกกลาง มหาอำนาจวางบทบาทตัวเองไว้อย่างไร
อเมริกาทำสองอย่างคือ รักษาความปลอดภัยให้อิสราเอล และประกันน้ำมันในตะวันออกกลางเข้าไปในระบบอุตสาหกรรมโลก การเมืองของอเมริกันในตะวันออกกลาง มีสองกลุ่ม คือ นักการเมืองที่ตรงไปตรงมา มีนโยบายด้านตะวันออกกลางชัดเจน ผมคิดว่าในสมัยประธานาธิบดีโอบามา เราได้เห็นสิ่งนี้ แต่นักการเมืองอีกส่วน อยู่ภายใต้อิทธิพลยิว เพื่อสนับสนุนอิสราเอล เป็นพลังอำนาจของชาวยิวในอเมริกา ซึ่งเป็นนายทุนใหญ่ ทำให้อเมริกามีข้อจำกัดในการเข้าไปแก้ปัญหาความสงบที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง
ถ้าอิสราเอลไร้ซึ่งอเมริกา ก็ไม่สามารถอยู่ในตะวันออกกลาง เพราะเป็นประเทศเล็กๆ ท่ามกลางประเทศอาหรับ ถ้าประเทศพวกนี้มีเอกภาพ แล้วขับไล่อิสราเอล ก็ง่ายนิดเดียว อเมริกาก็ถือว่า อิสราเอลเป็นกองทัพของตนเองในตะวันออกกลาง ในขณะเดียวกันอเมริกาก็ต้องการอิสราเอล ทำหน้าที่เสมือนตำรวจคอยตรวจตราภูมิภาคนี้ ทั้งสองฝ่ายเหมือนหนึ่งเหรียญสองด้าน นักวิชาการส่วนใหญ่ที่ศึกษาด้านตะวันออกกลาง มองว่านโยบายอิสราเอลตั้งแต่ปี 1948 จะใช้วิธีขยายดินแดนออกไปเรี่อยๆ ซึ่งนโยบายแบบนี้อันตราย สร้างความวุ่นวายไปเรี่อยๆ
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เราจะเหมารวมว่า อิสราเอลทั้งหมดเป็นผู้ร้ายไม่ได้ ก็มีหลายฝ่ายหลายคนให้ความเห็นใจคนปาเลสไตน์ ขบวนการยิวมีหลายกลุ่ม อย่างพรรคแรงงานของอิสราเอลมีนโยบายประนีประนอมกับปาเลสไตน์ แต่อิสราเอลบางส่วนต้องการขยายอำนาจและดินแดน กลุ่มเหล่านี้ต่างหากที่เป็นอันตรายต่อโลก ซึ่งไม่ใช่แค่มุสลิม
หลักๆ คือ อิสราเอลใช้นโยบายขยายดินแดน ?
โลกมุสลิมก็พยายามอธิบายให้มุสลิมด้วยกันเข้าใจว่า เราไม่ได้เกลียดยิว เราเข้าใจยิว เรามีพรรคพวกส่วนหนึ่งที่เป็นยิว อย่างนอม ชอมสกี้ นักเขียนชาวยิวบอกว่า “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่ใช่สงคราม แต่เป็นฆาตกรรมฉนวนกาซา” เพราะฉะนั้นชาวมุสลิมไม่ได้เกลียดยิว แต่สิ่งที่เราต้องต่อต้านคือ นโยบายขยายดินแดนปิดล้อมคนปาเลสไตน์ ซึ่งก็มีชาวโลกช่วยคนในฉนวนกาซา เมซุต โอซิลและโธมัส มุลเลอร์ นักฟุตบอลเยอรมันได้บริจาคเงินรางวัลที่ได้จากการคว้าแชมป์โลกให้กับเด็กๆในฉนวนกาซ่าสิบกว่าล้าน และทีมอัลจีเรียที่ได้เงินสามร้อยล้านจากฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายก็ช่วยคนในฉนวนกาซา ตุรกีส่งเรือบรรเทาทุกข์เข้าไป จนอิสราเอลสกัดกั้นมีคนตาย ทำให้ความสัมพันธ์ขาดสะบั่น และมุสลิมทั่วโลกระดมเงินช่วยคนในฉนวนกาซา
แม้ผู้นำกลุ่มหัวรุนแรงในตะวันออกกลางจะจากไปคนแล้วคนเล่า แต่การต่อสู้ก็ไม่จบสิ้น ?
