ดอกไม้กลางสายหมอก ณ ดอยตุง

ดอยตุง เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความงดงามของเชียงราย และน่าที่จะเดินทางไปสักครั้ง
ดอกไม้กลางสายหมอก ณ ดอยตุง
ครั้งใด...ที่มีใครบางคนพูดถึงเชียงราย ก็ต้องนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวเช่นดอยตุง เมื่อนึกถึงดอยตุง ก็นึกถึงสมเด็จย่า...
มาเที่ยวเชียงรายก็หลายครั้ง แต่ไม่เคยมีโอกาสแวะไปพระราชตำหนักดอยตุง คราวนี้เป็นโอกาสอันงามที่ได้สัมผัสอากาศหนาวในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เมื่อเจ้าของสโลแกนโครงการ “ลัดฟ้าประชุมเมืองไทย...อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ” โดยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ ชักชวนให้มาเที่ยวโครงการพระราชดำริในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุงฯ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
นั่นทำให้ฉันนึกถึงดอกไม้เมืองหนาว ต้นไม้ใหญ่บนดอย และเสียงแห่งขุนเขา รวมถึงหมอกบางๆ ในห้วงเวลาที่อาทิตย์กำลังคล้อยจากขอบฟ้า
1.
ในห้วงเวลาที่ใครๆ ก็อยากชมดอกไม้บนดอยสูง และนั่นทำให้นึกถึงการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นงานหนึ่งในการพัฒนาดอยตุงร่วมกับหลายงาน ทั้งงานด้านหัตถกรรม อาหารแปรรูป และการเกษตร ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงการสร้างงานในชุมชนให้มีมูลค่ามากยิ่งขึ้น เพราะผ้าพันคอสวยๆ ดอกไม้งามๆ ผลิตภัณฑ์อาหารแบรนด์ดอยตุง เป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวที่บ่งบอกเอกลักษณ์ความเป็นไทย
ดอยตุง ซึ่งตั้งอยู่บนเทือกเขานางนอน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 1,630 เมตร เป็นดินแดนแห่งการอนุรักษ์ผืนป่าและอนุรักษ์วัฒนธรรมของชนกลุ่มน้อย มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามหลายแห่ง ตั้งแต่พระตำหนักดอยตุง สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง หอแห่งแรงบันดาลใจ สวนแม่ฟ้าหลวง ฯลฯ
พระตำหนักดอยตุงบ้านหลังแรกของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีที่ทรงให้สร้างขึ้นด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ โดยเน้นความเรียบง่ายและการใช้ประโยชน์ได้จริง เริ่มดำเนินการสร้างเมื่อพระองค์ท่านเจริญพระชนมายุได้ 88 พรรษา โดยมีพิธีลงเสาเอกซึ่งทางเหนือเรียกว่า พิธีปกเสาเฮือน เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2530
แค่ย่างก้าวสู่ทางเดินขึ้นพระตำหนักดอยตุง ก็รู้สึกถึงความรื่นรมย์ ได้ชมนก ชมไม้ ดอกไม้ข้างทางไปเรื่อยๆ เมื่อมาถึงพระตำหนัก ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมล้านนากับบ้านพื้นเมืองของสวิสเซอร์แลนด์ และบ้านไม้ซุง ตัวอาคารมีสองชั้นและชั้นลอย ที่ประทับชั้นบนแยกเป็นสี่ส่วน
