พรุ่งนี้ก็เช้าแล้วนะ...เสม็ด

พรุ่งนี้ก็เช้าแล้วนะ...เสม็ด

หลังผ่านพ้นเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลในท้องทะเลอ่าวไทยมาได้ราว 2 สัปดาห์เศษๆ ฉันก็ตัดสินใจเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เพื่อไปเยือน เกาะเสม็ด ทันที

"อ่าวพร้าวเป็นเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ของผลกระทบที่เกิดขึ้นในเกาะเสม็ดเท่านั้นเอง มันไม่ได้น่าวิตกเท่ากับแผ่นดินไหว หรือคลื่นยักษ์สึนามิ มันแค่ 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่อีก 95 เปอร์เซ็นต์ มันยังสามารถให้บริการได้"
ประกาศกร้าวจาก บริสุทธิ์ ประสพทรัพย์ ผู้อำนวยการภูมิภาค ภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ทำให้ฉันยิ่งมั่นใจว่า "เสม็ด" ยังไม่ "เสร็จ" ซะทีเดียว แต่จะจริงหรือไม่ ฉันกำลังเดินทางไป "พิสูจน์"

1.

"ไปเกาะเสม็ดใช่มั้ยครับ ไปนั่งเรือที่ท่า....นะครับ ออกทุกชั่วโมง มีที่จอดรถให้ด้วย" ยังไม่ทันตอบคำถามใดๆ พี่มอเตอร์ไซค์ก็ส่งนามบัตรใบเล็กๆ ให้ แล้วเธอก็บิดรถเร่งเครื่องออกไปจากสี่แยกที่กำลังวุ่นวายนั้นทันที

ยอมรับว่าในวินาทีแรกแอบตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีใครขับรถมอเตอร์ไซค์ตามมา "ขายตรง" บนถนนที่รถจอแจแบบนี้ แต่พอคิดให้ลึกลงไปอีกที นี่เป็นเรื่องน่าสงสารที่สุด!!!

ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันมั้ย แต่ฉันขอคิดเองเออเองว่า ใช่ นี่อาจเป็นหนึ่งในผลกระทบที่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง โดนบุกด้วยน้ำมันดิบจำนวนมากถึง 50,000 ลิตร เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา

เรือโดยสารที่ท่าเรือนวลทิพย์ออกตรงเวลาเป๊ะ เราใช้เวลาแบบชิลๆ บนชั้นดาดฟ้าของเรือโดยสารประมาณ 40 นาที ก็มาถึงท่าเรือหน้าด่าน-เกาะเสม็ด ความคึกคักที่คุ้นชินไม่มีอยู่จริงในวันนี้ ที่ท่าเรือซึ่งปกติจะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ กลับมีแต่ความเงียบเหงา หากไม่มีคณะของเรา เจ้าหน้าที่ที่เก็บค่าเหยียบแผ่นดินอาจต้องนั่งเหงาไปอีกพักใหญ่

ฉันและเพื่อนตัดสินใจเช่ารถมอเตอร์ไซค์ในราคา 300 บาทต่อวัน เพื่อเดินทางท่องเที่ยวไปให้รอบเกาะ สุขุม เจ้าของมอเตอร์ไซค์ให้เช่า บอกว่า เกาะเสม็ดมีรถมอเตอร์ไซค์ให้เช่าราว 600 คัน เมื่อก่อนแทบไม่พอให้บริการ แต่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เลวร้าย รถก็แทบจะต้องจอดทิ้งไว้ให้ฝุ่นขึ้นไปวันๆ เพราะไม่มีนักท่องเที่ยว จึงไม่มีใครเข้ามาใช้บริการ

ทางเล็กๆ นั้นพาเรามุ่งหน้าลงไปทางทิศใต้ ฉันแวะที่ หาดทรายแก้ว เพื่อสำรวจประชากรนักท่องเที่ยวก่อนสักพัก ไม่มากจริงๆ เพราะแม้จะเป็นหาดทรายยอดนิยมที่สุดในเกาะ แต่เพราะข่าวร้าย ทำให้นักท่องเที่ยวที่เคยวางแผนว่าจะเดินทางมาต่างพากันเปลี่ยนใจ หาดทรายแก้วจึงมีเพียงคนอยู่เพียงไม่กี่หยิบมือ และส่วนมากก็เป็นชาวต่างชาติ

“นวดหน่อยมั้ยคะ ป้ายังไม่มีแขกเลยวันนี้”คุณป้า 3-4 คน ที่ประจำอยู่ใกล้ๆ กับทรายแก้ว บีช รีสอร์ท ร้องทักเสียงดัง ฉันหันไปเห็นหน้าเศร้าๆ ของคุณป้าแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ไหนจะคุณลุงที่หาบแผงหมึกย่าง คุณพี่หาบเร่ส้มตำ คุณน้าเดินขายผ้าคลุมไหล่อยู่ริมน้ำ ฯลฯ พวกเขาล้วนตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันทั้งหมด