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล อยู่ที่อุดมการณ์ เราเห็นได้ว่ารัฐบาลอียิปต์ สังหารผู้นำขบวนการคนหนึ่งที่สำคัญมากคือ ซายิต กูร์ตุด อุดมการณ์ที่เขาสอนหรือเขียนไว้ ยังส่งผ่านไปสู่คนอีกรุ่น ผมเองก็ไม่ได้เห็นด้วยกับวิธีคิดของเขา เขาอธิบายหรือตีความวิธีทางศาสนาตามบริบทสภาพการเมืองที่เป็นอยู่ตอนนั้น ใ แม้ซายิดจะตายแล้ว แต่อุดมการณ์ยังอยู่ เหมือนบิน ลาเดน ถูกสังหารไปแล้ว แต่ถามว่า มีคนสืบทอดอุดมการณ์ไหม มีเหมือนกัน
ในอนาคตปาเลสไตน์จะถูกกลืนชาติไหม
ถ้าในมุมมองโลกมุสลิม ยังไงปาเลสไตน์ก็ไม่ถูกยึดครองชั่วกัปชั่วกัลป์ อิสราเอลยังมีข้อจำกัดในการยึดครองดินแดนต่างๆ ของโลกมุสลิม แม้ฮามาสจะถูกโค่นล้มก็จะมีขบวนการใหม่ๆ เกิดขั้น ถ้าตราบใดที่อิสราเอลมีนโยบายแบบนี้
ขบวนการฮามาสเป็นกลุ่มที่มีพัฒนายาวนานในดินแดนปาเลสไตน์ ความจริงแล้วเป็นส่วนหนึ่งจากมุสลิมบราเธอร์ฮู้ดในอียิปต์ ซึ่งมีสาขามากมาย ฮามาสเป็นกระบวนการลูกของมุสลิมบราเธอร์ฮู้ดในอียิปต์(ขบวนการภราดรภาพมุสลิม) ซึ่งมีการต่อสู้แบบปฎิรูปใช้แนวทางสันติวิธีในการเล่นการเมือง แต่การเคลื่อนไหวของบราเธอร์ฮู้ดในปาเลสไตน์เป็นอีกแบบ เป็นความรุนแรงท่ามกลางการต่อสู้กับอิสราเอล ฉะนั้นบรรยากาศแบบนั้นหล่อหลอมให้กลุ่มฮามาสมีตัวตนแบบนั้น กลายเป็นกลุ่มติดอาวุธ
ทำไมกระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลนไตน์จึงเป็นไปอย่างยากลำบาก
ถ้าให้ผมมองมีสามสี่ประเด็นคือ 1. ปัญหาเรื่องเขตแดน 2 นิคมชาวยิวจำนวนมากในปาเลสไตน์ จะทำอย่างไร ถ้ามีรัฐปาเลสไตน์ 3 ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ที่อพยพไปอยู่ตะวันออกกลางสามสี่ล้าน แม้จะรอวันกลับบ้าน ถ้ากลับมาแล้วจะไปอยู่ที่เดิมได้ไหม เพราะวันนี้กลายเป็นประเทศอิสราเอล และเยรูซาเล็มที่เป็นเมืองสำคัญทางศาสนาจะเป็นเมืองหลวงของใคร เป็นความซับซ้อนที่กระบวนการสันติภาพไม่สามารถแก้ปัญหาได้
มีปัญหาการเหยียดผิวในอิสราเอลไหม ?