แม้จะมีสไตล์บ้านแบบพื้นเมืองสวิสผสมผสาน แต่กลับรู้สึกถึงความเป็นไทยแบบล้านนา ก่อนจะเดินเข้าไปในพระตำหนัก เจ้าหน้าที่จะแจกเครื่องอัดเสียงบรรยายที่มาที่ไปในแต่ละจุดของพระตำหนัก เพื่อให้รับรู้เรื่องราวสั้นๆ เข้าใจปรัชญาในการดำเนินชีวิตของสมเด็จย่า
ว่ากันว่า ทุกส่วนเชื่อมต่อกันเป็นอาคารหลังเดียวเสมอกับลานกว้างยอดเนินเขา ส่วนชั้นล่างจะเกาะอยู่ตามไหล่เนินเขา ลักษณะเด่นอยู่ที่กาแล และเชิงชายแกะสลักลายเมฆไหลรอบพระตำหนัก
ภายในท้องพระโรงจะเห็นเพดานดาว ทำด้วยไม้สนแกะสลักเป็นกลุ่มดาวต่างๆ ล้อมรอบระบบสุริยะจักรวาล และที่เชิงบันไดแกะเป็นตัวพยัญชนะไทยพร้อมภาพประกอบ ไม้ที่ใช้ตกแต่งภายในพระตำหนักส่วนใหญ่ เป็นไม้ลังใส่สินค้ามาจากต่างประเทศ ส่วนภายนอกพระตำหนักเต็มไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวนานาพันธุ์ที่สวยงามและสดชื่นตลอดปี
ตัวอาคารชั้นบนแยกออกเป็น 4 ส่วน ส่วนที่ประทับของสมเด็จย่า มีหนังสือสืบสวนวางไว้ในห้องนอน เพราะก่อนนอน สมเด็จย่าชอบอ่านหนังสือและชอบดูดาว การตกแต่งภายในเป็นไปอย่างเรียบง่าย ด้วยโทนสีอ่อนหวาน เน้นประโยชน์ใช้สอยอย่างพอดี ส่วนตรงกลางเพดานท้องพระโรงพระตำหนัก แกะสลักเป็นกลุ่มดาวในสุริยะจักรวาลเรียงตามองศาในวันที่ 21 ตุลาคม 2443 ซึ่งเป็นวันพระราชสมภพ คำนวณ และออกแบบโดยสมาคมดาราศาสตร์แห่งประเทศไทย
2.
เหมือนเช่นที่กล่าวมา มาเชียงรายต้องนึกถึงดอยตุงก่อนอื่นใด
เพราะความสวยงามของดอกไม้เมืองหนาว โดยเฉพาะ สวนแม่ฟ้าหลวง บนดอยตุง นับได้ว่าเป็นสวนดอกไม้ที่สวยที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของพระธาตุดอยตุง ซึ่งเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงราย ทั้งยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีกุนอีกด้วย
ถ้าให้เทียบระหว่างสวนแม่ฟ้าหลวงกับงานพืชสวนโลก ฉันต้องยกนิ้วให้สวนแห่งนี้ เพราะมีชีวิตชีวามากกว่า ไม่ว่าจะเดินไปมุมสวนส่วนไหนก็ถ่ายรูปได้เกือบทุกมุม อย่างเรือนรองเท้านารี ก็มีพันธุ์ไม้ที่หลากหลายของเมืองไทยมารวมอยู่ในที่เดียวกัน ในส่วนของสวนในภาชนะ ตกแต่งสวนสวยด้วยภาชนะรูปแบบต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ บางกระถางใช้หัตถกรรมไทยๆ หรือเครื่องปั้นดินเผามาใส่ต้นไม้เป็นแรงบันดาลใจให้คนที่ชอบปลูกต้นไม้ แม้กระทั่งสวนหิน ก็มีความหลากหลายในการใช้หินและกรวด อีกทั้งยังมีสวนประติมากรรม สวนน้ำพุ และสวนไม้เด่นประจำเดือน
ส่วนป่าในสวน ออกแบบมาเพื่อเป็นสวนที่แบ่งปันเรื่องราวของพันธุ์ไม้พื้นบ้านที่มีอยู่จริงในป่าของดอยตุง ไม่ว่าจะเป็น เฟิร์นกีบแรด กระทือดง ค้างคาวดำ พันธุ์ไม้ป่าและพันธุ์ไม้ยืนต้นกว่า 70 สายพันธุ์ ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในป่า แต่เป็นป่าที่สวยงาม
ปัจจุบัน สวนแม่ฟ้าหลวง ตั้งอยู่บนพื้นที่ 25 ไร่ ใกล้กับพระตำหนักดอยตุง โดยสวนแห่งนี้ได้รับการออกแบบให้สวยงามตลอด 365 วัน แปลงไม้ดอกหลากหลายพันธุ์ และหลายหมื่นดอกถูกจัดแต่งหมุนเวียนให้สวยงามไม่ซ้ำกันทั้งสามฤดู
3.
