เปิดประตูตะวันออก จากจันทบุรีถึงโฮจิมินห์ซิตี้

ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะมีผลในทางปฏิบัติในปี 2528 ซึ่งหนึ่งในความร่วมมือคือเรื่องของการท่องเที่ยว ที่ผู้คนจะถ่ายเทกันไปมา
ทุกวันนี้ พัทยา คือจุดหมายที่นักท่องเที่ยวชาวเวียดนามนิยมมาเป็นที่สุด แต่ทางตะวันออกของบ้านเรา ระยอง-จันทบุรี-ตราด ยังมีอะไรอีกมากที่เพื่อนบ้านยังไม่รู้
ตะวันออก หาดทรายบ้านเรากินขาดทั้งกัมพูชาและเวียตนาม แต่ความเป็นธรรมชาติของหาดทรายที่ยังไม่มีการปรุงแต่งก็คือเสน่ห์อีกอย่างของเพื่อนบ้าน ในเด่นมีด้อย ในด้อยมีดี เพราะเหตุนี้สภาอุตสาหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวจันทบุรี โดยคุณอภิรดี ศิริวิจิตรกุล ประธานสภาฯ และธนวัติ ทองเพิ่ม ที่ปรึกษาสภาฯ จึงร่วมกับคุณอนุชา เทียนชัย นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจันทบุรี ชักชวนผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจออกสำรวจเส้นทางจันทบุรี-พระตะบอง-พนมเปญ-สวายเรียง-ม๊อคไบ-โฮจีมินต์ซิตี้-พนญเปญ-กำปอต-โบโค-เกาะกง-ตราด โดยจัดทั้งคาราวานรถยนต์และรถบัสเข้าไปด้วย ใช้เวลา 5 วัน ผมเลยติดสอยเข้าไปดูเส้นทางและความก้าวหน้าของเพื่อนบ้านด้วย
ประตูที่จะออกสู่ประเทศเพื่อนบ้านทางตะวันออกนั้นใช้ด่านถาวรบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ซึ่งก็เหมือนชายแดนค้าขายทั่วไปที่ข้าวของมีทั้งส่งออกและสั่งเข้าผ่านด่านนี้ แม้จะยังไม่คึกคักเท่าที่ตลาดโรงเกลือ อรัญประเทศ แต่ก็ดูเติบโตขึ้นทุกวัน
จุดหมายปลายทางแรกคือการเดินทางจากด่านบ้านแหลมของไทยเข้าสู่พระตะบอง ระยะทางแค่ 97 กิโลเมตร สภาพถนนค่อนข้างดี แม้จะแคบ และมีชาวบ้านเอาข้าวมาตากบนถนนด้วยแล้ว ทางยิ่งแคบเข้าไปใหญ่ ตัวเมืองพระตะบองนั้นนอกจากจะเคยเป็นดินแดนของไทย จึงมีอาคารบ้านเรือน สถาปัตยกรรมร่วมสมัยเช่นเดียวกับบ้านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ที่ปราจีนบุรีแล้ว วัดช้างเผือก หรือ วัดดำเรยซอ ก็มีสถาปัตยกรรมคล้ายวัดแก้วพิจิตรในตัวเมืองปราจีนบุรีอย่างมาก คนไทยที่อยู่ในพระตะบอง เดี๋ยวนี้พูดไทยกันได้น้อยลง เหมือนกับที่เสียมเรียบ ศรีโสภณ หรือเกาะกง ที่ล้วนเคยเป็นของไทยทั้งสิ้น จนมาถูกฝรั่งเศสบังคับเอาไป พระตะบองส่วนใหญ่คนทำการเกษตร ปลูกข้าวกันเป็นหลัก ทำนาได้แค่ปีละครั้ง เพราะระบบชลประทานไม่ดีนัก
