ฟาร์มสเตย์ ที่ไร่คุณมน

ทิ้งชีวิตชาวกรุง(ชั่วคราว)...มุ่งไปอยู่กินแบบชาวไร่ นอนบ้านดินที่จังหวัดกาญจนบุรี ตามคำเชิญของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ที่ต้องการประชาสัมพันธ์โครงการ ‘Creative Tourism Thailand’ ณ ไร่คุณมน ฟาร์มสเตย์ ถือเป็น 1 ใน 20 ชุมชน ซึ่งคัดเลือกจาก 30 ชุมชน ที่ททท.ได้จัดการสำรวจออนไลน์ Traveler Choice Survey เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวไทย และต่างชาติโหวตให้กับกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่นักท่องเที่ยวอยากจะไปมากที่สุด ผ่านเว็บไซต์โครงการ www.mycreativetourismthailand.com
ใช้เวลาไม่กี่อึดใจ เราก็เดินทางไปถึงจุดหมาย ที่อำเภอบ่อพลอย เลี้ยวรถเข้าไปในบริเวณไร่คุณมน มีต้นปีบสูงสง่ายืนเรียงแถวรอต้อนรับผู้มาเยือนอย่างสุขุม แถมยังโปรยปรายดอกเล็กๆ สีขาวกลิ่นหอมนวลลงมาเป็นระยะๆ ที่นี่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้และธรรมชาติ ได้เรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนชาวไร่ ที่ปลูกข้าวโพดหวาน ขาวโพดแอ้ (ข้าวโพดอ่อนหัวเล็กๆ เท่านิ้วก้อย) หน่อไม้ฝรั่ง
ได้ชมกระบวนการสกัดน้ำมันงา แบบสกัดเย็น ที่สามารถคงคุณค่าของงาดำได้ครบถ้วน จากนั้นไปทำกิจกรรมห่อลูกประคบงาดำจากกากงาดำที่เหลือจากการสกัดน้ำมัน โดยใช้ผ้าขาวห่อกากงาดำแล้วมัดให้แน่น เก็บชายผ้า แล้วพันด้วยเชือก กลายเป็นลูกประคบที่ระลึก นำกลับไปนึ่งประคบผิวที่บ้านได้อีกด้วย
จากนั้นไปชมการผลิตน้ำส้มควันไม้และเตาอิวาเตะ เรียนรู้วิถีชีวิตของคนไทยสมัยก่อนที่มีความผูกพันกับธรรมชาติ ภูมิใจกับภูมิปัญญาของคนในสมัยนั้น ที่รู้จักการเผาถ่านเพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิง การเผาถ่านด้วยเตาอิวาเตะ ทำให้ได้ถ่านไร้ควันคุณภาพดี และผลพลอยได้เป็น ‘น้ำส้มควันไม้’ ซึ่งนำมาใช้เป็นปุ๋ย และสารป้องกันศรัตรูพืชได้อย่างดี เพื่อลดการใช้สารเคมีของเกษตรกร
มนรัตน์ สารภาพ เล่าว่าพื้นเพเธอเป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่มาอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ได้ 16 ปีแล้ว เริ่มจากผลิตสินค้าเกษตร แล้วแปรรูปจำหน่ายร่วมกับชุมชน ในนามครูภูมิปัญญาไทยด้านโภชนาการ จากสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา จนกระทั่งมีการท่องเที่ยวเชิงเกษตรเกิดขึ้น
“สำหรับเรื่องของที่พักแบบฟาร์มสเตย์เกิดขึ้นมาเพราะตัวเองคิดว่า ถ้าเราไปเที่ยวต่างจังหวัด อยากนอนค้างสบายๆ ได้เรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน ได้ทานอาหารพื้นๆ ฝีมือชาวบ้านอร่อยถูกปาก ทำจากวัตถุดิบสดใหม่ทำแล้วทานเลย อย่างเช่นอยากทานผักสดๆ กับน้ำพริก ข้าวโพดอ่อนเก็บมาสดๆ จากไร่ ข้าวโพดหวานเก็บตอนบ่ายๆ แล้วกลับมาทำไอศกรีมข้าวโพดกินกัน พอตอนเย็นก็เอาข้าวโพดหวานมาทำบาร์บีคิวข้าวโพด ที่นี่เราจะมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ ให้คนที่มาได้เห็นถึงวิถีชีวิตแบบพอเพียง การพึ่งพาตนเองของชุมชน ไม่ต้องสนใจเรื่องของจะถูกของจะแพง เราสามารถอยู่ได้ด้วยตัวของเราเอง”