ถ้าจะไปดูอาทิตย์คล้อยจากเหลี่ยมเขา ต้องแวะไปที่ สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง หรือดอยช้างมูบ ดอยที่สูงสุดของเทือกเขานางนอน ในสมัยที่สมเด็จย่าเสด็จฯทรงงานในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง ได้เสด็จฯทอดพระเนตรทิวทัศน์บริเวณนี้บ่อยมาก ซึ่งพวกเราก็มีโอกาสยืนชมทิวทัศน์ในจุดนั้นเช่นกัน ในช่วงโพล้เพล่ แสง เงา สีสันท้องฟ้า และเหลี่ยมเขางดงามมาก
เพราะพระราชดำริของสมเด็จย่า อยากให้ช่วยกันฟื้นคืนสภาพป่าดอยช้างมูบให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ปัจจุบันจึงกลายเป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้ ดอกกุหลาบพันปีจาก 4 ทวีปทั่วโลก โดยเริ่มแรกสมเด็จย่าให้เคลื่อนย้ายกุหลาบพันปีจากดอยเหมย เมืองเชียงตุง ประเทศพม่าจำนวน 99 ต้นมาปลูกในบริเวณนี้ และมีพันธุ์ไม้ต่างๆ ทยอยนำมาปลูก ตั้งแต่ดอกกล้วยไม้ กล้วยไม้ดิน ไม้หายากอีกไม่น้อย และดอกป๊อปปี้สายพันธุ์ต่างๆ และที่สำคัญสวนแห่งนี้มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี เหมาะสำหรับคนที่โหยหาความหนาวที่หาได้ยากยิ่งในเมืองไทย
นอกจากแหล่งท่องเที่ยวในธรรมชาติ สวนดอกไม้กลางสายหมอกอีกแห่งที่ฉันคิดว่า คนไทยควรแวะไปอย่างยิ่งคือ หอแห่งแรงบันดาลใจ ที่จัดแสดงเรื่องราวของราชสกุลมหิดลว่ากันถึงครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่งที่สมาชิกทุกพระองค์ต่างเป็นแรงบันดาลใจซึ่งกันและกัน ในการทรงงานเพื่อปวงชนคนไทย
ต้องบอกก่อนว่า ที่นี่เป็นแรงบันดาลใจที่นำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตได้ มีการจัดนิทรรศการที่เรียกได้ว่าทำได้ดี ในแง่องค์ประกอบศิลปะและเนื้อหาการเล่าเรื่องสมกับชื่อหอแห่งแรงบันดาลใจ ไม่ว่าสิ่งของเครื่องใช้เล็กๆ น้อยๆ ของสมเด็จย่า พระเจ้าอยู่หัวฯ เป็นความเพลิดเพลินและได้แง่คิดที่ได้รู้เห็นปรัชญาแนวคิดในการดำเนินชีวิตของราชสกุลมหิดล ฉันไปยืนดูดินสอและกบเหลาดินสอที่ในหลวงทรงงานอยู่พักหนึ่ง ความพอเพียงและพอดีในการใช้สิ่งของของพระองค์มีอยู่ในพระจริยวัตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งป้ายโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งน่าทึ่งมากที่มีโครงการยาวเหยียด
นิทรรศการเหล่านี้ หวังให้ผู้เข้าชมได้เกิดแรงบันดาลใจ ยึดมั่นในความดี คิดดี ประพฤติปฏิบัติดีเท่าที่ตนเองจะสามารถทำได้ เพื่อพลังแห่งความดีนี้จะได้ผลิดอกออกผลบานสะพรั่งไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
ถ้าจะบอกว่าเป็นหอแห่งแรงบันดาลใจที่มีพลังในการส่งสารถึงประชาชนก็ว่าได้ ด้วยรูปแบบที่นำเสนออย่างเรียบง่าย และมีลูกเล่น ทำให้ไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเหมือนนิทรรศการทั่วไป
มีอยู่หลายประโยคที่ฉันอยากเก็บไว้ในความทรงจำ เหมือนเช่นประโยคที่เขียนว่า "สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอาจไม่ใช่สิ่งที่เห็น"
นอกจากหอแห่งแรงบันดาลใจ เมืองเชียงราย ยังมีแหล่งทางด้านศิลปะวัฒนธรรมที่งดงาม ถ้าคนที่ชอบสถาปัตยกรรมแบบล้านนา และองค์ประกอบการจัดสวน ต้นไม้ใบหญ้า ต้องแวะไปที่ อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง สถานที่แห่งนี้ อาจารย์นคร พงษ์น้อย เป็นผู้อำนวยการที่แม้จะเกษียณแล้ว ก็ยังทำหน้าที่อันทรงเกียรติ เพราะเป็นคนที่รู้จักสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี
