ผีเสื้อราตรี 'คาบูกิโช'

ผีเสื้อราตรี 'คาบูกิโช'

ญี่ปุ่นเป็นหมุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนไทยและนักเดินทางทั่วโลก

ไม่เฉพาะแต่แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ขึ้นชั้นมรดกโลกหลายต่อหลายแห่งซึ่งใครๆ ต่างปรารถนาไปเยือน ธรรมชาติก็งดงามไร้ที่ติ ทว่าที่น่าสนใจไม่แพ้กับแหล่งชอปปิง ก็คือย่านบันเทิงยามค่ำคืนที่รับประกันความตื่นตาตื่นใจ

เป็นที่รู้กันในหมู่นักท่องราตรีว่า พอตกค่ำย่านดังอย่าง “ชินจูกุ” (Shinjuku) ของโตเกียว มักจะคึกคักไปด้วยผู้คนที่มาผ่อนคลายอารมณ์หลังเลิกงาน สาวๆ แวะมาหาของอร่อยๆ รับประทานก่อนกลับบ้าน ส่วนหนุ่มๆ ก็มาสังสรรค์ระบายอารมณ์

คาบูกิโช (Kabukicho) เป็นย่านบันเทิงติดดาวและติดเรท (Rate) ของชินจูกุ ที่เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีไม่ควรเข้า เพราะย่านเริงรมย์แห่งนี้เต็มไปด้วยคลับ บาร์ ร้านปาจิงโกะ ร้านอาหาร และโรงแรม(รายวัน)มากมาย โดยย่านนี้จะเริ่มคึกคักตั้งแต่ 6 โมงเย็นขึ้นไป แล้วก็สว่างไสวตลอดคืน นักท่องเที่ยวจะรู้จักกันดีในฐานะ Red-Light District หรือย่านโคมแดง

เดิมทีย่านนี้มีโครงการจะสร้างโรงละครคาบูกิ ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงดั้งเดิมของญี่ปุ่น แต่ก็ถูกยกเลิกไปในที่สุด จึงเหลือไว้เพียงชื่อ “คาบูกิโช” เป็นที่ระลึก ปัจจุบันทุกๆ ค่ำคืนของย่านนี้จะเต็มไปด้วยนักท่องราตรีที่หลงรักแสงสีคืนละเกือบหมื่นคน

เขามาทำอะไรกัน แน่นอนว่า ร้านอาหารแถบนี้รสชาติไม่ได้ถึงอกถึงใจเมื่อเทียบกับร้านอื่นๆ ในย่านชินจูกุ แต่รสสัมผัสทางสายตาต่างหากที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเทใจมาเยือน

คล้ายๆ อัมสเตอร์ดัมของฮอลแลนด์ ย่านนี้ถูกขนานนามว่า “โคมแดง” ก็เพราะมีคลับ บาร์ และ “การค้า” ที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยใน Hostess Club จะมี “เคียะบะโจ” หรือสาวๆ ที่ทำงานหลายรูปแบบ ตั้งแต่เป็นเพื่อนคุยธรรมดา หรือจะอัพขึ้นมาเป็นเพื่อนนั่งดริงค์ แต่ที่เลยเถิดออกไปให้บริการกันนอกถิ่นก็มีไม่น้อย ซึ่งต้องจ่ายในราคาที่แพงกว่า ส่วนใหญ่เจ้าของคลับบาร์จะไม่ว่าอะไร ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการตกลง

คลับลักษณะนี้อาจมีให้เห็นทั่วไปในหลายประเทศ แต่ที่พิเศษของย่านคาบูกิโชก็คือ จะมีหนุ่มๆ หน้าตาดีคอยให้บริการสาวๆ ที่ต้องการคนเอาใจอยู่ในสถานบริการที่เรียกว่า Host Club เชื่อหรือไม่ว่าความหล่อของหนุ่มๆ ที่ทำงานลักษณะนี้เทียบชั้นดาราทีวี หรือนายแบบดังๆ ของญี่ปุ่นได้เลย

หน้าโฮสต์คลับจะติดอันดับหนุ่มหล่อกระชากใจไว้เอาให้สาวๆ เลือกใช้บริการ แน่นอนว่า ใครที่ครองอันดับเลขตัวเดียวย่อมมีราคาสูงกว่าเลขลำดับล่างๆ ซึ่งรูปแบบการทำงานของโฮสต์เหล่านี้ก็จะไม่ต่างจาก “เคียะบะโจ” เท่าไร คือหนุ่มๆ จะใช้วาจาหวานๆ กับหน้าหล่อๆ ของพวกเขาคลายความเหงาให้สาวผู้เข้ามาใช้บริการ แต่ถ้าฉากจบไม่ได้อยู่แค่ที่ทำงานก็ต้องจ่ายเพิ่มตามตกลง

หากเดินไปบนถนนสายนี้สังเกตให้ดีจะมีหนุ่มๆ หน้าตาดี แต่งตัวดี โดยมากจะใส่สูทสีดำเป็นสัญลักษณ์ออกมาชักชวนหญิงสาวที่ดูสตางค์ เพื่อให้พวกเธอตามเข้าไปใช้บริการภายในคลับ แต่ก็อย่างที่บอกย่านนี้เต็มไปด้วยคลับ บาร์ ที่มีคนทำงานลักษณะเดียวกันมากมาย เพราะฉะนั้น บนนถนน 1 สาย จึงต้องมา “อาณาเขต” ของใครของมัน ซึ่งความสนุกของย่านนี้อยู่ที่การนั่งดูหนุ่มๆ เขา “ขายบริการ”

