เยือนอู่ทอง...เมืองของลูกปัด

เยือนอู่ทอง...เมืองของลูกปัด

ผมนั่งฟังคุณหมอบัญชา พงษ์พานิช และคุณพลอย อู่ทอง สองกูรูเรื่องลูกปัดโบราณ เล่าเรื่องถึงที่มาที่ไปของลูกปัดโบราณ

ในงานสัมมนาเรื่อง เมืองเก่าอู่ทองและลูกปัดโบราณ ที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(องค์การมหาชน) หรือที่เรียกกัน อพท. จัดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอู่ทอง สุพรรณบุรี เมื่อเดือนที่แล้ว เป็นงานสัมมนาทางวิชาการล้วนๆ มีครูบาอาจารย์หลายท่านมาให้ความรู้

ลำพังเรื่องเมืองเก่าอู่ทองนั้นผมเรียนรู้ได้ไม่ยากเพราะสนใจเรื่องโบราณคดีอยู่แล้ว แต่มาเรื่องลูกปัดโบราณ ต้องยอมรับเลยครับว่าผมนั้น “เข้าไม่ถึง” ยิ่งช่วงกลางคืนที่นักสะสมลูกปัด แทบจะทุกสารทิศเขาเอาลูกปัดที่สะสมมาโชว์ มาอวดกันในงาน นั่นแหละผมถึงฉุกคิดว่า ที่แท้บ้านเรา มันมีวงการที่เขาสะสมและศึกษา ซื้อขาย แลกเปลี่ยนลูกปัดโบราณกันมากมายขนาดนี้เชียวหรือ แล้วแต่ละคนที่มาในงาน เขาก็คุยกันแต่เรื่องลูกปัด อย่างออกรสออกชาติ จนผมต้องตั้งข้อสงสัยว่า อะไรซ่อนอยู่ในลูกปัดเหล่านี้ จึงทำให้คนกลุ่มนี้หลงใหลเจ้าสิ่งที่เรียกว่าลูกปัดโบราณ จนผมต้องชวนกูรูทั้งสองมาเปิดโลกทัศน์ให้ผมเรื่องลูกปัดโบราณอย่างที่บอก

ผมสรุปพอให้เข้าใจง่ายๆ คือลูกปัดนั้นคือวัตถุสถานภาพแข็ง คงตัว ที่มีรูปร่างเป็นเม็ดหรือชิ้นเล็กๆ แล้วมีการเจาะรูเพื่อเอาด้ายหรือเชือกมาร้อยเข้าด้วยกันได้ ลูกปัดนั้นถือเป็นหลักฐานทางโบราณคดีที่สืบค้นไปถึงยุคก่อนประวัติศาสตร์นั่นเลย เพราะมีการขุดค้นเจอลูกปัดในแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ทั่วโลกก็ว่าได้ อียิปต์ โรมัน เมโสโปเตรเมีย ไทกรีส-ยูเฟรตีส สินธุ ฯลฯ ขุดค้นพบลูกปัดหมด เพราะแบบนี้นี่เอง เขาถึงมักเรียกว่า ลูกปัดโบราณ

ลูกปัดที่ขุดค้นเจอกันจะทำด้วยวัสดุต่างๆ เช่น อย่างแรกทำจากหิน แล้วนำมาขัดแต่งเป็นลูกปัด ทั้งจาก หินคาร์เนเลี่ยน (Carnelian), หินโมรา (Agate), หินเจสเปอร์ (Jesper), หินออนนิกซ์ (Onyx), หินคาลซิโลนี (Chalcedony), หินเขี้ยวหนุมาน (Guartz) ถ้าท่านผู้อ่านมีความรู้ทางหินแร่สักนิด จะรู้เลยว่าหินที่ว่ามานี้ส่วนใหญ่จะมันวาว มีสีสัน

