มือเดียวปักหมุด "แอฟริกาใต้" บนแผนที่โลก

มือเดียวปักหมุด "แอฟริกาใต้" บนแผนที่โลก

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามรดกสำคัญที่ "เนลสัน แมนเดลา" ทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังคือการพาประเทศชาติรอดพ้นจากความขัดแย้งเรื่องผิวสี ชาติพันธุ์

และจากสงครามกลางเมือง ด้วยสันติวิธีและประชาธิปไตย นั่นทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 1993 และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่สำคัญทางการเมืองที่สุดในศตวรรษที่ 20

และถ้าไม่มีรัฐบุรุษผิวสีผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ โลกเราก็อาจจะไม่รู้จักประเทศแอฟริกาใต้เลย

มรดกของแมนเดลายังก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวของแอฟริกาใต้ด้วย ก่อนหน้าที่เขาจะได้รับอิสรภาพ ก่อนที่การสั่งแบนพรรคสภาแห่งชาติแอฟริกันจะถูกยกเลิก รวมถึงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยในปี 1994 สถิติการท่องเที่ยวของแอฟริกาใต้อยู่ในสภาวะที่ย่ำแย่

ปริมาณการเดินทางเข้าแอฟริกาใต้จากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สวาซิแลนด์ นามิเบีย เลโซโท และบอตสวานา ได้ถูกละเลยหรือลดปริมาณลงเนื่องจากระบอบการปกครองที่แบ่งแยกเชื้อชาติ และยังมีข้อน่าสงสัยว่าจำนวนนักเดินทางจากประเทศตะวันตกจะถูกตกแต่งให้ดูดีเพื่อสะท้อนให้เห็นภาวะปกติของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

หลังจากบิดาแห่งแอฟริกาใต้ยุคใหม่จากโลกนี้ไปด้วยวัย 95 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซีอีโอแห่งการท่องเที่ยวแอฟริกาใต้ได้กล่าวยกย่องว่าท่านเป็นผู้ที่ปักหมุดแอฟริกาใต้ลงบนแผนที่โลกได้ด้วยมือเดียว ซึ่งนับเป็นคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อการท่องเที่ยวของประเทศ

“ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน ถ้าบอกว่ามาจากแอฟริกาใต้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำแรกที่ทุกคนจะพูดถึงก็คือ แมนเดลา” ทูลานี ซีม่า ซีอีโอของการท่องเที่ยวแห่งแอฟริกาใต้กล่าวในแถลงการณ์

ทูลานีกล่าวต่อไปว่า แมนเดลาไม่ได้เป็นแค่ฮีโร่ของชาวแอฟริกาใต้หรือมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของประเทศเท่านั้น แต่ความสามารถในการเป็นผู้นำอันน่าทึ่ง ความเห็นอกเห็นใจและวิสัยทัศน์ของเขายังทำให้เขากลายเป็นวีรบุรุษและมีสถานะที่โดดเด่นในสายตาของคนทั้งโลก

ในแถลงการณ์ยังระบุว่า แมนเดลาเป็นคนเปิดประตูแอฟริกาใต้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นรัฐนอกคอกที่ไม่มีใครยอมรับให้เป็นที่รู้จักของคนในโลก เฉพาะชื่อของแมนเดลาเพียงคนเดียวก็สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นล้านๆ คนให้เดินทางมาเยือนแอฟริกาใต้ทุกปี เพราะต้องการเดินตามรอยเท้าของนักต่อสู้ด้วยสันติวิธีที่ยิ่งใหญ่คนนี้

ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขของนักเดินทางต่างชาติที่เดินทางมาเยือนแอฟริกาใต้เพิ่มขึ้นจาก 3.4 ล้านคนในปี 1993 เป็น 13.5 ล้านคนในปี 2012 ในจำนวนนี้มี 9.2 ล้านคนที่ถูกจัดกลุ่มว่าเป็นนักท่องเที่ยว