จากพระตะบองถึงพนมเปญ ระยะทาง 291 กม. พนมเปญวันนี้ดูบ้านเมืองพัฒนาไปมาก อาคารเก่าครั้งฝรั่งเศส และอาคารที่สร้างใหม่ขึ้นปะปนกันในเมือง ดูก็น่าสนใจดี ความเป็นเมืองในที่ลุ่มมีแม่น้ำมาบรรจบกันหลายสาย จึงมีหนองน้ำกระจายอยู่โดยทั่ว มาวันนี้หนองน้ำเหล่านี้กำลังถูกถมเพื่อสร้างห้างร้านโรงแรม ฯลฯ ต่อจากนี้ไม่นาน พนมเปญน้ำจะท่วมจนชินชา ข่าวคนจนถูกไล่รื้อโดยใช้กำลังจึงปรากฏให้เราเห็น คนจนมีอยู่ค่อนเมือง การจราจรสับสนวุ่นวายไปทั่วรวมทั้งมีฝุ่นมากจนน่ากลัว แต่พนมเปญก็ยังดูหลวมๆ คนยังไม่มาก มีคนบอกว่าพนมเปญถูกวางผังเมืองอย่างดี แต่เท่าที่ผมเห็น ผังเมืองเป็นแค่แบบการตั้งวาง ถ้าคนในผังเมืองนั้นไม่ทำตามกฎระเบียบ ก็จะสับสนวุ่นวายอย่างที่ปรากฏ
กว่าที่จีนจะได้ฮ่องกงกลับคืนมาจากอังกฤษก็รอคอยนานแสนนาน จนคนฮ่องกงไม่เรียกตัวเองว่าเป็นคนจีนแล้ว กัมพูชากลับให้ต่างชาติเช่าที่ดินในหลายพื้นที่และหลายชาติถึง 99 ปี ซึ่งไม่มีที่ไหนทำกันในโลกยุคใหม่นี้
พระราชวังเขมรินทร์นั้น ผมว่ามีรูปแบบการก่อสร้างที่คล้ายกับพระบรมมหาราชวังบ้านเรา พูดกันแบบจริงๆ ไม่มีคะแนนพิศวาส ก็ต้องบอกว่าไม่สวยเท่า แต่พื้นที่ในวังดูไม่แออัด โปร่งๆ สบายๆ ผิดกับวัดพระแก้วบ้านเราที่แออัดเกินไป จิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ก็ดูชำรุดทรุดโทรม ไม่มีการเอาใจใส่ รวมทั้งไม่มีคนไปเดินดูด้วย แปลกใจเหมือนกัน
จากพนมเปญไปยังด่านม๊อคไบเพื่อเข้าสู่เวียดนาม ระยะทาง 167 กม. เราต้องข้ามฟากโดยเอารถลงเรือข้ามแม่น้ำโขงไปยังสวายเรียง ซึ่งกำลังมีการสร้างสะพานกันอยู่ คาดว่าอีกไม่นาน สะพานก็จะแล้วเสร็จ เมืองสวายเรียงก็ดูหลวมมาก เพราะทั้งประเทศมีคนไม่กี่ล้าน พอใกล้ด่านม๊อคไบของเวียดนามจึงเห็นว่ามีนิคมอุตสาหกรรม และสถานคาสิโนสองฝั่ง รถขนส่งสินค้าแล่นเข้าออกไม่ถึงกับแน่น จากด่านนี้ไปอีกแค่ 94 กม. ก็ถึงเมืองเอกของเวียดนามใต้ โฮจิมินต์ซิตี้หรือไซ่ง่อนเดิม