อีกแบบคือลูกปัดที่ทำจากดินเผา ก็เหมือนเขาเผาหม้อดินนี่แหละ แต่อันนี้เขาเผาเพื่อทำลูกปัดโดยตรง ต่อมาคือลูกปัดที่ทำจากกระดูกสัตว์ เปลือกหอย ทีแรกผมกไม่คิดว่ามีแบบนี้ด้วยจนกระทั่งไปเห็นของจริงจึงถึงบางอ้อ อีกแบบคือลูกปัดโลหะ สำริด หรือทอง และแบบสุดท้ายคือลูกปัดที่ทำจากแก้ว ที่ผลิตขึ้นจากแร่ธาตุต่างๆ ผ่านกรรมวิธีและกระบวนการ แล้วเอามาทำเป็นลูกปัดอีกที

จะเห็นว่าวัตถุประสงค์เริ่มแรก ลูกปัดคงทำขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องประดับแน่นอน โดยอาจจะมีนัยยะทางความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจของผู้ห้อยลูกปัด บางยุคสมัยใช้เป็นสิ่งของแทนเงินตรา เพราะมันมีมูลค่าในตัว และแน่นอนว่าต้องเป็นสินค้าด้วย ในบรรดาลูกปัดที่ว่ามานี้ ว่ากันว่าลูกปัดที่ทำจากเมล็ดพืช กระดูกสัตว์ เขี้ยวสัตว์ เปลือกหอย และหินที่มีรูอยู่แล้วตามธรรมชาติ เอามาขัด มาแต่ง แล้วเจาะรูร้อย พวกนี้เป็นลูกปัดในยุคแรกๆ ต่อมาจึงมีการใช้วัสดุต่างๆ รวมทั้งกรรมวิธีที่ทำให้ลูกปัดสวยงาม มีลวดลายต่างๆ จนมาถึงปัจจุบัน ที่ดูวิลิศมาหรา ลวดลายสวยงาม

ผมมีเพื่อนที่เที่ยวป่าด้วยกันมาเล่าให้ฟังว่า เคยเข้าไปนอนในถ้ำในป่าแถวเมืองกาญจน์ ก็เจอลูกปัดโบราณโดยบังเอญในพื้นถ้ำ ผมมาเล่าให้นักวิชาการในงานฟัง เขาบอกว่าถ้าพบเห็นในถ้ำ ส่วนใหญ่จะเป็นที่ฝังไปกับศพที่มักเอาไปไว้ในถ้ำ แต่สำหรับเมืองอู่ทองที่นักวิชาการเขาเจอหลักฐานมากมายและสรุปว่าที่นี่คือเมืองโบราณเมื่อ 3000 ปีก่อน ในยุคหินใหม่ ก็มีคนเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองอู่ทองแล้ว ในอดีตที่ทะเลยังลึกเข้าไปในแผ่นดินถึงในภาคกลาง เมืองอู่ทองจึงอาจเป็นเมืองท่าและเป็นชุมชนใหญ่ มีการขุดค้นพบพระพุทธรูปและสัญลักษณ์ทางศาสนามากมายที่นี่ (ซึ่งจัดแสดงหลักฐานที่ขุดค้นพบไว้ในพิพิธภัณฑ์อู่ทอง)

นักวิชาการบางสายจึงสันนิษฐานว่า ที่นี่น่าจะเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาในยุคแรกๆ ในสุวรรณภูมิ ท่านผู้อ่านที่รู้มาว่าเป็นเมืองนครปฐมก็ไม่ต้องมาเถียงกับผมแบบเอาเป็นเอาตายครับ เพราะนักวิชาการหรือเราเองก็เกิดไม่ทันสักคน เขาก็สันนิษฐานเอาจากหลักฐานที่ขุดเจอแล้วก็ตั้งสมติฐานทั้งนั้น ถ้าท่านผู้อ่านมีหลักฐานและทฤษฏีที่น่าสนใจก็เสนอมาเลย ไม่ต้องเป็นนักโบราณคดีก็ได้ ข้อสันนิษฐานพร้อมปรับแก้ได้เสมอ ผมถึงบอกนี่คือข้อสนุกของการศึกษาโบราณคดีแบบเราๆ ท่านๆ