หลายๆ เรื่องเราไม่ค่อยเข้าใจ อย่างนโยบายเหยียดผิวที่เกิดขึ้นในอิสราเอล คือ คนอิสราเอลที่ไม่ใช่ยิว ไม่มีโอกาสซื้อที่ดินหรือเช่าที่ดิน แต่คนยิวนอกอิสราเอลมีสิทธิเป็นพลเมืองของอิสราเอลเมื่อไหร่ก็ได้ ในขณะที่คนปาเลสไตน์ที่อยู่ในอิสราเอล ถือเป็นคนระดับสองที่ไม่ใช่ประชากรของอิสราเอล
นักวิเคราะห์บางคนมองว่า ความขัดแย้งของดินแดนแถบนี้เป็นเรื่องศาสนาเหมือนยุคสงครามครูเสด อาจารย์คิดเห็นอย่างไร
ผมว่าไม่น่าจะใช่ อิสลามกับคริสเตียนมีฐานรากเดียวกัน และกระบวนต่อสู้ของโลกมุสลิมไม่ใช่กระบวนการศาสนา ในสงครามครูเสดคริสจักรต้องการขยายอิทธิพลเข้ามาในโลกมุสลิม เนื่องจากช่วงนั้นเจริญรุ่งเรือง มีทรัพยากรเยอะ ในยุคหนึ่งคริตจักรทรงอิทธิพลมากในยุโรปยุคกลาง มีการปลุกระดมผู้คนให้ทำสงครามครูเสด จึงกลายเป็นแผลเป็นในโลกมุสลิม เนื่องจากคำว่า ครูเสด ของโลกตะวันตกในอดีต ก็คือ ความรุนแรง ไม่ต่างจากคำว่า จีฮัด (คือการทำสงครามศักดิ์สิทธิ์เพื่อต่อต้านสหรัฐอเมริกาและอิสราเอล) ในความรู้สึกของคนตะวันตกก็คือ ความรุนแรง การก่อการร้าย
มุสลิมทั่วโลกออกมาประท้วงการกระทำของอิสราเอล แล้วจะมีผลอย่างไร
ใม่ใช่แค่มุสลิมไทย มุสลิมทั่วโลกออกมาประท้วงการกระทำของอิสราเอล ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ปัญหาปาเลสไตน์เป็นหัวใจหลักของความขัดแย้งในโลกมุสลิม สิ่งที่น่าพิจารณาคือ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานไม่ได้รับการแก้ไข และยังถูกบิดเบื่อนจากสื่อกระแสหลัก คนปาเลสไตน์ทุกข์ยากมาเกือบเจ็ดสิบปี จนถึงวันนี้ชีวิตก็ไม่ดี ผมคิดว่า ในหลักคำสอนศาสนาคือ มุสลิมทั้งโลกเป็นพี่น้องกัน คนมุสลิมส่วนใดได้รับความเจ็บปวด คนอีกส่วนก็เจ็บด้วย เรื่องนี้เป็นประเด็นเรื่องมนุษย์ธรรมไม่จำเป็นต้องมุสลิมที่ต่อต้าน คนทั่วโลกก็พยายามช่วยเหลือปาเลสไตน์ เพราะการยึดครองของอิสราเอล ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ
ในอนาคตตะวันออกกลางจะเป็นอย่างไร
ตะวันออกกลางค่อนข้างวุ่นวาย อยู่ระหว่างเปลี่ยนผ่านของกลุ่มประเทศเผด็จการ โครงสร้างหลักของดินแดนแถบนี้คือ น้ำมัน มหาอำนาจหรือหลายประเทศพยายามยื้อแย่ง นอกจากนี้ยังมีประเด็นปาเลสไตน์ ปัญหาอิสลามระหว่างมุสลิมสุหนี่และชีอะห์ ถ้าตะวันออกสามารถแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้ ก็จะสงบ แต่ยาก
....................