“เพิ่งมาถึงเองค่ะ ขอเที่ยวอีกสักพักก่อนนะคะ” บอกคุณป้านวดแผนไทยแล้วฉันก็เดินลงไปที่ชายหาด

ทรายสะอาดขาวใส สมกับเป็นหาดทรายยอดนิยมของเกาะเสม็ดจริงๆ ที่หาดนี้มีกิจกรรมทางน้ำให้บริการทุกรูปแบบเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเจ็ทสกี บานาน่าโบ้ท พาราชูต หรือการดำน้ำตื้นที่หน้าหาด จะขาดก็แต่ “ผู้เล่น” เท่านั้น

2.

เกาะเสม็ดมีลักษณะเป็นเกาะรูปสามเหลี่ยม ส่วนฐานของเกาะอยู่ทางทิศเหนือ ซึ่งหันหน้าเข้าสู่ฝั่งบ้านเพ มีภูเขาสลับซับซ้อนกันอยู่ 2-3 ลูก มีที่ราบอยู่ตามริมชายฝั่ง ส่วนใหญ่จะอยู่ทางด้านทิศเหนือ และทิศตะวันออก ไล่มาตั้งแต่อ่าวน้อยหน่า อ่าวกลาง อ่าวป่าช้า อ่าวลูกโยน หาดทรายแก้ว อ่าวไผ่ อ่าวทับทิม อ่าวนวล อ่าววงเดือน อ่าวเทียน อ่าวลุงดำ อ่าวหวาย อ่าวกิ่วหน้านอก อ่าวปะการัง และอ่าวกะรัง

สำหรับน้ำมันที่รั่วไหล มาจากทางทิศตะวันตก โดยมี อ่าวพร้าว ซึ่งเป็นอ่าวที่สงบ สวยงาม และตั้งอยู่ทางทิศทางเดียวกันนั้น รับพิษน้ำมันที่กระหน่ำซัดเข้ามาไปเต็มๆ

หาดทรายขาวสะอาดเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่กลิ่นเหม็นๆ ของน้ำมันยังคละคลุ้งอยู่เต็มชั้นบรรยากาศ สราวุธ วรรณประเสริฐ รองผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายบริหาร บริษัท Samed Resort Group บอกว่า 2 ใน 4 โรงแรมที่อยู่บนอ่าวพร้าวเป็นธุรกิจที่ดำเนินการโดยกลุ่มเสม็ดรีสอร์ทกรุ๊ป ณ ปัจจุบัน ยังต้องปิดให้บริการตลอดเวลา เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาทำการฟื้นฟูอ่าวพร้าวได้อย่างเต็มที่ และจะเปิดให้บริการอีกทีราวเดือนพฤศจิกายน 2556

ถึงจะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ แต่ใครเจอเหตุการณ์ร้ายๆ แบบนี้ก็มีอาการล้มทั้งยืนได้เหมือนกัน

สำรวจตรวจตราจนแน่ใจว่าอ่าวพร้าววันนี้ไม่พร้อมทำหน้าที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวได้จริงๆ ฉันจึงซิ่งมอเตอร์ไซค์เลาะถนนที่กำลังก่อสร้างใหม่มาทางทิศใต้ของเกาะ

แม้จะเป็นฤดูฝน แต่พระอาทิตย์ที่กำลังจะหล่นลงน้ำก็มีสีสันสวยงามไม่แพ้ดวงตะวันฤดูอื่นเลยจริงๆ ยืนชมพระอาทิตย์คล้อยต่ำอย่างโรแมนติกบริเวณ จุดชมวิวท้ายเกาะ ได้ไม่นาน ฉันก็ได้พบ “คนสำคัญ” ของเกาะเสม็ดโดยบังเอิญ

นพดล ชลสวัสดิ์ ไม่ได้เป็นเพียงเจ้าของร้านอาหารและบ้านพัก "แมงกะพรุนไฟ" ที่ อ่าวลุงดำ เท่านั้น แต่เขายังเป็นประธานองค์กรเครือข่ายอนุรักษ์ปะการัง ที่อาสาฟื้นฟูสภาพความสวยงามของโลกใต้น้ำทั่วเกาะเสม็ดด้วย