เดิมคนในพื้นที่ก็คงใช้เปลือกหอย กระดูกสัตว์อย่างที่บอก ส่วนลูกปัดที่สวยงามคงเข้ามาทางการติดต่อค้าขายกัน เพราะมีการขุดค้นลูกปัดแทบทุกเมืองท่าโบราณ ไม่ว่าจะเป็นที่คลองท่อม กระบี่ เกาะคอเขา-พังงา เมืองไชยา สงขลา ปัตตานี นครปฐม ฯลฯ ต่อมาจึงอาจผลิตเองในพื้นที่ได้ แล้วในแวดวงคนเล่นลูกปัดนี่ เขามีลูกปัดสายใต้ ลูกปัดสายคลองท่อม สายไชยา มีเป็นสายๆ น่าจะตามแหล่งที่พบ

สำหรับเมืองอู่ทอง คุณพลอย อู่ทอง เซียนลูกปัดเจ้าของพื้นที่แกบอกว่า 40-50 ปีก่อน ในเมืองอู่ทอง มักเห็นลูกปัดปรากฏตามพื้นดินบ่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อหลังฝนตก นั่นจึงพอจะบอกได้ว่าในอดีต ลูกปัด ฮอตและฮิตเพียงใดในเมืองอู่ทอง

มาในสมัยนี้ที่ลูกปัดได้รับความนิยมในกลุ่ม แม้จะกลุ่มไม่ใหญ่นักแต่มีมูลค่าสูงมาก คนที่สะสมก็จะกว้านซื้อมาเอาโชว์หรือแม้กระทั่งเอามาค้าขายกัน ราคานั้นเหมือนพระเครื่อง ขึ้นอยู่กับความพอใจของคนซื้อและคนขาย ผมนั้นเป็นบุญตาที่ในคืนนั้นได้เห็นลูกปัดเม็ดเล็กๆ เม็ดเดียว (ไม่ใช่ทั้งเส้น) ในราคา 1 ล้านบาท

คุณหมอบัญชา เสริมขึ้นว่าเพราะอู่ทองเป็นแหล่งพบเห็นลูกปัดโบราณชั้นดี (สวย หายาก จึงมีมูลค่า) การซื้อขายลูกปัด ถ้าบอกว่ามาจากอู่ทอง ราคาก็จะพุ่งสูงขึ้นโดยปริยาย จึงมีทั้งการแอบอ้างและทำปลอม เพราะเหตุนี้จึงมีการมาเช่าที่ในอู่ทองเพื่อขุดหาลูกปัดอู่ทองแท้ๆ กันเลยเชียว ผมได้ความรู้ในการแยกลูกปัดแท้และของทำเทียมมาในเวลาอันสั้น สังเกตุดูเซียนลูกปัดท่านอื่นๆ ชื่นชมลูกปัดนานาชนิดในตู้โชว์ในงาน ทั้งส่อง ทั้งดู แต่ไม่ได้จับต้อง เพราะของเขาแพง

สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้สนใจลูกปัดแบบผมก็คงแค่ดูๆ แต่คนที่เขาลึกซึ้งเรื่องนี้เขาว่า ลูกปัดอู่ทองนี่...สุดยอดของลูกปัดโบราณ ท่านผู้อ่านถ้าไปเที่ยวเมืองอู่ทอง แทนที่จะเห็นคนใส่สร้อยคอทองคำ ก็จะเห็นคนใส่ลูกปัดแทน สร้อยลูกปัดเส้นนั้น อาจแพงกว่าสร้อยคอทองคำหนัก 10 บาทด้วยซ้ำ...

อู่ทอง...ธรรมดาซะที่ไหน