หนีน้ำไปนอนสวนฯ

หนีน้ำไปนอนสวนฯ

ยอมรับเลยว่าก่อนจะบรรจงกดนิ้วลงแป้นพิมพ์ คิดแล้วคิดอีกว่านี่จะกลายเป็นการเอามะพร้าวไปขายสวนหรือเปล่า

เพราะที่ที่กำลังจะถูกพูดถึงในย่อหน้าต่อไปนี้ นับเป็นสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย และมีคนแวะเวียนมาพักผ่อนหย่อนใจมากเสียจน 'พรุน' นี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้กว่าจะกล้าเล่าเรื่องสวนสาธารณะแห่งนี้ ทำเอานิ้วเกร็งแทบตะคริวกินกันเลยทีเดียว

ชื่อ 'สวนหลวง ร.9' น่าจะเคยผ่านผ่านหูผ่านตาคนไทยมาชั่วนาตาปี นั่นก็เพราะในสมัยที่บ้านเรายังหาสวนสาธารณะแบบเป็นล่ำเป็นสันได้ไม่มากนักก็มีสวนหลวง ร.9 นี้แหละที่เป็นดั่งตัวจุดประกายให้เกิดสวนสาธารณะลักษณะคล้ายๆ กัน (นอกจากนั้นอาจมีสวนลุมพินี และอีกบางสวน) และที่แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งคือมีคนจำนวนมหาศาลเคยมาใช้ประโยชน์จากสวนหลวง ร.9 ทั้งออกกำลังกายยามเช้า พักผ่อนหย่อนใจ ชมนกชมไม้ หรือมาศึกษาธรรมชาติไปจนถึงเรื่องราวเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ไทยองค์ปัจจุบัน

จากสี่แยกประเวศ ผมควบจักรยานเสือภูเขาคันโปรดแล้วออกแรงปั่นมาตามถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ที่ผมเลือกใช้ MTB หรือเสือภูเขาก็เพราะรู้ว่าเส้นทางนี้ไม่ได้ราบเรียบหรือมีกุหลาบโรย...ดังที่จะเล่าในบรรทัดต่อๆ ไป

อันที่จริงจะกล่าวหาว่าถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ไม่ราบเรียบก็คงไม่ยุติธรรมนัก เพราะเท่าที่ได้ใช้ถนนหนทางหลายเส้นหลายสาย ถนนสายนี้ก็ดูเป็นมิตรต่อนักปั่นมากพอสมควร ติดตรงที่ว่า หลายช่วงถนนมีจุดลดความเร็ว (ที่เป็นคลื่นๆ ลอนๆ บนถนน) ให้หัวสั่นหัวคลอนกันพอมึนๆ แต่ยิ่งปั่นไปยิ่งเจอ มากันเป็นคอมโบเซ็ต ลดความเร็วไม่ทันไรก็ลดความเร็วอีกแล้ว สั่นตั้งแต่ปลายเท้าจรดปลายผม และก่อนถึงสะพานข้ามคลองปลัดเปรียงกำลังมีงานก่อสร้างถนนตัดมาจากถนนอ่อนนุช-ลาดกระบัง กรวด หิน ดิน ทราย มากันแบบจัดเต็ม แต่ผมเชื่อมั่นเหลือเกินว่า (ทางการเชียว) เมื่อก่อสร้างเสร็จถนนสายนี้จะกลับมาเป็นมิตรต่อนักปั่นอีกครั้ง...วันนี้ก็อาศัยเสือภูเขาลุยกันไปก่อน

แหม...กว่าจะถึงสวนหลวง ร.9 เหงื่อตกกันไปหลายลิตร แต่พอได้เห็นทางเข้าแลแมกไม้สีเขียวก็ปลุกพลังให้ฟิตปั๋งขึ้นได้อีกอึดใจหนึ่ง มองดูนาฬิกาห้าโมงเย็นพอดี นับเป็นเวลาดีเพราะที่นี่เปิดให้เข้าฟรีตั้งแต่ตีห้าถึงเก้าโมงเช้า แล้วจะเปิดให้เข้าฟรีอีกทีตอนห้าโมงเย็นจนถึงหนึ่งทุ่ม สำหรับรอยต่อเก้าโมงเช้าถึงห้าโมงเย็นจะเก็บค่าเข้าคนละ 10 บาท, จักรยานยนต์ 5 บาท, รถยนต์ 10 บาท, รถตู้ 20 บาท, รถบัส 30 บาท

...แล้วจักรยานล่ะ!?