"มรดกของเขาได้ช่วยเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การท่องเที่ยวในแอฟริกาใต้ อย่างเรือนจำบนเกาะร็อบเบน นอกเมืองเคปทาวน์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาถูกจำคุกเป็นเวลา 27 ปี ตอนนี้ยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลก และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศ " ทูลานีกล่าว

นอกจากนี้ ถนนวีลาคาซีที่เขาอาศัยอยู่ในเมืองโซวีโตยังเป็นถนนเส้นเดียวในโลกที่เป็นบ้านของเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ 2 คนนั่นคือแมนเดลาและอาร์คบิชอป เดสมอนด์ ตูตู ซึ่งทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของโซวีโตบูมมาก

สถานที่อื่นๆ ที่มีความเกี่ยวพันกับชีวิตของนักสันติภาพผู้ยิ่งใหญ่ในแอฟริกาใต้ ยังมี ฟาร์มลิลลี่ลีฟ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองโจฮันเนสเบิร์กและสถานที่ที่แมนเดลาถูกจับกุมใกล้ๆ โฮวิค ซึ่งได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ

นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดผู้คนนับแสนๆ คนให้มาเยือนเป็นประจำทุกปีด้วยแรงบันดาลใจจากแมนเดลา เช่น พิพิธภัณฑ์ Apartheid ที่มีเรื่องราวของประวัติศาสตร์การแบ่งแยกสีผิวของแอฟริกาใต้ ฟรีดอมพาร์ค พิพิธภัณฑ์ Hector Pieterson และโรงแรม Saxon ซึ่งเป็นที่ที่แมนเดลาพำนักอยู่ช่วงที่เขาเขียนหนังสือชื่อ “Long Walk to Freedom” ที่นี่มีต้นฉบับที่เขียนด้วยลายมือใส่กรอบประดับไว้บนผนัง

ก่อนหน้านี้มีบริษัทท่องเที่ยวหลายแห่งเตรียมจัดทัวร์ตามรอยแมนเดลาแต่ต้องยกเลิกไปเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่รัฐบุรุษที่จากโลกนี้ไป แต่บางบริษัทมีการแถลงข่าวไปแล้วจึงยืนยันโปรแกรมการท่องเที่ยวต่อไป

แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับความเหมาะสมของช่วงเวลาของกลยุทธ์ส่งเสริมการขาย การจากไปของแมนเดลาก็มีแนวโน้มที่จะกระตุ้นความน่าสนใจให้คนอยากเดินทางไปแอฟริกาใต้และโดยเฉพาะอย่างยิ่งไปเยือนสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของแมนเดลา

"ผมคิดว่า (การจากไปของแมนเดลา) จะทำให้คนโฟกัสมาที่แอฟริกาใต้ แม้มันจะดูไม่ค่อยเหมาะสมที่จะโปรโมทการท่องเที่ยวในตอนนี้ แต่ผมคิดว่าแมนเดลาจะมีความสุขกับมัน เขาเป็นผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ของแอฟริกาใต้" เดฟ เฮอร์เบิร์ก ซีอีโอของบริษัทท่องเที่ยว Great Safaris ในลอสแอนเจลิสกล่าว

และแม้แมนเดลาจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ชาวโลกทุกคนจะต้องคิดถึงเขาแน่ๆ

"พวกเรายังมีกำลังใจว่าชาวแอฟริกาใต้และชาวโลกยังคงได้รับแรงบันดาลใจและอยากรู้สึกใกล้ชิดกับเขาโดยการเดินทางมาเยี่ยมชมสถานที่ที่เขาเดิน พูดคุย วางแผน ฝัน หัวเราะ ร้องไห้และเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของแอฟริกาใต้และของโลก” ทูลานีกล่าว

...................

ที่มา : เว็บไซต์ www.independent.co.ug www.usatoday.com www.cntraveler.com