กลุ่มหัวรุนแรงฮามาส
เป็นพรรคการเมืองหนึ่งของปาเลสไตน์ที่นับถือศาสนาอิสลาม และมีกองกำลังติดอาวุธ มักถูกเรียกว่า กลุ่มหัวรุนแรงฮามาส ซึ่งมักก่อเหตุโจมตีโดยใช้ระเบิดพลีชีพ กลุ่มนี้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1987 โดยเป็นเครือข่ายของกระบวนการเคลื่อนไหว ขบวนการภราดรมุสลิมของอาหรับ ได้รับความนิยมนับถืออย่างมากทั่วปาเลสไตน์ โดยพิสูจน์ได้จากการได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเข้าสู่สภาของปาเลสไตน์ในปี 2006 กระบวนการนี้ก่อตั้งโดย เชคอะฮฺมัด ยาซีน ซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนา เพื่อยุติการยึดครองทางทหารของอิสราเอล ในเขตฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน (เวสต์แบ๊งก์) และกาซา
ฮามาสสร้างความนิยมในหมู่ชาวปาเลสไตน์ที่ยากจน ด้วยการจัดหาความจำเป็นพื้นฐานต่างๆ สร้างโรงเรียน โรงพยาบาล และศูนย์ทางศาสนา และที่แตกต่างจากขบวนการการเมืองปาเลสไตน์อื่น ๆ ก็คือฮามาสไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PLO) และต่อต้านการเซ็นสัญญาสันติภาพกับอิสราเอล เชื่อกันว่าเงินทุนในการดำเนินการของกลุ่มฮามาส ได้มาจากการบริจาคของชาวปาเลสไตน์ทั้งใน และนอกประเทศ นอกจากนั้นยังมีการสนับสนุนจากประเทศอาหรับอื่น ๆ และรัฐบาลอิหร่าน
พวกเขามีหน่วยรบอิซซุดดีน อัลก็อซซาม ซึ่งเชื่อกันว่ามีสมาชิกหลายพันคน และได้เคยทำการสู้รบกับอิสราเอลมาหลายครั้ง และหน่วยรบนี้ ร่วมกับกลุ่มติดอาวุธอื่น ๆ ของปาเลสไตน์ เป็นผู้ยิงจรวดเข้าไปในเขตตอนใต้ของอิสราเอล เพื่อตอบโต้การที่อิสราเอลโจมตีในกาซา
ฉนวนกาซา
เป็นดินแดนที่มีเนื้อที่ทั้งหมด 370 ตารางกิโลเมตร ติดกับอียิปต์ ในยุคหนึ่งเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของปาเลสไตน์ในยุคทื่ตกอยู่ภายใต้ดินแดนอาณัติของอังกฤษ หลังสงครามอาหรับ-อิสราเอลครั้งแรกปีคศ.1948-1949 กาซาตกอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของอียิปต์ แต่ไม่ได้ผนวกรวมเป็นประเทศ มีสถานะเป็นเขตปกครองตนเอง
กระทั่งฉนวนกาซาถูกอิสราเอลยึดครองครั้งแรกหลังสงครามปี 1956 และนำไปสู่การต่อสู้ด้วยอาวุธของชาวปาเลสไตน์ และปี 1957 กองกำลังอิสราเอลถอนตัวออกไปจากกาซา แต่กลับมายึดครองอีกครั้งหลังสงคราม 6 วัน ปี 1967 นั่นทำให้ประชาชนลุกขึ้นมาใช้กำลังต่อต้านการยึดครอง โดยปราศจากการหนุนหลังจากฝ่ายใด แต่ท้ายที่สุดถูกปราบปราบอย่างหนัก จนต้องหยุดการต่อสู้ ล่าสุดที่ขบวนการฮามาสก่อตั้งขึ้นปี 1987 เพื่อลุกขึ้นมาต่อสู้กับอิสราเอล
อาหรับกับมุสลิม
ชาวอาหรับไม่ใช่ตัวแทนของอิสลาม แต่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ชาวอาหรับเป็นพวกไซไมต์เชื้อสายเดียวกับชาวยิว ต่างจากชาติพันธุ์มุสลิมที่ส่วนใหญ่มีเชื้อสายปาทาน เปอร์เซีย เคิร์ด มลายู เบงกาลี และจีน ประชากรในประเทศตะวันออกกลางและอาฟริกาเหนือพูดภาษาอาหรับมีประมาณ 22 ประเทศ คนพวกนี้อยู่ในโซนสันติบาตอาหรับ
ส่วนมุสลิมในโลกนี้มีอยู่ประมาณ 23 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลกทั้งหมดประมาณ 1,700 ล้าน ประเทศที่มีมุสลิมมากที่สุดในโลกคือ อินโดนีเซีย ปากีสถาน อินเดีย บังคลาเทศ อิหร่าน ทั้ง 5 ประเทศมีมุสลิมรวมกันคิดเป็นร้อยละ 85 ของมุสลิมในเอเชียทั้งหมด และคิดเป็นครึ่งหนึ่งของมุสลิมทั่วโลก ส่วนประชากรอาหรับมุสลิมมีร้อยละ 20 ของประชากรมุสลิมทั้งโลก
ในปัจจุบันความขัดแย้งในหมู่ชาวอาหรับ คือ ปัญหาปาเลสไตน์ ความขัดแย้งทางศาสนา เช่น ความขัดแย้งระหว่างชาวอาหรับที่นับถือศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์ในเลบานอน ความขัดแย้งระหว่างชาวอาหรับที่นับถือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่และชีอะห์ เป็นต้น