ไม่ผิดหรอก เขาขายบริการกันจริงๆ แต่ขายกันด้วยการพูดจา และก็อย่างที่บอกว่าโฮสต์แต่ละคลับจะมีอาณาเขตของตัวเอง หากเลือกสาวสวยที่ถูกใจได้ แต่ขาย “ไม่ผ่าน” หมายถึงหญิงสาวไม่ตกลงซื้อบริการ โฮสต์เหล่านี้ก็ต้องยินยอมให้พวกเธอผ่านไปหาโฮสต์คนอื่นที่อยู่คลับต่อๆ ไป ไม่มีการ “ล้ำเส้น” ใดๆ ทั้งนั้น

สำหรับหญิงสาวที่มาใช้บริการส่วนใหญ่จะมีเงินถุงเงินถังพอสมควร อาจจะเป็นแม่บ้านมีเงิน หรือสาวออฟฟิศตำแหน่งดี แต่ที่เป็นเป้าหมายหลักของหนุ่มๆ โฮสต์เหล่านี้ กลับเป็นผู้หญิงที่ “ขายบริการ” เหมือนกัน นั่นก็เพราะ 1.พวกเธอเคยเป็นผู้ให้บริการที่ต้องเอาใจผู้ชาย ดังนั้นจึงอยากมีผู้ชายมาเอาใจพวกเธอบ้าง และ 2.เงินมากมายในกระเป๋า ถ้าสามารถซื้อความสุขชั่วคราวได้ พวกเธอก็พร้อมจ่ายโดยไม่อิดออด ดังนั้นลูกค้าที่โฮสต์ชอบจึงเป็นผู้หญิงกลุ่มเดียวกัน

ด้วยรายได้ที่ล่อตาล่อใจ(เดือนละหลายแสนบาท) และเป็นเรื่องถูกกฎหมาย จึงมีหนุ่มหล่อระดับซุปเปอร์สตาร์สมัครเข้ามาทำหน้าที่ “รักษาอาการเหงา” ให้กับสาวๆ ที่ต้องการ

ประเทศไทยอาจดูหมิ่นผู้ชายที่หากินกับผู้หญิง แต่สำหรับญี่ปุ่นแล้ว โฮสต์ถือเป็นอาชีพสุจริตที่คนทั่วไปยอมรับ ที่สำคัญเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับพวกเขามากมายโดยไม่ได้เหนื่อยยาก(เท่าไร) ซึ่งโฮสต์หนุ่มหลายคนทำงานนี้เป็นจ๊อบพิเศษเท่านั้น ภาคกลางวันของบางคนก็อาจจะเป็นหนุ่มออฟฟิศธรรมดา หรือว่าทำงานประจำเหมือนคนอื่นทั่วไป

แนะนำไว้สำหรับนักท่องเที่ยว เพียงแค่เดินเฉี่ยวเข้าไปซื้อวาฟเฟิลรสอร่อย แล้วนั่งดูบรรดาหนุ่มน้อยเขาใช้ถ้อยคำในการ “ขายบริการ” แค่นั้นก็สนุกสนานมากเพียงพอแล้ว สำหรับการเดินทางมาสัมผัส Red-Light District แห่งชินจูกุ ณ โตเกียว

------------------------

เมืองที่ไม่เคยหลับ

คาบูกิโช เป็นย่านบันเทิงกลางคืนในเขตชินจูกุ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้รับการขนานนามว่า "เมืองที่ไม่เคยหลับ" ชื่อของย่านนี้มีที่มาจากแผนการก่อสร้างโรงละครคาบุกิเมื่อปลายทศวรรษที่ 1940 แม้ว่าโรงละครจะไม่ได้ถูกสร้าง แต่ชื่อก็ยังคงอยู่จนทุกวันนี้

ย้อนอดีตกลับไปตั้งแต่ยุคที่ชื่อของคาบูกิโชยังไม่เป็นที่รู้จัก บริเวณที่เป็นแหล่งท่องราตรีที่มีชื่อเสียงในปัจจุบันนี้ เคยเป็นหนองน้ำที่รู้จักกันในชื่อว่า สึโนะฮะสุ (Tsunohazu) หลังจากยุคเมจิ พื้นที่ชุ่มน้ำได้กลายเป็นที่อยู่อาศัยของนกเป็ดน้ำ กระทั่งเมื่อโรงงานบำบัดน้ำเสียโยโดบาชิถูกสร้างขึ้นในปี 1893 หนองน้ำนี้ก็ถูกถม

ปี ค.ศ.1920 โรงเรียนสตรีแห่งหนึ่งได้ถูกสร้างขึ้นในบริเวณดังกล่าว และพื้นที่โดยรอบก็ถูกพัฒนาให้เป็นย่านที่อยู่อาศัย ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อมีการทิ้งระเบิดในกรุงโตเกียวในปี ค.ศ.1945 บริเวณนี้ก็ถูกทำลายไปด้วย หลังจากสงครามสงบลง ได้มีแผนการก่อสร้างโรงละครคาบุกิขึ้น และย่านนี้ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น คาบูกิโช แต่แผนการก่อสร้างต้องถูกยกเลิกไปเนื่องจากปัญหาทางการเงิน ส่วนชื่อของย่านนี้ยังคงถูกใช้เรียกเรื่อยมา

คาบูกิโช ได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว โดยชาวจีนโพ้นทะเลที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นได้ซื้อที่ดินบริเวณนี้แล้วดำเนินการพัฒนาครั้งใหญ่ ปัจจุบันย่านนี้ถูกเปลี่ยนแปลงจากย่านที่อยู่อาศัยให้กลายเป็นย่านบันเทิงที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีบาร์ ไนต์คลับ โรงแรม และสถานบันเทิงต่างๆ กว่า 3,000 ร้าน ล่าสุดมันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งของนักท่องเที่ยวชาวจีนและเกาหลี ทำให้แม้จะเป็นเวลากลางวันก็ยังคงคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว