คิดให้ดีก่อนเคี้ยว หมากฝรั่งดีหรือร้ายต่อสุขภาพของเรา?

งานวิจัยล่าสุดเผย หมากฝรั่งบางยี่ห้อ ปล่อยไมโครพลาสติกออกมาระหว่างเคี้ยว หากเคี้ยวเป็นประจำทุกวัน อาจเสี่ยงกลืนเข้าไปมากถึง 30,000 ชิ้นต่อปี โดยไม่รู้ตัว
หากคุณเป็นคนที่ชอบเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นประจำ คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแน่นอน
ผลสำรวจในสหรัฐฯ จากวัยรุ่น และ ผู้ใหญ่กว่า 3,000 คน พบว่า 62 % เคยเคี้ยวหมากฝรั่งในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และโดยเฉลี่ยเคี้ยววันละประมาณ 1 ชิ้น
แต่เคี้ยวหมากฝรั่งเยอะไปจะเสียสุขภาพไหม? หรือจริงๆ แล้วมันดีกว่าที่เราคิด?
กรุงเทพธุรกิจ จะพาผู้อ่านมาเคลียร์ใจให้ชัดก่อนจะเคี้ยวชิ้นถัดไป
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า การเคี้ยวหมากฝรั่ง ส่งผลได้หลายด้านต่อร่างกาย มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีของการเคี้ยวหมากฝรั่ง
1. สุขภาพช่องปากดีขึ้น
การเคี้ยวหมากฝรั่ง กระตุ้นให้น้ำลายหลั่งออกมา ช่วยลดกรดในปาก และป้องกันการสึกกร่อนของฟัน
ดร.ปีเตอร์ อาร์เซอนอลต์ (Dr. Peter Arsenault) ทันตแพทย์และศาสตราจารย์จากคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยทัฟต์ส อธิบายว่า
การเคลื่อนไหวของหมากฝรั่ง ยังช่วยพา เศษอาหาร และ คราบพลัค ออกจากซอกฟันและขอบเหงือกได้ คล้ายการแปรงฟัน น้ำลายที่เพิ่มขึ้น ก็ช่วยลดกลิ่นปากได้
หมากฝรั่งที่ใช้ ไซลิทอล แทนน้ำตาล จะช่วยลดจำนวนแบคทีเรียที่ก่อฟันผุ
มีงานวิจัยพบว่า การเคี้ยวหมากฝรั่ง หรือ อมลูกอม ที่มีไซลิทอลวันละ 3 – 5 ครั้ง หลังมื้ออาหาร ลดเสี่ยงฟันผุได้ 17 %
2. ลดกรดไหลย้อนได้ในบางคน
น้ำลายที่กลืนลงไปจะไปเจือจางกรดในหลอดอาหาร ทำให้อาการแสบหน้าอกเบาลง
ดร.อทิตี สแตนตัน (Dr. Aditi Stanton) แพทย์ระบบทางเดินอาหารในซินซินเนติ กล่าวว่า แม้งานวิจัยจะยังมีไม่มาก แต่มีการศึกษาพบว่า การเคี้ยวหมากฝรั่งปราศจากน้ำตาล 30 นาที หลังอาหารที่กระตุ้นกรด จะช่วยลดระดับกรดในหลอดอาหารได้
3. ช่วยให้สมองแล่น และ คลายเครียด
บางการศึกษาพบว่า การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยให้บางคนมีสมาธิ และเรียนรู้ได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ การเคี้ยวหมากฝรั่งอาจทำให้ อารมณ์ดีขึ้น และ ลดความตึงเครียดชั่วคราวได้ คล้ายเวลาคนบางคนสั่นขา หรือเล่นผมเมื่อรู้สึกประหม่า
เจนนา วัตสัน (Jenna Watson) นักจิตบำบัดในออร์แลนโด ซึ่งเชี่ยวชาญด้านความเครียดและภาวะหมดไฟ กล่าวว่า การเคี้ยวหมากฝรั่ง อาจเพิ่มการไหลเวียนเลือดในสมองบางส่วน จึงช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น
ข้อเสียที่อาจเกิดจากการเคี้ยวหมากฝรั่ง
1. ปัญหาข้อต่อขากรรไกร (TMJ)
การเคี้ยวหมากฝรั่งอาจทำให้อาการของผู้ที่มีปัญหา ข้อต่อขากรรไกร หรือ คนที่ชอบกัดฟัน และนอนกัดฟันแย่ลง
ดร.ปีเตอร์ อธิบายว่า การเคี้ยวนานๆ จะทำให้กล้ามเนื้อกรามล้า ส่งผลให้เกิดเสียงกึกกัก เวียนหัว ปวดหัว หรือเมื่อยกล้ามเนื้อใบหน้า
เพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อช่องปากแต่ลดผลเสียต่อกราม ควรเคี้ยวหลังอาหารเพียง 15 – 20 นาที
หากมีอาการ TMJ ชัดเจน อาจต้องเลี่ยงไปเลย
2. ปัญหาระบบย่อยอาหาร
สำหรับบางคน การเคี้ยวหมากฝรั่ง อาจทำให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารล่างคลายตัว ทำให้กรดไหลย้อน และ อาการแสบร้อนกลางอกกำเริบ
การเคี้ยวแรง หรือ เร็วเกินไป อาจทำให้กลืนอากาศเข้าไปมาก ส่งผลให้ท้องอืด มีแก๊ส และ เรอบ่อย
ส่วนสารให้ความหวานแทนน้ำตาลอย่าง ไซลิทอล และ ซอร์บิทอล มีฤทธิ์คล้ายยาระบาย อาจทำให้ท้องเสีย ปวดบิด หรือท้องอืดได้
3. รับไมโครพลาสติกโดยไม่รู้ตัว
หมากฝรั่งที่เราคุ้นเคยบางยี่ห้อ มีส่วนผสมของพลาสติก เช่น โพลีเอทิลีน และ โพลิไวนิลอะซิเตต เพื่อให้เกิดความเคี้ยวหนึบๆ เด้งๆ
งานนำเสนอที่ประชุม ACS เมื่อเดือนมีนาคม 2025 ทีม UCLA ได้ทำการเคี้ยวหมากฝรั่ง 10 แบรนด์ พบว่า
- หมากฝรั่ง 1 กรัม สามารถปล่อยพลาสติกจิ๋วเฉลี่ย 100 อนุภาค
- บางยี่ห้อสูงถึง 600 อนุภาค ภายใน 8 นาทีแรก
เมื่อคำนวณคร่าวๆ ในหนึ่งปี คนที่ชอบเคี้ยวหมากฝรั่ง อาจกลืนพลาสติกไปกว่า 30,000 ชิ้น !
หมากฝรั่งอาจช่วยให้ลมหายใจสดชื่นขึ้นก็จริง แต่หากเคี้ยวมากๆโดยไม่รู้เท่าทัน ก็อาจส่งผลต่อสุขภาพเราได้
ดร.แคทรินา คอร์ฟมาเคอร์ (Dr. Katrina Korfmacher) นักวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมจากศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ กล่าวว่า
หากคุณเป็นคนหยิบหมากฝรั่งชิ้นใหม่มาเคี้ยวทันทีที่ชิ้นแรกหมดรส ลองเคี้ยวชิ้นเดิมให้นานขึ้น เพื่อจำกัดการรับไมโครพลาสติกนี้
และเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ดร.แคทรินา ทิ้งท้ายว่า “อย่าทิ้งหมากฝรั่งลงพื้น”
อ้างอิง nytimes , pubmed , journals