ไม่ต้องตกใจเพราะจักรยานได้รับสิทธิพิเศษเสียค่าเข้ารวมไปกับเจ้าของ คือ 10 บาท (ถูกจัง)

ด้วยความที่สวนหลวง ร.9 เป็นสวนพฤษศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร จึงทำให้ที่นี่ถูกปกคลุมด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ทั้งต้นไม้ใหญ่ ไม้น้ำ และไม้ดอกสีสดสวย ตลอดเส้นทางยางมะตอยสีดำเรียบ จึงมีสองข้างทางเป็นสีเขียวสลับสีสันตลอด แต่ถึงแม้เส้นทางจะดีและเหมาะสมกับการปั่นจักรยานแค่ไหนก็อย่าเผลอปั่นเข้าไปในส่วนที่มีป้ายห้ามเข้าเด็ดขาด เพราะนอกจากการฝ่าฝืนนั้นจะแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นนักปั่นที่ไร้ความรับผิดชอบแล้ว การกระทำผิดกฎอาจกระทบต่อการงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้วย

สำหรับใครที่คิดว่าปั่นรอบสวน (จริงๆ ไม่ถึงครึ่งสวน) แล้วยังไม่หนำใจ นอกจากวิธีวนไปวนมาให้ได้ระยะทางตามที่ต้องการแล้ว ยังมีอีกวิธีซึ่งทางสวนหลวง ร.9 จัดไว้ให้สำหรับนักปั่นผู้หลงใหลความเร็วโดยเฉพาะ นั่นคือ 'สนามราษฎร์' เส้นทางวงกลมระยะทางรอบละประมาณ 800 เมตร พื้นดี เรียบ และโล่ง สนามราษฎร์จึงเป็นศูนย์รวมของนักปั่นขาแรงจำนวนมาก

แต่สำหรับขาอ่อน (แบบผม) อย่าเพิ่งกังวลใจ เพราะทุกคนมีสิทธิ์ใช้สนามราษฎร์ได้เท่าๆ กัน เพียงแต่ต้องหาจังหวะดีๆ รอให้ถนนโล่งแล้วค่อยเข้าไปร่วมเส้นทางปั่น หลังจากนั้นหากยังไม่มั่นใจว่าจะแรงพอ ก็ให้ปั่นชิดซ้ายไว้ตลอด จะแซง จะหลบ ควรมองซ้ายมองขวาให้ดี แล้วชีวีจะปลอดภัย

และเป็นที่รู้กันดีว่าสวนหลวง ร.9 เป็นสวนสาธารณะที่ได้รับความนิยมมาก ภาพของคนออกกำลังกาย นั่งๆ นอนๆ ไปจนถึงถีบเรือเป็ด (หรือหงษ์หว่า...) จึงเป็นภาพชินตา และที่ชินตาและเป็นแลนด์มาร์กของที่นี่ไปแล้วคือ 'หอรัชมงคล' ภายในจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวพระราชกรณียกิจและเครื่องใช้ส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 (เตือนก่อนว่าบริเวณนี้ไม่อนุญาตให้นำจักรยานเข้าไปปั่น)

สำหรับวันหยุดก่อนสงกรานต์แบบนี้ ริมถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 โดยเฉพาะละแวกหน้าสวนหลวง ร.9 อาจเริ่มมีผู้คนเล่นน้ำกันบ้างแล้ว การจะปั่นจักรยานผ่านถนนสายนี้ที่ขึ้นชื่อว่ามีประเพณีเล่นน้ำดุเด็ดเผ็ดมันและชุ่มฉ่ำตลอดสาย อาจต้องวางแผนกันให้ดี

แต่ที่ง่ายกว่าคือ "เตรียมใจ" เปียกบ้างอะไรบ้าง แล้วค่อยไปนอนตากลมบนผืนหญ้านุ่มๆ ในสวนก็ดีมิใช่น้อย...