สถานที่แห่งนี้ประกอบด้วยหอคำ สถาปัตยกรรมล้านนาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัดปงสนุก อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง รูปทรงอาคารตามลักษณะเรือนล้านนาโบราณ หลังคาแป้นเกล็ดเป็นแผ่นไม้สัก วางซ้อนเหลื่อมแทนแผ่นกระเบื้อง โดยได้ช่างพื้นบ้านผู้ก่อสร้างจากจังหวัดเชียงรายและแพร่ ช่างแกะสลักจากเชียงใหม่และลำพูน มีชาวเชียงรายร่วมใจสร้างหอคำแห่งนี้ ถวายเป็นเครื่องไหว้สาแม่ฟ้าหลวง ในโอกาสที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเจริญพระชนมายุ 84 พรรษาเมื่อปีพุทธศักราช 2527
เวลาเดินเข้าไปในหอคำ อาจารย์นครมักจะบอกว่า ให้เดินเวียนซ้าย และทำจิตให้สงบ ระหว่างเดินชมรู้สึกได้ถึงความศรัทธาทางพุทธศาสนา เพราะที่นี่รวบรวมศิลปวัตถุ และงานพุทธศิลป์อายุกว่า 200 ปี เช่น พระพร้าโต้องค์ประธาน มีจารึกว่าสร้างในปี พ.ศ.2236 เพราะในยุคนั้นยังไม่มีเครื่องมือเหมาะสมในการสลักเสลาพระพุทธรูปไม้ จึงใช้เพียงมีดโต้แกะสลักเป็นพระพุทธรูปได้อย่างสง่างาม และเป็นความงามในเชิงพุทธศิลป์และเป็นสัญลักษณ์ศูนย์รวมจิตใจของผู้ศรัทธา
ส่วนหอแก้ว เป็นอาคารจัดแสดงนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับไม้สัก และนิทรรศการชั่วคราวอื่นๆ ที่หมุนเวียนกันไป ตัวอย่างศิลปะวัตถุไม้สักที่นำมาจัดแสดงในหอแก้ว อาทิ ศาลพระภูมิ วงปีของไม้สักพระพุทธรูป นาคทัณฑ์ หน้าบัน โก่งคิ้ว กาแล และช่อฟ้า ฯลฯ
...............
การเดินทาง
ถ้าจะเดินทางไปจังหวัดเชียงราย ปัจจุบันการเดินทางด้วยเครื่องบินค่อนข้างสะดวกสบาย มีทั้งสายการบินนกแอร์ แอร์เอเชีย และการบินไทย หรือจะขับรถก็สามารถใช้ทางหลวงหมายเลข 11 จากอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ผ่านพิษณุโลก อุตรดิตถ์-เด่นชัย-แพร่ แยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 103 ไปอำเภองาว แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านพะเยาไปจังหวัดเชียงราย รวมระยะทางประมาณ 785 กม. และขากลับสามารถใช้เส้นทางสายใหม่จากเชียงราย ผ่านอำเภอแม่สรวย-เวียงป่าเป้า-แม่ขะจาน-ดอยสะเก็ด มาเชียงใหม่ จากนั้นวิ่งไปตามทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านลำพูน มาลำปาง บรรจบกับทางหลวงหมายเลข 1 เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ
สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดนี้ มีตั้งแต่พระตำหนักดอยตุง หอแห่งแรงบันดาลใจ (เปิดให้ชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00- 17.00 น.),สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง (ค่าธรรมเนียมเข้าชม 50 บาท เปิดเวลา 07.00-17.00 น.) ส่วนอุทยานศิลปวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง ติดต่อโทร0-5371-6605-7 เปิดบริการวันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา 08.30 น. - 17.00 น. และศูนย์ท่องเที่ยวและบริการ สำนักงานประสานงานโครงการพัฒนาดอยตุงฯ ติดต่อที่เบอร์ 053-767015-4