ไซ่ง่อนวันนี้เป็นเมืองที่เติบใหญ่ อาคาร ตึกรามบ้านช่อง ทั้งตามแบบฝรั่งเศสที่มาปกครอง วัฒนธรรมจีนที่ฝังรากลึกมายาวนาน และความเป็นเวียดนามที่พยายามจะสร้างความเป็นตัวตนขึ้นมา
ในโฮจิมินต์ อาคารไปรษณีย์กลาง ที่อยู่ใกล้กับโบสถ์นอทเตอร์ดาม อาคารที่ทำการเทศบาลที่ติดกับอนุสาวรีย์ลุงโฮ คืออาคารสถาปัตยกรรมโดดเด่นที่มีกลิ่นไอฝรั่งเศสเต็มขั้น แต่ในสมัยนี้อาคาร BITEXCO ดูจะโดดเด่นกลางเมือง ยิ่งเมื่อขึ้นไปชั้นที่ 49 ก็จะเห็นไซ่ง่อนรอบทิศทาง เมืองนี้ก้าวหน้าไปมาก รวมทั้งอุโมงค์ทางลอดแม่น้ำที่บ้านเราไม่มี ห่างออกไปนอกเมืองไม่มากจะเป็นอุโมงค์กู๋จี๋ที่เวียดกงดำดินสู้กับอเมริกาจนชนะ มาวันนี้กลายเป็นที่เที่ยวที่เรียกเงินเข้าประเทศได้โขอยู่
ย้อนเข้าพนมเปญ เพื่อเดินทางสู่กัมปอตและเดินทางสู่อุทยานฯโบโค ซึ่งสูงราว 1,200 เมตร ที่นี่เป็นอีกที่หนึ่งที่ให้นักลงทุนต่างชาติมาเช่าพื้นที่เขาทั้งลูก 99 ปี ทำคาสิโน ทำวิลล่าขาย ซึ่งบนนี้พืชพันธุ์อะไรเหมือนภูหลวงบ้านเรา มีกุหลาบแดง กุหลาบขาว ดอกไม้ดินเหมือนกัน อากาศเย็นสบายเห็นทิวทัศน์ชายฝั่งทะเล สมัยฝรั่งเศสบนนี้ก็เป็นชุมชนฝรั่งที่มาตากอากาศ จึงมีโบสถ์ มีคาสิโนเหมือนกัน ถูกปล่อยทิ้งร้างไปนานสมัยเขมรสู้รบกัน เพิ่งมาฟื้นฟูใหม่ไม่นานมานี้
เส้นทางจากอุทยานโบโคมาเกาะกง ซึ่งถือเป็นทางลาดยางสายแรกที่ไทยเราไปทำให้เมื่อนานมาแล้ว มาวันนี้พังชำรุดจนไม่น่าเชื่อว่านี่คือทางเชื่อมจังหวัด สองฝั่งทางป่าไม้สมบูรณ์มาก พื้นที่ป่าหนาทึบ พื้นที่หลายแห่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ หรือป่าพรุแบบทางใต้ของบ้านเรา ชาวบ้านทำการเกษตร มามีนิคมอุตสาหกรรมก็เมื่อใกล้เมืองเกาะกงนี่เอง พอถึงเกาะกงก็เข้าคลองใหญ่หาดเล็กของตราด จากพนมเปญมาถึงด่านคลองเล็กก็เกือบห้าร้อยกิโลเมตร พอเข้าบ้านเรารถก็วิ่งฉิวเลย
มาวันนี้ ความตื่นตัวของภาคเอกชนเขาเดินหน้า ออกไปดูลู่ทางว่าจะค้าขาย แลกเปลี่ยนหรือท่องเที่ยวอะไรกันได้บ้าง แต่พอมาดูในภาครัฐภาคปฏิบัติจะเริ่มอีก 2 ปีข้างหน้า ป่านนี้รัฐบาลยังไม่ขยับ ขยันทำแต่เรื่องไม่เป็นคุณกับประเทศโดยรวม จนวุ่นวายกันไปหมด ถ้ารัฐบาลรู้หน้าที่สักนิด บ้านเราจะไปได้ดีกว่านี้มาก ถ้ายังมะงุมมะงาหราแบบนี้ เราจะตามเพื่อนบ้านไปทุกเรื่อง
รีบทำในวันนี้ยังพอมีโอกาส...