ประธานองค์กรเครือข่ายอนุรักษ์ปะการัง เล่าให้ฟังว่า เกาะเสม็ดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมาก และทำรายได้ให้กับจังหวัดระยองปีละมหาศาล แต่เพราะคนมาก สิ่งแวดล้อมจึงเปลี่ยน ซึ่งจากการสำรวจปะการังที่หน้าอ่าวลุงดำเมื่อปี 2547 นพดล พบว่า ปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลเริ่มเสื่อมโทรมลง ทั้งหมดมีผลมาจากเรือประมงขนาดเล็ก นักท่องเที่ยว รวมถึงน้ำเสียที่มาจากผู้ประกอบการที่เห็นแก่ตัวบางราย ทำให้เขาและชาวเกาะที่มีใจอนุรักษ์นิ่งเฉยอยู่ไม่ได้ จึงพยายามพลิกฟื้นคืนความสดใสของท้องทะเลกลับมา

แม้ผลจากการฟื้นฟูปะการังทั่วเกาะเสม็ดในช่วง 3 ปีแรกจะดีเกินคาด มีการเติบโตของปะการังที่ปลูกใหม่เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่นพดลบอกว่า 2 ปีหลังมานี้ มีปะการังค่อยๆ ตายลงไปเป็นจำนวนมากเหมือนกัน พวกเขาก็ต้องมานั่งวิเคราะห์ว่า ปรากฏการณ์นั้นมันมีสาเหตุมาจากอะไร มนุษย์หรือธรรมชาติ

น้ำทะเลซัดเข้าหาดลุงดำช้าๆ หากมองตรงไปข้างหน้า จะพบว่า สะพานยาวๆ ที่ยื่นลงไปในทะเลนั้นเป็นสัญลักษณ์ของหาดลุงดำที่ทุกคนจดจำได้เป็นอย่างดี หากเป็นฤดูท่องเที่ยวปกติ เวลาแบบนี้จะมีนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการตกปลามานั่งจับจองที่นั่งดีๆ เพื่อหย่อนเบ็ดเย่อปลา ทว่า ในวันนี้ไม่มีใครเลยบนสะพานแห่งนั้น

3.

เพราะถนนหนทางที่ค่อนข้างขรุขระ ทักษะการขับขี่ที่ดีอาจไม่เพียงพอ ข้อมือที่แข็งแรง และหัวใจที่แกร่งไม่แพ้นักแข่งในสนามแข่งรถวิบากต่างหากที่ช่วยได้ มีใครบางคนแอบแซวว่าจบทริปนี้ลองไปลงแข่งรถวิบากกันสักนัด เราอาจได้ถ้วยมาครองโดยมีสนามซ้อมเป็นเกาะเสม็ด

ฉันจอดพักรถที่ อ่าวไผ่ เพราะเป็นช่วงถนนที่ค่อนข้างอันตราย มีหลุมบ่อมากมายเต็มไปหมด ที่อ่าวนี้มีชายหาดเชื่อมต่อกันกับหาดทรายแก้ว นักท่องเที่ยวจึงเดินข้ามไปมาได้ง่าย ยิ่งตอนกลางคืนที่มีการแสดง "ควงกระบองไฟ" ไฮไลต์ที่ใครมาเกาะเสม็ดแล้วจะต้องชม คนที่เช็คอินบนอ่าวไผ่จึงมักพากันเดินตรงไปยังร้าน "พลอยทะเล" เพื่อชมการแสดง Fire Show อันสุดตระการตา แน่นอนว่า คืนนี้ฉันไม่พลาดชม

"หยุด! ทำร้ายทำลายธรรมชาติ ช่วยกันอนุรักษ์นกเงือกฝูงสุดท้ายบนเกาะเสม็ด" ข้อความที่เขียนไว้บนป้ายสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณอ่าวไผ่ ทำให้ฉันหันมาสนใจ "ชีวิต" ที่ถูกระบุไว้ในข้อความทันที สอบถามจากคนพื้นที่ได้ความว่า เกาะเสม็ดมีนกเงือกอาศัยอยู่จำนวนมาก และเมื่อได้ข้อมูล "เชิงลึก" เสร็จสรรพ เราก็ซิ่งมอเตอร์ไซค์ตรงไปยัง อ่าวน้อยหน่า สถานที่ที่ใครๆ ก็บอกว่า มีคน "รักษ์" นกเงือกตัวจริงอยู่ที่นั่น

ข่าวสารพิษที่ปนเปื้อนมากับน้ำมัน และมีการพบสารปรอทในปริมาณที่มากเกินมาตรฐาน ทำให้อ่าวน้อยหน่าในวันนี้ค่อนข้างเงียบเหงา ฉันพบกับ ธานี สุขกระจ่าง เจ้าของ "เสม็ดธานี" และประธานชมรมอนุรักษ์นกเงือกเกาะเสม็ด โดยบังเอิญ เขาบอกว่า แม้จะมีข่าวว่ามีสารพิษอยู่ในน้ำทะเล แต่ชาวบ้านยังต้องกินต้องใช้ การออกเรือหาปลาจึงเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ในขณะนี้