พูดถึงที่พัก เจ้าของไร่กล่าวว่า ทุกคนจะต้องคิดถึงโรงแรม คำว่าโรงแรมนั้นมีความสะดวกสบายเพียบพร้อม มีสระว่ายน้ำ สนามเด็กเล่นฯลฯ เธอว่าคนไทยยังไม่ชินกับคำว่า ฟาร์มสเตย์ และโฮมสเตย์ ยังคงติดอยู่กับความความสะดวกสบาย หากเป็นเช่นนั้นไม่ต้องมาที่ฟาร์มสเตย์ คนไทยอาจไม่ชอบ แต่ฝรั่งและญี่ปุ่นชอบมากชนิดมาพักแทบทุกปี
“ค่าที่พักเราไม่แพง คนละ 350 บาทรวมค่าอาหารเรียบร้อยเลย แต่ไม่รวมกิจกรรมนะคะ ถ้ารวมกิจกรรมด้วยก็ประมาณ 650 บาทต่อหัว ก็จะมีกิจกรรม เช่น นั่งรถอีแต๋นออกไปเก็บข้าวโพดหวาน กลับมาทำไอศกรีมโฮมเมด ทำเองทานเอง ซึ่งนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นจะชอบมากๆ ญี่ปุ่นจะทานอาหารแบบปิ้งๆย่างๆ ส่วนฝรั่งจะชอบอาหารไทย อย่างเช่น ต้มยำกุ้ง
ส่วนคนไทยจะชอบอาหารประเภทน้ำพริก ผักต้ม แกงเขียวหวาน ขอบอกก่อนว่าฟาร์มสเตย์ของเรา ไม่ได้ทำเพื่อธุรกิจ เราไม่มุ่งหวังเงิน เราทำเพื่อคนที่ต้องการเข้ามาศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน ว่าชุมชนเราคิดยังไง อยู่ห่างไกลเมืองแต่ทำไม่เราอยู่ได้ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบโรงแรม คุณชอบไหม อยู่ได้ไหม ถ้าคุณโอเค ก็มาได้เลย ซึ่งเราจะมีบ้านดิน 2 หลัง นอนได้หลังละ 3-4 คน มีบ้านธรรมดาอีก 1 หลัง นอนได้ 5 คน และมีห้องใต้หลังคานอนได้ 10 คน มีความสะดวกสบายให้ระดับหนึ่งคือ ห้องพักติดแอร์ มีทีวี ห้องน้ำในตัว มีที่นอนสะอาด มีผ้าเช็ดตัว กระดาษทีชชูให้ แต่ของใช้ส่วนตัวอย่าง แชมพู สบู่ ไดร์เป่าผม ฯลฯ คุณต้องเตรียมมาเองนะคะ”
อนาคตที่นี่จะทำบ้านพักเพิ่ม ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำ เพราะช่วงฤดูหนาวบ้านพักไม่พอต้องกางเต้นท์ให้นักท่องเที่ยวนอน
“ฝรั่งชอบมากเลยเวลาที่ไปเก็บข้าวโพด กลับมาช่วยกันปอกเปลือกข้าวโพดแล้วทำอาหารทานเลย เสน่ห์มันอยู่ที่เขาได้ลงมือทำเอง ไม่ต้องปลูกข้าวโพดแล้วรอให้มันโต แต่นี่สามารถเดินลงไปในไร่มีคนปลูกให้แล้ว เก็บเกี่ยวได้เลยเห็นผลทันตา(หัวเราะ) เอากลับมาทำอาหาร อยากกินไอศกรีมข้าวโพดก็ทำได้เลย ทำเสร็จก็ได้กินฝีมือตัวเองเดี๋ยวนั้นเลย ทำเอง สัมผัสเอง ได้เห็นกระบวนการได้เรียนรู้ ซึ่งเราก็จะบอกวิธีการทำ มีเพาเวอร์พอยท์ ให้เรียนในห้องเรียนก่อนแล้วค่อยลงสนาม ญี่ปุ่นก็ชอบตอนไปเก็บข้าวโพด แล้วเอาต้นข้าวโพดกลับมาให้วัวกิน นั่งจิบเบียร์ ดูห่าน ดูลูกๆ วิ่งเล่นกับสุนัข ให้อาหารปลา เย็นๆ ก็ทานข้าว ทำบาร์บิคิว แล้วก็กลับ ส่วนใหญ่ญี่ปุ่นไม่พักที่นี่ จะมาทำกิจกรรมแล้วก็กลับ ส่วนฝรั่งจะนอนที่นี่”
สิ่งที่เจ้าของฟาร์มสเตย์ต้องการก็คือ เผยแพร่ความรู้แบบเศรษฐกิจพอเพียง การพึ่งพาตนเอง สร้างรายได้แบบยั่งยืน ชีวิตเรียบง่ายในบ้านไร่ อาจสร้างความสุขและแรงบันดาลใจให้คุณก็ได้ ลองไปพักที่นี่สักคืนสิ
--------------
ที่ตั้ง : ต.หนองกุ่ม อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี
ราคา : 350-650 บาท
จุดเด่น: วิถีเรียบง่าย กิจกรรมน่าสนใจ
ติดต่อ : E-mail : [email protected] โทร. 08 1894 9959 และ 08 1526 3533