เราเดินออกจากเรือประมงของชาวบ้านขึ้นมายังลานจอดรถด้านบน ธานีเงยหน้ามองขึ้นไปที่ต้นไม้ใหญ่บนเนินเขาเล็กๆ นั่น พร้อมกับบอกว่า "ปกติมันจะมาทุกวัน ชาวบ้านเห็นกันจนชินตา" เขาหมายถึง "นกเงือก" ที่ฉันกำลังตามหานั่นเอง

ธานี เล่าว่า ในอดีตเกาะเสม็ดเป็นแหล่งอาศัยขนาดใหญ่ของนกเงือกจำนวนหลายร้อยตัว แต่เพราะการตัดไม้ทำลายป่า และการ "ล่า" แบบไร้การควบคุม ทำให้ประชากรนกลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ปี

"บางทีก็เห็นมาที 30-40 ตัว ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอโตขึ้นมาเห็นว่ามันค่อยๆ หมดไป เพราะมีการทำลายป่า มีการล่า แรกๆ ก็เป็นคนในพื้นที่ แต่หลังๆ ก็มีคนต่างชาติล่าไปกินด้วย นกเงือกเลยเหลือไม่กี่ตัว"

เมื่อเห็นว่า นกเงือกที่อยู่ร่วมกันมาตลอดชีวิตค่อยๆ จากกันไป ธานีจึงตัดสินใจรณรงค์ให้ชาวบ้านช่วยกันเป็นหูเป็นตา และเฝ้าระวังไม่ให้นกเงือกถูกทำลาย จากจำนวนนกที่เหลือไม่ถึง 10 ตัวในตอนเริ่มต้นอนุรักษ์ ปัจจุบันพวกมันกลับมามีจำนวนมากเกือบ 50 ตัวได้อีกครั้ง เพราะพลังแห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ของคนบนเกาะและผู้ชายคนนี้

"เสม็ด" ในสายตาของทุกคน ณ เวลานี้ อาจมีแต่คราบน้ำมันและความอันตราย แต่จากการใช้ชีวิตอยู่บนเกาะเสม็ด 3 วัน บอกได้คำเดียวว่า "น้ำมัน" ไม่ได้ทำให้ความสำคัญของ "เกาะเสม็ด" ลดน้อยถอยลงไป สักนิดเลย

.........
การเดินทาง

จากกรุงเทพฯ ไปเกาะเสม็ด จ.ระยอง ได้หลากหลายวิธี ที่นิยมที่สุดคือการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิท หรือเส้นบางนา-ตราด ทางหลวงหมายเลข 34 วิ่งบนมอเตอร์เวย์ เข้าระยอง ถึงระยองเลี้ยวซ้ายวิ่งไปบ้านเพ อีกประมาณ 20 นาที แต่ถ้าไม่อยากยุ่งยาก รถโดยสารปรับอากาศก็สะดวกดี มีรถโดยสารให้บริการหลายบริษัท ออกทุกชั่วโมง ที่สถานีขนส่งเอกมัย ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงก็ถึง

ส่วนการเดินทางจากบ้านเพไปเกาะเสม็ด มีท่าเรือให้บริการเรือโดยสารอยู่หลายท่า เลือกได้ตามสะดวก ออกทุกๆ ชั่วโมงเหมือนกัน ค่าโดยสารไป-กลับ (บ้านเพ-ท่าหน้าบ้าน) ราคาคนละ 100 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที หรือต้องการความเร็วสามารถใช้บริการเรือ speed boat ในราคาประมาณ 1,500 - 2,600 บาทต่อเที่ยวก็ได้ มีบริการตลอด 24 ชั่วโมง

ถึงเกาะเสม็ดแล้วจะมีรถสองแถวให้บริการไปหาดต่างๆ ราคาไม่แพงมาก สมน้ำสมเนื้อ แต่ถ้าอยู่หลายวันหน่อย หรือต้องการไปหลายๆ หาด แล้วมีทักษะในการขับขี่เป็นเลิศ แนะนำให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์จะง่ายที่สุด ค่าเช่าต่อวันอยู่ที่ 300 บาท(แถมน้ำมันฟรี) รับรองว่าจะได้รู้จักกับเสม็ดแบบลึกซึ้งเลยทีเดียว สนใจสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเกาะเสม็ดเพิ่มเติม ติดต่อที่ ททท.สำนักงานระยอง(ระยอง-จันทบุรี) โทร. 0 3865 5420-1, 0 3866 4585